ASTVผู้จัดการรายวัน – สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ จี้รัฐแก้ปัญหาท่องเที่ยวด่วน เตรียมยื่นข้อเสนอมาตรการต่างๆให้รัฐบาลหวังฟื้นตลาดในประเทศ ขณะที่ปี 58 คาดการณ์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 30 ล้านคน เพิ่ม 22.28% โกยรายได้ 1.42 ล้านล้านบาท เพิ่ม 21.45% แต่สัดส่วนนักท่องเที่ยวที่มีรายจ่ายต่อคนสูงกลับลดลง เผยนักท่องเที่ยวจากเอเชียเพิ่มสูงถึง 73% โดยเฉพาะจีนมีมากกว่า 8 ล้านคน มั่นใจรายได้ท่องเที่ยวในประเทศเข้าเป้า 8 แสนล้านบาท
เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 3 ปี แย่กว่าปรกติ
นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ด้านการตลาดในประเทศ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยถึงแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยว่า ภาครัฐควรมีมาตรการต่างๆ เพื่อจูงใจและกระตุ้นนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางภายในประเทศมากขึ้นเพื่อทำรายได้ตามเป้าหมาย 8 แสนล้านบาทในปี 2558 โดยสามไตรมาสแรก2558 ทำรายได้แล้วประมาณ 6 แสนล้านบาท
ในเดือน พ.ย.นี้ สทท. จะนำข้อเสนอเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) โดยเฉพาะ 1. มาตรการภาษีส่งเสริมเที่ยวทั่วไทยที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ ที่จองและชำระเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ก่อนหน้านั้นภาครัฐกำหนดหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นผู้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 1.5 หมื่นบาท แต่ สทท. เห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงเป็นผู้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 5 หมื่นบาทโดยจะสามารถได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 20% ขณะเดียวกันภาครัฐยังเจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรงด้วยการมอบหมายให้ กรมสรรพากร ส่งเอกสารแนบไปยังผู้มีสิทธิ์ดังกล่าวซึ่งมีเป็นจำนวนประมาณ 2 ล้านคน โดยไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”
2.ภาครัฐควรสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีประมาณ 2 พันรายให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันรายละประมาณ 5 ล้านบาท หรือคิดเป็นงบประมาณรวม 1 หมื่นล้านบาท
3.สทท.จะเสนอภาครัฐให้ขยายเวลานโยบายสนับสนุนข้าราชการไทยให้เดินทางภายในประเทศทดแทนการศึกษาดูงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี และ4.ควรประกาศให้ เทศกาลวันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการ เพื่อส่งเสริมให้มีการเดินทางภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น
“การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศยังสามารถทำได้อีกหลายแนวทาง เช่น ขอความร่วมมือจาก กระทรวงศึกษาธิการ ในการนำนักเรียนเดินทางไปทัศนศึกษายังสถานที่ต่างๆ รวมถึงการกำหนดให้มีการจัดงานเมกะอีเว้นท์ขนาดใหญ่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น” นายยุทธชัย กล่าว
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สทท. ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 3 ปี 2558 สำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 600 ราย เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 3 ปี 2558 มีค่าเท่ากับ 98 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับแย่กว่าปรกติ เพราะกังวลเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว ( 38%) การแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่รุนแรง (34%) การเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (34%) และต้นทุนการประกอบธุรกิจที่สูงขึ้น (32%)
ยังมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ประเมินสถานการณ์ว่าดีกว่าปรกติ เพราะความสงบทางการเมือง (30%) และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำ ( 29%) ส่วนภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นฯ ไตรมาสที่ 4/58 มีค่าเท่ากับ 102 ซึ่งถือว่าดีกว่าปรกติ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (39%) โดยยังมีบางส่วนยังกังวลว่าจะแย่กว่าปรกติเพราะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังชะลอตัว (32%) โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ( 39%) เห็นว่าจะส่งผลลบต่อธุรกิจของตนเอง
ข้อมูลของ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย.58 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 22.13 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.78% และคาดว่าไตรมาส 4/58 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาอีกประมาณ 8.14 ล้านคน พร้อมสร้างรายได้ 1.42 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.45% ซึ่งถือเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาถึงรายได้และจำนวนวันเข้าพักต่อคนกลับพบว่าลดน้อยลง จากคนละ 47,271 บาทต่อการพักครั้งละ 9.85 วันในปี 2557 เป็นคนละ 47,010 บาทต่อการพักครั้งละ 9.3 วันในปี 2558
“จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีสัดส่วนที่เปลี่ยนไป คือเป็นนักท่องเที่ยวเอเชีย 73% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งคาดว่าจะมีมากถึง 8.14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 76.31% “
ขณะที่นักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งมีจำนวนวันพักเฉลี่ยและค่าใช้จ่ายต่อคนสูงกลับมีจำนวนลดลง ทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพและรายได้มากกว่าจำนวน
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวว่า ควรส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพื่อเน้นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และละตินอเมริกา โดยร่วมกับ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ในความร่วมมือการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่พิเศษของ อพท.
เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 3 ปี แย่กว่าปรกติ
นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ด้านการตลาดในประเทศ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยถึงแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยว่า ภาครัฐควรมีมาตรการต่างๆ เพื่อจูงใจและกระตุ้นนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางภายในประเทศมากขึ้นเพื่อทำรายได้ตามเป้าหมาย 8 แสนล้านบาทในปี 2558 โดยสามไตรมาสแรก2558 ทำรายได้แล้วประมาณ 6 แสนล้านบาท
ในเดือน พ.ย.นี้ สทท. จะนำข้อเสนอเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) โดยเฉพาะ 1. มาตรการภาษีส่งเสริมเที่ยวทั่วไทยที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ ที่จองและชำระเงินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ก่อนหน้านั้นภาครัฐกำหนดหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นผู้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 1.5 หมื่นบาท แต่ สทท. เห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงเป็นผู้มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 5 หมื่นบาทโดยจะสามารถได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 20% ขณะเดียวกันภาครัฐยังเจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรงด้วยการมอบหมายให้ กรมสรรพากร ส่งเอกสารแนบไปยังผู้มีสิทธิ์ดังกล่าวซึ่งมีเป็นจำนวนประมาณ 2 ล้านคน โดยไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองงบประมาณการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”
2.ภาครัฐควรสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งมีประมาณ 2 พันรายให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันรายละประมาณ 5 ล้านบาท หรือคิดเป็นงบประมาณรวม 1 หมื่นล้านบาท
3.สทท.จะเสนอภาครัฐให้ขยายเวลานโยบายสนับสนุนข้าราชการไทยให้เดินทางภายในประเทศทดแทนการศึกษาดูงานต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี และ4.ควรประกาศให้ เทศกาลวันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการ เพื่อส่งเสริมให้มีการเดินทางภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น
“การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศยังสามารถทำได้อีกหลายแนวทาง เช่น ขอความร่วมมือจาก กระทรวงศึกษาธิการ ในการนำนักเรียนเดินทางไปทัศนศึกษายังสถานที่ต่างๆ รวมถึงการกำหนดให้มีการจัดงานเมกะอีเว้นท์ขนาดใหญ่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น” นายยุทธชัย กล่าว
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สทท. ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 3 ปี 2558 สำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว 600 ราย เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 3 ปี 2558 มีค่าเท่ากับ 98 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับแย่กว่าปรกติ เพราะกังวลเศรษฐกิจไทยที่ยังชะลอตัว ( 38%) การแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่รุนแรง (34%) การเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (34%) และต้นทุนการประกอบธุรกิจที่สูงขึ้น (32%)
ยังมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ประเมินสถานการณ์ว่าดีกว่าปรกติ เพราะความสงบทางการเมือง (30%) และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำ ( 29%) ส่วนภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นฯ ไตรมาสที่ 4/58 มีค่าเท่ากับ 102 ซึ่งถือว่าดีกว่าปรกติ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (39%) โดยยังมีบางส่วนยังกังวลว่าจะแย่กว่าปรกติเพราะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังชะลอตัว (32%) โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ( 39%) เห็นว่าจะส่งผลลบต่อธุรกิจของตนเอง
ข้อมูลของ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย.58 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 22.13 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.78% และคาดว่าไตรมาส 4/58 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาอีกประมาณ 8.14 ล้านคน พร้อมสร้างรายได้ 1.42 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.45% ซึ่งถือเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นเพราะจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาถึงรายได้และจำนวนวันเข้าพักต่อคนกลับพบว่าลดน้อยลง จากคนละ 47,271 บาทต่อการพักครั้งละ 9.85 วันในปี 2557 เป็นคนละ 47,010 บาทต่อการพักครั้งละ 9.3 วันในปี 2558
“จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีสัดส่วนที่เปลี่ยนไป คือเป็นนักท่องเที่ยวเอเชีย 73% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งคาดว่าจะมีมากถึง 8.14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 76.31% “
ขณะที่นักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งมีจำนวนวันพักเฉลี่ยและค่าใช้จ่ายต่อคนสูงกลับมีจำนวนลดลง ทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพและรายได้มากกว่าจำนวน
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวว่า ควรส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพื่อเน้นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และละตินอเมริกา โดยร่วมกับ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ในความร่วมมือการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่พิเศษของ อพท.