xs
xsm
sm
md
lg

ประหารชีวิต“ส.ท.ต่าย” ยิงอดีต ส.ส.ไทยรักไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต “ส.ท.ต่าย” ในคดียิงถล่ม “กอบกุล” อดีต ส.ส.ไทยรักไทย กลางเมืองราชบุรีปี 2549 ส่วนลูกน้องโดนคุกตลอดชีวิตตามศาลอุทธรณ์

วันนี้ (20 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 915 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆ่านางกอบกุล นพอมรบดี อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จ.ราชบุรี หมายเลขดำ อ.2995/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายมานิต นพอมรบดี อดีต รมช.สาธารณสุข สามีของนางกอบกุล เป็นโจทก์ร่วมกันยื่นฟ้อง นายอนันตศักดิ์ หรือต่าย ศรีสวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองราชบุรี หรือ ส.ท.ต่าย อายุ 50 ปี, นายวิญญู หรือเลิฟ รัตนวรรณี อายุ 38 ปี พ่อค้าขายผัก และนายอานนท์ หรือเอ็ม พันธ์รัตน์ คนดูแลโต๊ะสนุกเกอร์ อายุ 48 ปี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแล้วไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 80, 83, 91, 289, 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490

โจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2549 จำเลยทั้งสาม ร่วมกับนายสงัด หรือเปี๊ยก พุ่มเพ็ง ผู้ต้องหาอีกคนที่เสียชีวิตไปแล้วร่วมกันมีอาวุธปืนเล็กกลแบบเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก และกระสุนปืน .223 โดยจำเลยทั้งหมดร่วมกันพกพาอาวุธปืนเข้าไปใน ต.หลุมดิน และตลาดศรีเมือง ต.หน้าเมือง กับสี่แยกเขางู (สี่แยกนิสสัน) หมู่ที่ 2 ต.เจดีย์หัก อ.เมืองราชบุรี อันเป็นเมืองหมู่บ้านและที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แล้วจำเลยทั้งสามได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนางกอบกุล นพอมรบดี อดีต ส.ส.ราชบุรี จนถึงแก่ความตาย โดยถูกยิงที่ใบหน้าศีรษะ หัวไหล่ซ้าย และขาขวา

นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวอีกจำนวน 2 คน คือ นายชาตรี ศุภรานันท์ ผู้เสียหายที่ 1 ถูกยิงที่บ่าขวา ต้นแขนขวา และสะบักขวา และ จ.ส.ต.สายชล แก้วสายทอง ผู้เสียหายที่ 2 ถูกเศษกระจกรถยนต์บาดเจ็บ จนได้รับอันตรายแก่กาย เหตุเกิดขณะรถจอดรอสัญญาณไฟอยู่ที่บริเวณสี่แยกเขางู โดยจำเลยทั้งสามได้ไตร่ตรองไว้ ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจยึดปลอกกระสุนขนาด .223 ได้จำนวน 38 ปลอก

ต่อมาวันที่ 1 มิ.ย.2549 สามารถจับกุม นายอนันตศักดิ์ จำเลยที่ 1 ได้และสามารถขยายผลตรวจยึดปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวน 14 ปลอก ปลอกกระสุนปืนลูกซอง วินเชสเตอร์ จำนวน 1 ปลอก ปลอกกระสุนปืน .223 จำนวน 45 ปลอก ซึ่งจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาดต่างๆ ซักซ้อมก่อนกระทำการสังหาร นางกอบกุล

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดของนายอานนท์ไว้ได้ จากนั้นเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2549 สามารถยืดอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 17 นัด ในวันที่ 3 มิ.ย. 2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมนายวิญญู จำเลยที่ 2 พร้อมรถกระบะโตโยต้าวีโก้ หมายเลขทะเบียน บม 6149 นครศรีธรรมราช และในวันที่ 4 มิ.ย. 2549 จับกุม นายอานนท์ จำเลยที่ 3 พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การสารภาพฐานร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ และจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยโจทก์ขอให้นับโทษนายอนันตศักดิ์ จำเลยที่ 1 จากคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 8 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ในความผิดเล่นการพนันสลากกินร่วมตามคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 1760/2548 ของศาลแขวงราชบุรี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2548 ด้วย

คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ม.289 (4) ซึ่งเป็นโทษบทหนักสุด และจำคุกอีกคนละ 3 ปี ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แต่จำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนให้ 1 ใน 3 คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 2-3 และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงิน 3 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2549 ให้กับนายชาตรี ศุภรานันท์ คนขับรถ นางกอบกุล ผู้เสียหายที่ 1

ต่อมานายมานิต สามีของนางกอบกุล โจทก์ร่วม, นายอนันตศักดิ์ หรือ ส.ท.ต่าย จำเลยที่ 1 และนายอานนท์ จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกา แต่ภายหลังนายอานนท์ จำเลยที่ 3 ยื่นขอถอนฎีกา

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายมานิต อดีต รมช.สาธารณสุข สามีของผู้ตายและโจทก์ร่วมได้เดินทางมาศาล ส่วนนายอานนท์จำเลยที่ 3 ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมาฟังคำพิพากษา ส่วนนายอนันตศักดิ์ หรือ ส.ท.ต่าย จำเลยที่ 1 ปัจจุบันถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ศาลจึงให้ส่งคำพิพากษาศาลฎีกาไปอ่านให้นายอนันตศักดิ์ จำเลยที่ 1 ฟังต่อไป

ขณะที่ศาลอ่านสรุปคำพิพากษาศาลฎีกาให้โจทก์ร่วม และนายอานนท์จำเลยที่ 3 ฟังว่า ที่นายมานิต โจทก์ร่วมยื่นฎีกาในประเด็นว่านายอนันตศักดิ์ จำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2-3 หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยทั้งสอง จึงพิพากษายืนประหารชีวิต

ส่วนนายอานนท์ จำเลยที่ 3 ที่ยื่นขอถอนฎีกานั้น ศาลฎีกาอนุญาต ดังนั้น นายอานนท์ จำเลยที่ 3 จึงต้องรับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ให้จำคุกตลอดชีวิต


ด้านนายมานิต สามีของนางกอบกุลให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้ถือว่าจำเลยทั้งหมดได้รับโทษสูงสุดแล้ว ส่วนใหญ่ก็มีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จึงเป็นส่วนสำคัญให้กระบวนการยุติธรรมสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ สำหรับคดีนี้ผ่านมาเกือบจะครบ 10 ปีแล้ว โดยหลังเกิดเหตุตำรวจได้ทำงานอย่างหนักในการลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐาน กระทั่งมีการสอบสวนจนได้ตัวผู้กระทำผิด ส่วนเรื่องค่าเสียหายที่ศาลมีคำสั่งให้ชดใช้นั้นก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น