xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.แถลงคดีหมิ่นสถาบันฯ ละเอียดยิบ ปัด “ประวุฒิ” ลาออก ยังไม่พบมีเอี่ยวคดี(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTV ผู้จัดการ - ผบ.ตร. สาวไส้แก๊งหมิ่นเบื่องสูงฯแจ้ง 13 ข้อหาลงโทษผู้กระทำผิดพร้อมยึดของกลางอีกเพียบเชื่อมโยงคดีพงศ์พัฒน์ ลั่นสืบสวนเต็มที่ออกหมายจับเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดคาดว่าจะปิดคดีได้ในอีก 2 - 3 เดือน พร้อมปัดข่าวลือการลาออกของ พล.ต.อ.ประวุฒิ



เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท. รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ร่วมกันแถลงผลการดำเนินคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยมีผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาร์ต คนสนิทของนายสุริยัน และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา โดยมีการนำของกลาง และมีแผ่นชาร์ตที่อธิบายกระบวนการในการกระทำความผิดของคดีนี้มาแสดงต่อสื่อมวลชน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ตรวจพบกลุ่มบุคคลร่วมกระทำความผิดโดยมีพฤติการณ์แอบอ้าง หรือ แสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชน หรือบุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกรับผลประโยชน์ รวมทั้งได้กระทำความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ อีกหลายฐานความผิด ซึ่งการกระทำของบุคคลดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯ และความเสียหายอื่น ๆ เป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร จึงได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามข้อมูล และควบคุมตัวไว้ จากการสอบถามพบว่ามีมูลความผิดจริง จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จตแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าว ต่อมาตนได้มีคำสั่ง ตร. ที่ 578/2558 ลงวันที่ 16 ต.ค. 2558 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้า มี พล.ต.ท.ฐิติราช เป็นรองหัวหน้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ทำการสืบสวนสอบสวรวบรวมพยานหลักฐาน จนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา (สบ 10) ยืนใบลาออกจากราชการนั้น ตนขอยืนยันว่า ยังไม่ได้รับใบลาออกจาก พล.ต.อ.ประวุฒิ รวมทั้งไม่ได้รับการติดต่อจาก พล.ต.อ.ประวุฒิ แต่อย่างใด ขณะนี้เจ้าตัวลาราชการไปพักร้อนที่ต่างประเทศ เป็นสิทธิของ พล.ต.อ.ประวุฒิ ซึ่งเป็นการลาล่วงหน้าก่อนที่ตนมารับตำแหน่ง อาจจะลาขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตรงนี้เป็นเพียงกระแสข่าว ขณะนี้ยังไม่พบอะไร ที่ผ่านมาไม่มีใครเคยพูดเลยว่า พล.ต.อ.ประวุฒิ มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องรอผลการสอบสวนซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ามีการตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.ประวุฒิ นั้น ผมยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไม่มีการเข้าตรวจค้นแต่อย่างใด ผมไม่ทราบว่ากระแสข่าวดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไรเพราะไม่เคยให้ข่าวดังกล่าว ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงนี้ เรื่องนี้เป็นอำนาจของผมในการบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นวงรอบปกติ หลังมีการเปลี่ยนผ่าน ผบ.ตร. เป็นอำนาจการบริหาร เป็นการปรับเปลี่ยนตามปกติ และเป็นการเปลี่ยนทั้งทีมไม่ใช่เฉพาะตัวบุคคล เหมือนการเล่นกีฬาใครเล่นดีก็เอาลงสนามใครอ่อนล้าก็เปลี่ยนออก” ผบ.ตร. กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ได้บรรยายรายละเอียดทางคดีดังกล่าวว่า คดีการประทำความผิดของผู้ต้องหาที่ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แบ่งออกเป็น 13 คดี ดังนี้

1. คดีอาญาที่ 96/58 ประจำวันข้อ 4 เวลา 17.00 น. วันที่ 16 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ,พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด,นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาร์ต ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 99 ม.17 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 58 และ 3 ก.ย. 58 ร่วมกันแอบอ้างเป็นผู้แทนพระองค์ นำการ์ดขอบคุณมอบให้ภาคเอกชน

2. คดีอาญาที่ 97/58 ประจำวันข้อ 6 เวลา 18.00 น. วันที่ 19 ตุลาคม 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนชัยต์ วงษ์ชาตรี, พ.ต.ท.สหภูมิ สง่าเมือง, พ.ต.ต.นฤทธิ์ ผูกจิตร ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองฯ, ตั้งสถานีและมีใช้วิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมและใช้เอกาสารราชการปลอม สถานที่เกิดเหตุ คอนโดลาเมซอง แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. พฤติการณ์คือเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 58 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตรวจค้นคอนโดลาเมซองพบอาวุธปืน, รถ, วิทยุ ที่ผิดกฎหมายอยู่ภายในห้องผู้ต้องหา

3. คดีอาญาที่ 99/58 ประจำวันข้อ 3 เวลา 14.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ แก้วนาค ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา, บมจ.สามารถ เทเลคอม กับพวก ข้อหา มีและตั้งสถานีวิทยุโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต สถานทีเ่กิดเหตุ อาคารใบหยก 2 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม. พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 58 ตรวจสอบพบเครื่องรับส่งวิทยุแบบทบทวนสัญญาณ ย่านความถี่ UHF ยี่ห้อโมโตโรล่า รุ่น QUANTAR ของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อยู่บนชั้นที่ 84 อาคารใบหยก 2

4. คดีอาญาที่ 100/58 ประจำวันข้อ 4 เวลา 15.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พ.ต.ท.มนชัยต์ วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองฯ สถานที่เกิดเหตุ บก.ป. ถ.พหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 58 ตรวจค้นรถโตโยต้าเวนจูรี่ ที่ตรวจยึดมาจากคอนโดลาเมซอง พบอาวุธปืน HK 53 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 80 นัด

5.คดีอาญาที่ 101/58 ประจำวันข้อ 6 เวลา 16.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนชัยต์ วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหาคือนายศุกร์โข ตามเสรี ข้อหา มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองฯ สถานที่เกิดเหตุ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 58 เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด .380 จากบ้านพักผู้ต้องหา

6. คดีอาญาที่ 102/58 ประจำวันข้อ 7 เวลา 16.30 น.วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนชัยต์ วงษ์ชาตรี ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานทีเ่กิดเหตุ 89/364 ม.3 ต.บางแม่นาง องฐางใหญ่ จ.นนทบุรี พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับจากภาคเอกชน

7.คดีอาญาที่ 103/58 ประจำวันข้อ 8 เวลา 17.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์, พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชน กรุงเทพฯ พฤติการณ์ คือ เมื่อเดือน มิ.ย.58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 3 แสนบาท

8. คดีอาญาที่ 104/58 ประจำวันข้อ 9 เวลา 17.30 น. วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์,นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชน กรุงเทพฯ พฤติการณ์คือ เมื่อเดือน มิ.ย.58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 3 แสนบาท

9. คดีอาญาที่ 105/58 ประจำวันข้อ 10 เวลา 18.00 น. วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชน จ.อยุธยา พฤติการณ์คือ เมื่อเดือน ม.ย. 58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 1 แสนบาท

10. คดีอาญาที่ 106/58 ประจำวันข้อ 11 เวลา 18.30 น.วันที่ 27 ต.ค. 58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหา คือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์,นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชน จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์คือ เมื่อเดือน มิ.ย.58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 3 แสนบาท

11. คดีอาญาที่ 107/58 ประจำวันข้อ 12 เวลา 19.00 น. วันที่ 27 ต.ค.58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์,นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชน จ.สมุทรปราการ พฤติการณ์คือ เมื่อเดือน มิ.ย. 58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 2 แสนบาท

12. คดีอาญาที่ 108/58 ประจำวันข้อ 13 เวลา 19.30 น. วันที่ 27 ต.ค.58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ บริษัทเอกชน กรุงเทพฯ พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. - 18 ต.ค. 58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนจัดทำสิ่งของ และได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว เป็นเงิน 4.7 ล้านบาท

13.คดีอาญาที่ 109/58 ประจำวันข้อ 14 เวลา 20.00 น. วันที่ 27 ต.ค.58 กองปราบปราม ผู้กล่าวหาคือ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้ต้องหาคือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา กับพวก ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ สถานที่เกิดเหตุ สำนักงาน กสทช. แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. พฤติการณ์คือเกิดขึ้นระหว่างเดือน ก.ย. 58 ถึง ต.ค.58 ผู้ต้องหากับพวกแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงขอรับการสนับสนุนหมายเลขโทรศัพท์เลขสวยจาก กสทช.

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีนี้ในชั้นนี้มีผู้ต้องหาเพียง 3 ราย แต่พนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาล แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะขออนุมัติหมายจับต่อศาลได้เมื่อใด และไม่สามารถจะเปิดเผยได้ว่าเป็นใคร เป็นพลเรือน ตำรวจ หรือ ทหาร หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ถูกดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนภาคเอกชนที่กลุ่มผู้ต้องหาไปแอบอ้างตนไม่สามารถระบุได้ว่ามีบริษัทใดบ้างและไม่สามารถพูดพาดพิงได้ เพราะหากผิดพลาดอาจจะถูกฟ้องร้องได้ แต่ถ้าพบว่าเกี่ยวข้องก็จะต้องเชิญมาสอบปากคำทั้งหมด ที่สื่อมวลชนถามว่าเกี่ยวข้องกับเข็มกลัดหรือเสื้อ ตรงนี้ไม่ยืนยัน เพราะตนจำไม่ได้ สำหรับกิจกรรมหรือโครงการที่ผู้ต้องหาใช้ไปกล่าวอ้าง ตนไม่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องโครงการใด แต่ยืนยันได้ว่า ถ้าเกี่ยวข้องกับใครก็จะเรียกมาสอบสวน สำหรับคดีนี้คาดว่าภายใน 2 - 3 เดือน น่าจะปิดคดีได้

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่า พ.ต.ต.ปรากรม ผู้ต้องหารายสำคัญเสียชีวิตไปแล้ว แต่การสอบสวนก็ดำเนินการไปตามปกติ ทั้งนี้ ตามกฎหมายเมื่อผู้ต้องหาถึงแก่ความตายสิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องก็เป็นอันระงับไป แต่ก็ต้องมีการสอบสวนให้ชัดเจนว่าผิดหรือถูก มีใครร่วมกระทำผิดบ้าง ส่วนเรื่องรถยนต์ของกลางที่ตรวจยึดมาจำนวนมากพบว่ารถบางคันเป็นป้ายทะเบียนปลอม บางคันก็เป็นรถที่แจ้งยักยอกมา บางคันไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจดทะเบียนที่ใด ส่วนรถที่ระบุว่าเป็นของสถานทูตแคนนาดา เป็นรถที่ใช้ทะเบียนปลอม

ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหาไหวตัวและได้พยายามทำลายพยานหลักฐาน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการกู้ข้อมูลกลับคืนมา บางส่วนดำเนินการได้ แต่บางส่วนยังพยายามดำเนินการอยู่ ส่วนตำรวจสังกัดบช.ก.ทั้ง 8 นายที่ถูกสั่งให้มาช่วยราชการที่ศปก.บช.ก.นั้นได้ทำการสืบสวนสอบสวนพร้อมส่งข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวนที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้าชุด ทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง พฤติการณ์ของนายสุริยัน เมื่อได้ทรัพย์มาก็มีการซ่อนเร้น อำพราง ทรัพย์สิน ไปที่กลุ่มญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด มีการนำไปแปรสภาพ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ แต่ตำรวจสามารถตรวจสอบได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เกี่ยวกับคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ของกลางที่ยึดได้ เป็นทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็ยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตนเองจริง

เมื่อถามว่า ของกลางไปอยู่ที่ผู้ต้องหาได้อย่างไร พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ของกลางทั้งหมดมีการเอาไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเข้ายึด ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเข้ายึดทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แต่ปรากฏว่าทรัพย์สินเหล่านี้ถูกแยกออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะมีการเข้าไปยึด ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ต.ปรากรม ก็ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานแต่ทรัพย์สินกลับไปอยู่ที่ พ.ต.ต.ปรากรม ได้อย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องดำเนินคดี ส่วนจะมีใครร่วมบ้างก็ต้องมีการสืบสวนขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากรณีนี้จะต้องมีผู้ที่สมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นข้าราชการหน่วยไหน หากหลักฐานสาวไปถึงใครก็ถูกดำเนินคดีทั้งหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางกองทัพ เป็นผู้ร้องทุกข์ ตั้งแต่คดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จนมาถึงคดีนี้ จึงต้องอาศัยข้อมูลจากกองทัพ ซึ่งทางกองทัพ ยืนยันว่าจะไม่ยอมไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าชื่อของ นายศุกร์โข ตามเสรี ที่ปรากฏขึ้นมาตามรายละเอียดทั้ง 13 คดี มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับขบวนการนี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานอยู่ และไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับของกลางที่นำมาแสดงต่อสื่อวลชน แบ่งเป็นทรัพย์สินของ พ.ต.ต.ปรากรม อาทิ ปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก, วิทยุสื่อสารจำนวนมาก ขณะที่ทรัพย์สินที่เป็นของกลางในคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อาทิ นาฬิกา, เงิน, ทอง, กีตาร์ ซึ่งเป็นของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ส่วนพระเครื่องจำนวนมาก เช่น ชุดพระเบญจภาคี เป็นของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 บก.ป. นอกจากนี้ ยังตรวจค้นพบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยาน รวมทั้งสิ้น 43 คัน แบ่งเป็นรถที่พบการกระทำผิด อาทิ ไม่มีทะเบียน และสวมทะเบียนปลอม จำนวน 10 คัน, รถที่ใช้ในราชการ จำนวน 11 คัน, รถที่ได้รับการสนับสนุน จากสถานทูตแคนาดา จำนวน 3 คัน และรถที่อยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 19 คัน







กำลังโหลดความคิดเห็น