วานนี้เห็นข่าวการเมืองของประเทศกัวเตมาลา ถือว่าเป็นอย่างฮาได้ระดับหนึ่ง…
“จิมมี โมราเลส อดีตนักแสดงตลกวัย 46 ปี ซึ่งไม่มีประสบการณ์เล่นการเมืองมาก่อน คว้าชัยชนะถล่มทลายในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีกัวเตมาลา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งสะท้อนถึงกระแสความเบื่อหน่ายนักการเมือง หลังเกิดคดีคอร์รัปชันอื้อฉาวที่ทำให้ประธานาธิบดีคนก่อนต้องหลุดจากเก้าอี้ไปเมื่อเดือนกันยายน…”
หมายความว่าชาวกัวเตมาลาหมดหวังในนักการเมืองอาชีพ มีแต่พวกขี้โกง ขี้ฉ้อ ตอแหล เลยตัดสินใจเลือกตัวตลกมาเป็นผู้นำประเทศ อย่างน้อยน่าจะสร้างความขบขันได้บ้าง แทนพวกที่เข้ามาตั้งหน้าตั้งตาโกงอย่างเดียว อย่างที่เคยเจอมาหลายทศวรรษแล้ว
นี่เป็นเรื่องตลกร้ายทางการเมืองของกัวเตมาลา เพื่อดิ้นรนให้พ้นจากสภาพการเมืองด้อยพัฒนาเหมือนบรรดาประเทศในโลกที่ 3 หรือไม่ เพราะชาวกัวเตมาลาคงนึกว่าตัวตลกคงไม่โกงสะบั้นหั่นแหลกเหมือนนักการเมืองบ้านเราที่เคยประกาศหลอกลวงคนบ้องตื้น
“รวยแล้วไม่โกงกินคำเล็กๆ…” ตามที่ได้ยินในยุคเหลี่ยมเนียนหลายปีก่อน แต่ชาวบ้องตื้นลืมนึกไปว่า ถ้าไม่โกงทุกลมหายใจเข้าออกแล้วรวยมาได้อย่างไรเป็นหมื่นๆ ล้านบาทเกินหน้าชาวบ้านด้วยกัน ถ้าค้าขายต้องเป็นพวกหน้าเลือด เอาเปรียบผู้บริโภคสุดๆ
เข้าขั้นเป็นตำนานยิวจอมตืดเค็ม ยอมรับนับถือเป็นอาจารย์ด้านหน้าเลือดนั่นเอง!
อนาคตของการเมืองกัวเตมาลาจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวตลกว่าจะจัดการปัญหาบ้านเมืองอย่างจริงจังได้อย่างไร ถ้าทำงานไม่เก่ง แต่ไม่โกง ยังนับว่าดี
ขอประทานโทษนะครับ ชาวกัวเตมาลาทั้งหลาย!! รู้หรือไม่ว่าพวกท่านยังล้าสมัยกว่าชาวสยามเมืองยิ้มเหลือเกิน รู้หรือไม่ว่าชาวสยามนั้นได้เลือกตัวตลกหลากประเภทสายพันธุ์มาเป็นผู้นำประเทศหลายคนแล้ว แต่ละคนไม่ซ้ำแบบ ต่างกันที่โกงมากหรือโกงน้อย
ชาวสยามเมืองยิ้มคุ้นกับตัวตลกทางการเมือง ทุกวัยมีทั้งหญิงชาย นอกจากตัวตลกได้เป็นผู้นำประเทศแล้ว ยังมีตัวตลกซกมกระดับรองๆ เข้าคิวยาว พร้อมจะเล่นบทตลกร้าย ตลกโปกฮาปัญญาอ่อนให้ชาวสยามเมืองยิ้มอยู่ในอารมณ์ “หัวร่อมิได้ ร่ำไห้มิออก” เสมอ
ที่สำคัญ ยังมีพวกตลกด้าน และตลกหน้าด้าน ลอยหน้าลอยตาอยู่ทุกวัน ไม่รู้จักอาย! ทนต่อเสียงโห่ไล่ของชาวบ้าน ตัวตลกผู้นำการเมืองบางคนหน้าทนสาหัส ชาวบ้านรวมตัวกันหลายล้านคน เสี่ยงภัยจากอาวุธสงครามเดินขบวนขับไล่หลายเดือน ยังไม่ออก
ดังนั้น การเมืองไทยจึงมีมากกว่าตัวตลก มีตัวโกง ตัวแสบ ตัวอิจฉา ตัวเลื่อยขาเก้าอี้ ตัวทรยศหักหลัง ผู้นำประเทศสยามเมืองยิ้มสามารถรับได้หลายบท เก่งโดยไม่ต้องใช้ผู้กำกับ อาจมีบางช่วงเพียงต้องการคนบอกบท ตัวเขียนโพยให้ เพราะสติปัญญาบกพร่อง
พูดถึงผู้นำตัวตลกของสยามเมืองยิ้ม บางคนจำกัดบทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ แต่บางรายหน้ายิ้มสู้โลก กล้าเล่นบทตลกบนเวทีระหว่างประเทศ เดินสายไปเกือบทุกทวีป แทนที่จะรู้สึกอาย ดันภูมิใจเชิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวตลกโดยไม่มีใครกล้าเทียบชั้น
บางรายเป็นตัวตลก มีบทพูดเป็นภาษาต่างประเทศ ถ่ายทอดสดผ่านทีวีไปทั่วโลก! ดังนั้น ชาวกัวเตมาลาเลิกเห่อ เลิกตื่นเต้นได้แล้วว่าได้เลือกตัวตลกมาเป็นผู้นำประเทศ
โธ่! มีตัวตลกการเมืองคนเดียว ทำเป็นมาคุย ดินแดนสยามเมืองยิ้มนั้น บอกมาเลยว่าต้องการตัวตลกการเมืองสักกี่โหล ถ้าสภาฯ เปิดเมื่อไหร่ หรือเห็นแผงป้ายหาเสียงเมื่อไหร่หลับตาชี้ได้เลย รับรองว่าไม่พลาดได้ตัวตลก จะได้ถึงขั้นซกมก โกงหน้าด้านแค่ไหนเท่านั้น
การเมืองไทยกับการเล่นตลกเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่เคยขาดแคลน แต่ชาวสยามเมืองยิ้มบางครั้งไม่อดทนต่อบทตลกด้าน ถ้าเล่นบทเดิมซ้ำซากไม่สนใจอารมณ์ผู้ชม เมื่อเกินทนมักรวมตัวชุมนุมเดินขบวนขับไล่ สร้างสถิติใหม่ในการปักหลักพักค้างยืดเยื้อหลายยุค
ยุคก่อนหน้าขบวนการเหลี่ยมเป็นใหญ่ สยามเมืองยิ้มมีตลกเฟอะฟะ 2-3 คน เรียกขานชื่อคนดังแบบผิดๆ ถูกๆ สร้างความขบขันได้ไม่น้อย บางรายมีปัญหาเรื่องความจำ แต่ใจดีโอบอ้อมอารี ใครมาขออะไรไม่เคยขัดใจ แต่ว่าต้องทนเป็นรายสุดท้ายจึงจะสมหวัง
ตัวตลกชาวกัวเตมาลาไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง จึงต่างจากชาวสยามเมืองยิ้มซึ่งส่วนใหญ่ช่วงแรกมักซ่อนเร้นความเป็นตัวตลก วางฟอร์มดี หน่วยก้านลวงโลกได้เนียน โกหกหาเสียงเจื้อยแจ้วตาไม่กะพริบ จะออกลายตลกร้ายเมื่อได้เป็นผู้นำแล้ว
มีตัวตลกซกมกอาชีพเข้ามาเล่นการเมืองเช่นกัน จัดอยู่ในกลุ่มโหดสู้แล้วรวย กล้าเสี่ยงคุกตะราง เมื่อความเลวลงลึกเข้ากระดูกดำก็ยกระดับเป็นอาชญากร นักปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง ทำลายสถาบันหลักของชาติ เป็นสมุนรับใช้ของนักสร้างภาพเพื่อขายชาติ
ดังนั้น การเมืองกัวเตมาลาจึงเป็นเพียงตลกสั้นๆ ระดับพื้นฐานอนุบาล เมื่อเทียบกับนักตลกการเมืองสยามเมืองยิ้ม แม้สถานการณ์ในโลกพัฒนาไปแล้วก็ตาม สายพันธุ์ตลกซกมก ตลกรับประทานคำโตในบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีวันสูญพันธุ์เด็ดขาดมีตัวตายตัวแทนเสมอ
สายพันธุ์ใหม่แข่งกันเร่งพัฒนาบทเนื้อหา สร้างจินตนาการสร้างบทตลกเนียน เมื่อชาวบ้านรู้ทันอารมณ์เสีย ขับไล่ให้ลงเวที ระยะหลังๆ มีตลกชุดเขียวมาเล่นสลับกันนักตลกการเมืองอาชีพ สร้างความขบขันได้ไม่น้อย มีบท “เยี่ยวไม่สุด” ทำให้ชาวบ้านเบื่อหน่าย
ศิลปะตลกด้านไม่จำกัดเฉพาะระดับผู้นำประเทศเท่านั้น การเมืองสยามเมืองยิ้มมีตลกแทรกทุกระดับ ยิ่งในสภาผู้แทนนับว่าเป็นเวทีตลกขนาดใหญ่หลากสายพันธุ์ มีทั้ง18 มงกุฎ กะล่อนปลิ้นปล้อน มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก โกหกไม่ซ้ำคำ หน้าด้านกว่าส้นเท้า
ชาวสยามเมืองยิ้มไม่เตรียมอารมณ์รับคณะตลกใหม่ ส่วนใหญ่เดาบทได้ง่าย คณะปัจจุบันยังไม่นับว่าเป็นตลก ต้องรอการประเมิน จำแนกประเภทเมื่อแสดงจบแล้วเท่านั้น
“จิมมี โมราเลส อดีตนักแสดงตลกวัย 46 ปี ซึ่งไม่มีประสบการณ์เล่นการเมืองมาก่อน คว้าชัยชนะถล่มทลายในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีกัวเตมาลา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งสะท้อนถึงกระแสความเบื่อหน่ายนักการเมือง หลังเกิดคดีคอร์รัปชันอื้อฉาวที่ทำให้ประธานาธิบดีคนก่อนต้องหลุดจากเก้าอี้ไปเมื่อเดือนกันยายน…”
หมายความว่าชาวกัวเตมาลาหมดหวังในนักการเมืองอาชีพ มีแต่พวกขี้โกง ขี้ฉ้อ ตอแหล เลยตัดสินใจเลือกตัวตลกมาเป็นผู้นำประเทศ อย่างน้อยน่าจะสร้างความขบขันได้บ้าง แทนพวกที่เข้ามาตั้งหน้าตั้งตาโกงอย่างเดียว อย่างที่เคยเจอมาหลายทศวรรษแล้ว
นี่เป็นเรื่องตลกร้ายทางการเมืองของกัวเตมาลา เพื่อดิ้นรนให้พ้นจากสภาพการเมืองด้อยพัฒนาเหมือนบรรดาประเทศในโลกที่ 3 หรือไม่ เพราะชาวกัวเตมาลาคงนึกว่าตัวตลกคงไม่โกงสะบั้นหั่นแหลกเหมือนนักการเมืองบ้านเราที่เคยประกาศหลอกลวงคนบ้องตื้น
“รวยแล้วไม่โกงกินคำเล็กๆ…” ตามที่ได้ยินในยุคเหลี่ยมเนียนหลายปีก่อน แต่ชาวบ้องตื้นลืมนึกไปว่า ถ้าไม่โกงทุกลมหายใจเข้าออกแล้วรวยมาได้อย่างไรเป็นหมื่นๆ ล้านบาทเกินหน้าชาวบ้านด้วยกัน ถ้าค้าขายต้องเป็นพวกหน้าเลือด เอาเปรียบผู้บริโภคสุดๆ
เข้าขั้นเป็นตำนานยิวจอมตืดเค็ม ยอมรับนับถือเป็นอาจารย์ด้านหน้าเลือดนั่นเอง!
อนาคตของการเมืองกัวเตมาลาจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวตลกว่าจะจัดการปัญหาบ้านเมืองอย่างจริงจังได้อย่างไร ถ้าทำงานไม่เก่ง แต่ไม่โกง ยังนับว่าดี
ขอประทานโทษนะครับ ชาวกัวเตมาลาทั้งหลาย!! รู้หรือไม่ว่าพวกท่านยังล้าสมัยกว่าชาวสยามเมืองยิ้มเหลือเกิน รู้หรือไม่ว่าชาวสยามนั้นได้เลือกตัวตลกหลากประเภทสายพันธุ์มาเป็นผู้นำประเทศหลายคนแล้ว แต่ละคนไม่ซ้ำแบบ ต่างกันที่โกงมากหรือโกงน้อย
ชาวสยามเมืองยิ้มคุ้นกับตัวตลกทางการเมือง ทุกวัยมีทั้งหญิงชาย นอกจากตัวตลกได้เป็นผู้นำประเทศแล้ว ยังมีตัวตลกซกมกระดับรองๆ เข้าคิวยาว พร้อมจะเล่นบทตลกร้าย ตลกโปกฮาปัญญาอ่อนให้ชาวสยามเมืองยิ้มอยู่ในอารมณ์ “หัวร่อมิได้ ร่ำไห้มิออก” เสมอ
ที่สำคัญ ยังมีพวกตลกด้าน และตลกหน้าด้าน ลอยหน้าลอยตาอยู่ทุกวัน ไม่รู้จักอาย! ทนต่อเสียงโห่ไล่ของชาวบ้าน ตัวตลกผู้นำการเมืองบางคนหน้าทนสาหัส ชาวบ้านรวมตัวกันหลายล้านคน เสี่ยงภัยจากอาวุธสงครามเดินขบวนขับไล่หลายเดือน ยังไม่ออก
ดังนั้น การเมืองไทยจึงมีมากกว่าตัวตลก มีตัวโกง ตัวแสบ ตัวอิจฉา ตัวเลื่อยขาเก้าอี้ ตัวทรยศหักหลัง ผู้นำประเทศสยามเมืองยิ้มสามารถรับได้หลายบท เก่งโดยไม่ต้องใช้ผู้กำกับ อาจมีบางช่วงเพียงต้องการคนบอกบท ตัวเขียนโพยให้ เพราะสติปัญญาบกพร่อง
พูดถึงผู้นำตัวตลกของสยามเมืองยิ้ม บางคนจำกัดบทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ แต่บางรายหน้ายิ้มสู้โลก กล้าเล่นบทตลกบนเวทีระหว่างประเทศ เดินสายไปเกือบทุกทวีป แทนที่จะรู้สึกอาย ดันภูมิใจเชิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวตลกโดยไม่มีใครกล้าเทียบชั้น
บางรายเป็นตัวตลก มีบทพูดเป็นภาษาต่างประเทศ ถ่ายทอดสดผ่านทีวีไปทั่วโลก! ดังนั้น ชาวกัวเตมาลาเลิกเห่อ เลิกตื่นเต้นได้แล้วว่าได้เลือกตัวตลกมาเป็นผู้นำประเทศ
โธ่! มีตัวตลกการเมืองคนเดียว ทำเป็นมาคุย ดินแดนสยามเมืองยิ้มนั้น บอกมาเลยว่าต้องการตัวตลกการเมืองสักกี่โหล ถ้าสภาฯ เปิดเมื่อไหร่ หรือเห็นแผงป้ายหาเสียงเมื่อไหร่หลับตาชี้ได้เลย รับรองว่าไม่พลาดได้ตัวตลก จะได้ถึงขั้นซกมก โกงหน้าด้านแค่ไหนเท่านั้น
การเมืองไทยกับการเล่นตลกเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่เคยขาดแคลน แต่ชาวสยามเมืองยิ้มบางครั้งไม่อดทนต่อบทตลกด้าน ถ้าเล่นบทเดิมซ้ำซากไม่สนใจอารมณ์ผู้ชม เมื่อเกินทนมักรวมตัวชุมนุมเดินขบวนขับไล่ สร้างสถิติใหม่ในการปักหลักพักค้างยืดเยื้อหลายยุค
ยุคก่อนหน้าขบวนการเหลี่ยมเป็นใหญ่ สยามเมืองยิ้มมีตลกเฟอะฟะ 2-3 คน เรียกขานชื่อคนดังแบบผิดๆ ถูกๆ สร้างความขบขันได้ไม่น้อย บางรายมีปัญหาเรื่องความจำ แต่ใจดีโอบอ้อมอารี ใครมาขออะไรไม่เคยขัดใจ แต่ว่าต้องทนเป็นรายสุดท้ายจึงจะสมหวัง
ตัวตลกชาวกัวเตมาลาไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง จึงต่างจากชาวสยามเมืองยิ้มซึ่งส่วนใหญ่ช่วงแรกมักซ่อนเร้นความเป็นตัวตลก วางฟอร์มดี หน่วยก้านลวงโลกได้เนียน โกหกหาเสียงเจื้อยแจ้วตาไม่กะพริบ จะออกลายตลกร้ายเมื่อได้เป็นผู้นำแล้ว
มีตัวตลกซกมกอาชีพเข้ามาเล่นการเมืองเช่นกัน จัดอยู่ในกลุ่มโหดสู้แล้วรวย กล้าเสี่ยงคุกตะราง เมื่อความเลวลงลึกเข้ากระดูกดำก็ยกระดับเป็นอาชญากร นักปลุกระดมเผาบ้านเผาเมือง ทำลายสถาบันหลักของชาติ เป็นสมุนรับใช้ของนักสร้างภาพเพื่อขายชาติ
ดังนั้น การเมืองกัวเตมาลาจึงเป็นเพียงตลกสั้นๆ ระดับพื้นฐานอนุบาล เมื่อเทียบกับนักตลกการเมืองสยามเมืองยิ้ม แม้สถานการณ์ในโลกพัฒนาไปแล้วก็ตาม สายพันธุ์ตลกซกมก ตลกรับประทานคำโตในบ้านนี้เมืองนี้ไม่มีวันสูญพันธุ์เด็ดขาดมีตัวตายตัวแทนเสมอ
สายพันธุ์ใหม่แข่งกันเร่งพัฒนาบทเนื้อหา สร้างจินตนาการสร้างบทตลกเนียน เมื่อชาวบ้านรู้ทันอารมณ์เสีย ขับไล่ให้ลงเวที ระยะหลังๆ มีตลกชุดเขียวมาเล่นสลับกันนักตลกการเมืองอาชีพ สร้างความขบขันได้ไม่น้อย มีบท “เยี่ยวไม่สุด” ทำให้ชาวบ้านเบื่อหน่าย
ศิลปะตลกด้านไม่จำกัดเฉพาะระดับผู้นำประเทศเท่านั้น การเมืองสยามเมืองยิ้มมีตลกแทรกทุกระดับ ยิ่งในสภาผู้แทนนับว่าเป็นเวทีตลกขนาดใหญ่หลากสายพันธุ์ มีทั้ง18 มงกุฎ กะล่อนปลิ้นปล้อน มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก โกหกไม่ซ้ำคำ หน้าด้านกว่าส้นเท้า
ชาวสยามเมืองยิ้มไม่เตรียมอารมณ์รับคณะตลกใหม่ ส่วนใหญ่เดาบทได้ง่าย คณะปัจจุบันยังไม่นับว่าเป็นตลก ต้องรอการประเมิน จำแนกประเภทเมื่อแสดงจบแล้วเท่านั้น