xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จลาจล “แค่เอาคืนตำรวจ” สร้างหายนะข้ามคืนให้ “เกาะภูเก็ต”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“เหตุการณ์จลาจล เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา หน้า สภ.ถลาง เป็นการฉวยโอกาสเอาคืนตำรวจของกลุ่มวัยรุ่น รวมทั้งเครือข่ายยาเสพติดที่ไม่พอใจการทำงานของตำรวจ”

นี่คือสิ่งที่ พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ภูเก็ต ยอมรับถึงชนวนเหตุความรุนแรงของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับ จ.ภูเก็ตครั้งใหญ่สุดของการประท้วงที่ผ่านมาๆ

ตัวจุดชนวนความรุนแรงจนสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้ภูเก็ต เริ่มต้นจากเมื่อช่วงสายๆ ของวันเสาร์ที่ 10 ต.ค.58 ตำรวจชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตั้งด่านตรวจปฏิบัติหน้าที่ตามปกติบนถนนน้ำตกโตนไทร ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ระหว่างนั้นได้มีวัยรุ่น 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจ แต่วัยรุ่นทั้ง 2 กลับบึ่งรถหลบหนีแบบไม่คิดชีวิต ตำรวจจึงได้วิทยุขอกำลังสนับสนุนในการสกัดจับทุกเส้นทาง เพราะสงสัยว่าอาจจะมีสิ่งผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง โดยมีการไล่ล่ากันไปตามถนน

จนกระทั่งรถกระบะตราโล่ของตำรวจกระแทกกับรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นที่ขับสวนมาเข้าอย่างจัง ร่างของวัยรุ่นทั้ง 2 กระเด็นออกไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าและพื้นปูนข้างทางเป็นเหตุให้วัยรุ่นเสียชีวิตคาที่ 1 ราย และเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 1 รายคือนายปฐมวัฒน์ ปะณะรักษ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 4 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และนายแน็ต (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมยาบ้า 50 เม็ด และใบกระท่อมอีกจำนวนหนึ่ง

การเสียชีวิตของวัยรุ่นทั้ง 2 รายสร้างความคับแค้นใจให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้องรวมทั้งพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นอย่างมากถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดนี้ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และไม่เชื่อว่าลูกหลานของตัวเองจะมียาบ้าไว้ในครอบครอง จึงได้รวมตัวกันประมาณ 100 คนมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย และให้นำตัวตำรวจชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด สภ.ถลาง ทั้ง 4 นายลงมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบสนองสิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องได้ ทำให้กลุ่มญาติบางคนไม่พอใจบุกเข้าไปทุบกระจกห้องทำงาน ผกก.สภ.ถลาง ได้รับความเสียหายยับเยิน

การชุมนุมเรียกร้องมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นายอำเภอถลาง, ผกก.ถลาง ได้เข้าเจรจากับพ่อแม่ผู้เสียชีวิต ซึ่งการเจรจาในรอบบ่ายวันนั้นสามารถตกลงกันได้ด้วยดีด้วยข้อเสนอของทางราชการที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่และรับปากที่จะย้ายตำรวจทั้ง 4 นายออกจากพื้นที่ ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับ

แต่หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 18.00 น.วันเดียวกันได้มีกลุ่มชาวบ้านและวัยรุ่นมารวมตัวกันอีกครั้งที่บริเวณหน้า สภ.ถลาง โดยอ้างว่ายังไม่พอใจกับข้อตกลงต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมโดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดที่ตำรวจระบุว่าพบในกระเป๋าสะพายของผู้ตาย ซึ่งกลุ่มผู้ที่มาชุมนุมยืนยันว่าผู้ตายไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เจ้าหน้าที่ยัดยาให้คนตาย และที่สำคัญให้นำตำรวจทั้ง 4 นายลงมาพบผู้ชุมนุม เพราะมองว่าตำรวจทั้ง 4 นายทำเกินกว่าเหตุเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ควรถึงขั้นมีการเสียชีวิต

ความรุนแรงยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่สามารถนำตำรวจทั้ง 4 นายลงมาพบผู้ชุมนุมได้ และในขณะเดียวกันได้มีกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นเพื่อนผู้ตาย และกลุ่มคนที่ไม่พอใจตำรวจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมชักชวนให้ออกมารวมตัวชุมนุมผ่านทางโซเชียลอย่างคึกคัก ส่งผลให้ในเวลาไม่นาน จำนวนผู้ชุมนุมได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีแกนนำ และข้อเรียกร้องที่ชัดเจน

แม้ว่าทางตำรวจและจังหวัดภูเก็ตจะพยายามเจรจาให้สลายตัว แต่ก็ไม่เป็นผล และยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปลุกระดม ตลอดเวลา จนนำไปสู่การปิดถนน กลุ่มผู้ชุมนุมยังฮึกเหิม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนผสมกับบางคนที่อาการมึนเมา ได้ใช้ก้อนหินขวางปาเข้าไปในโรงพัก จนทำให้กระจกชั้น 1 และ 2 แตกเสียหายยับเยิน ใช้น้ำมันเบนซินราดเผารถยนต์ที่จอดอยู่หน้าโรงพักเสียหายที่ละ 1-2 คัน โดยที่หน่วยงานราชการไม่สามารถดับเพลิงได้ ได้แต่นั่งมองไฟลุกไหม้รถยนต์ไปที่ละคันๆ ทั้งที่รถดับเพลิงของเทศบาลตำบลเทพกระษัตรีอยู่รั้วติดกับโรงพัก

ทั้งนี้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมขู่ว่า หากเอารถดับเพลิงออกมาจะเผาให้วอดทั้งรถดับเพลิงและสำนักงานเทศบาล เมื่อเผารถยนต์ไปคันแล้วคันเล่า หน่วยงานราชการไม่สามารถทำอะไรได้ ยิ่งทำให้กลุ่มวัยรุ่นฮึกเหิมยิ่งขึ้น เผารถยนต์ไปทั้งหมด 8 คัน ปาระเบิดขวดหวังเผาโรงพัก โห่ร้อง ด้วยความดีใจทุกครั้งที่ไฟลุกไหม้รถยนต์และเข้าไปทำลายทรัพย์สินของโรงพักถลางได้

ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในภูเก็ต ทั้งรองผู้ว่าฯ ผู้การฯ นายอำเภอ ผกก.สภ.ถลาง ปลัดจังหวัด ตำรวจ สภ.ถลาง 30 นาย ตำรวจชุดควบคุมฝูงชุด 50 นาย ติดอยู่บนชั้น 3 และ ด้านหลัง ของโรงพักถลาง

ผู้บริหารจังหวัดภูเก็ต และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เลือกที่จะไม่สลายกลุ่มผู้ชุมนุม ด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอต่อการสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมอยู่ในอาการมึนเมา ขาดสติ สามารถก่อเหตุรุนแรงได้ตลอดเวลา มีอาวุธปืน และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียเพิ่มขึ้น จึงต้องรอกำลังเสริมจากมณฑลทหารบกที่ 41 และตำรวจภูธรภาค 8 ที่เดินทางมาจาก จ.กระบี่ และ จ.พังงา

ทว่า เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กล้าทำอะไร ก็ยิ่งทำให้กลุ่มวัยรุ่นเหิมเกริมหนักขึ้น สร้างสถานการณ์ก่อกวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ขวางปาก้อนหินและระเบิดขวดใส่โรงพักถลางตลอดเวลา ขยายวงไปปิดถนนตามจุดต่างๆ เพิ่ม ทุบทำลายกล้องวงจรปิดตามสี่แยก เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด

จนเวลา 03.30 น.ของวันที่ 11 ต.ค. พล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 พร้อมกำลังทหาร และตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจาก จ.พังงาเดินทางมาถึงเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมจนยอมสลายตัวและนัดหารือกันอีกครั้งในเวลา 09.00 น. ที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านดอน โดยมีผู้ว่าฯ ผู้การฯ รองผู้ว่าฯ ตัวแทนญาติ ได้ข้อสรุปว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งในส่วนของตำรวจและจังหวัดภายใน 30 วันและให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตรับทราบทุกขั้นตอนของการตรวจสอบ และพร้อมที่จะเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต

ความคึกคะนองแบบบ้าคลั่งของกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมชุมนุมครั้งนี้ถือว่าได้สร้างความเสียหายให้กับ จ.ภูเก็ตมากกว่าการชุมนุมประท้วงทุกๆ ที่ผ่านมา ถ้าไม่นับรวมถึงการชุมนุมประท้วงกรณี “แทนทาลั่ม” ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว โดยครั้งมีความรุนแรงถึงขีดสุด กลุ่มผู้ชุมนุมถึงขั้นจุดไฟเผารถ ทุบทำลายรถ จนได้รับความเสียหายไปประมาณ 27 คัน ในจำนวนนั้นถูกไฟเผาวอด จำนวน 9 คัน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 5 ล้านบาท

นอกจากยังทำลายกระจกโรงพักด้วยการขว้างก้อนหิน ของแข็ง และระเบิดขวดเข้าใส่ และมีความพยายามที่จุดไฟเผาโรงพักให้วอด โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา ซึ่งจากการประเมินความเสียหายในเบื้องต้นเฉพาะตัวโรงพักมีกว่า 1.4 ล้านบาท ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้มี แค่ทรัพย์สินเท่านั้น แม้ว่าการชุมนุมจะเสร็จสิ้นลงแล้วและทุกคนกำลังทยอยเดินทางกลับ

แต่กลุ่มวัยรุ่นที่มาร่วมชุมนุมยังไม่ยอมหยุดสร้างสถานการณ์ เมื่อไปเจอกับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนที่กำลังเดินทางออกจากจุดเฝ้าระวังเพื่อไปยังจุดรวมพล ซึ่งห่างจากจุดที่มีการชุมนุมประมาณ 500 เมตร ก็มีการตะโกนเพื่อปลุกระดมว่า “ตำรวจทำร้ายประชาชน” จนกระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังเดินทางกลับได้รวมตัวกันอีกครั้ง และบุกเข้าทำร้ายชุดควบคุมฝูงชนที่ทำได้เพียงการป้องกันตัวและหลบหนีให้ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากติดกับคำสั่งว่า “จะต้องไม่ตอบโต้ประชาชนทุกกรณี

ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้มีข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ รองผู้กำกับการ ไปจนถึงระดับปฏิบัติได้รับบาดเจ็บไปกว่า 30 นาย มีทั้งที่ถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน ท่อนไม้ และถูกทุบตีด้วยข้องแข็ง

ที่สำคัญที่สุดความเสียหายที่เกิดจากความบ้าคลั่งของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ ก่อเหตุแบบไร้สติ ไม่จรรยาบรรณ ยังได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนอื่นที่ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่เข้าใจระหว่างตำรวจ สภ.ถลาง และกลุ่มผู้ชุมนุมเลยคือ การที่กลุ่มผู้ชุมนุมคึกคะนองถึงขั้นขัดขวางไม่ให้รถโรงพยาบาลจาก จ.กระบี่ ที่นำผู้ป่วยส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพไปส่งผู้ป่วยได้ แม้ว่าทางญาติที่เดินทางมากับรถพยายามที่จะตะโกนบอกว่า “ในรถมีผู้ป่วยหนักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และจะต้องไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด”

แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมที่จะเปิดทาง รวมทั้งยังทุบทำลายรถจนได้รับความเสียหายหลายจุด และกักรถไว้ประมาณ 20 นาที จึงปล่อยรถออกมา ซึ่งขณะนั้นผู้ป่วยที่อยู่บนรถเกิดอาการหายใจไม่ออก ต้องแวะส่งที่โรงพยาบาลถลาง เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือในเบื้องต้น แต่สุดท้ายผู้ป่วยรายดังกล่าวก็เสียชีวิตลงก่อนที่จะไปถึงโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ความสูญเสียจุดนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากกลุ่มผู้ชุมนุมยอมที่จะให้รถพยาบาลวิ่งออกไปยังจุดหมายทันที

นอกจากนั้น ยังมีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาพรวมการท่องเที่ยวข้อง จ.ภูเก็ต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนหลายคนที่เดินทางไปขึ้นเครื่องไม่ทัน เครื่องบินดีเลย์และที่สำคัญคือความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งความเสียหายเหล่านี้ไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่เกิดขึ้นมหาศาลอย่างแน่นอน

ทำไมการชุมนุมครั้งนี้ถึงมีความรุนแรงจนถึงขั้นก่อเหตุจลาจล จุดไฟเผา ทุบทำลาย ทรัพย์สิน และสถานราชการแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นี่คือคำถามที่สังคมสงสัยและอยากได้คำตอบ

พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ไขข้อสงสัยดังกล่าวแบบสั้นๆ ว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเอาคืนตำรวจ ของคนที่เสียผลประโยชน์ ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องยาเสพติด และการกระทำความผิดอื่นๆ เนื่องจากที่ผ่านมาตำรวจได้กวาดล้างจับกุมอาชญากรรมอย่างหนัก ทำให้คนเหล่านี้ได้รับความเสียหาย ซึ่งบางคนจากการตรวจสอบพบว่ามีประวัติการถูกจับกุมหรือถูกดำเนินคดีมาแล้ว และคนที่มาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ไม่ได้มีเฉพาะญาติของผู้เสียชีวิตเท่านั้น แต่มีมาจากที่อื่นด้วย เป็นกลุ่มเข้ามาเพื่อฉกฉวยโอกาสเพื่อเอาคืนตำรวจ”

สอดคล้องกับคำพูดของญาติผู้เสียชีวิตว่า “เหตุการณ์ชุมนุมที่บานปลายนั้นไม่ได้เกิดจากการเสียชีวิตของวัยรุ่นทั้ง 2 คน แต่เป็นการรวมตัวและเป็นการกระทำของกลุ่มคนที่มีความเกลียดและไม่พอใจตำรวจ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยอาศัยชนวนเหตุของการเสียชีวิตมาเป็นข้ออ้างและปลุกระดมเพื่อความสะใจ”

ความเสียหายที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่ปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นบ้าคลั่งเหล่านั้นลอยนวลหวนกลับมาก่อเหตุในครั้งต่อๆไปอีก ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับ 9 แกนนำ มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ทั้งในส่วนที่ทุบกระจกห้องทำงานผู้กำกับฯ ปาก้อนหินใส่กระจก สภ.ถลาง เผารถยนต์ เป็นต้น

ความสะใจแค่จะเอาคืนตำรวจ ของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน ได้สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินของราชการ และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของเมืองภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกแค่เพียงข้ามคืน เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำสอง หากมีการชุมนุมประท้วงในลักษณะเดียวกัน นี้






กำลังโหลดความคิดเห็น