ผบ.ตร.ขอความเป็นธรรมให้เจ้าหน้าที่ กรณีสองผู้ต้องหาถูกรถชนเสียชีวิตขณะถูกตำรวจ สภ.ถลางติดตามจับกุม วอนสังคมดูที่ต้นเหตุ ยันมีหลักฐานครอบครองยาเสพติด ตร.ไม่ได้ยัดของกลาง เพราะชาวบ้านถึงที่เกิดเหตุก่อน ลั่นเอาผิดคนเผารถ-โรงพัก รู้ตัวหมดแล้วแกนนำเป็นใคร
วานนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดและผู้ต้องหาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เป็นเหตุให้ญาติและชาวบ้านหลายร้อยคนปิดล้อม สภ.ถลาง และจุดไฟเผารถหลายคัน รวมทั้งทำลายตัวอาคารว่า ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ในฐานะที่ดูแลงานด้านการปราบปราม และ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลด้านความมั่นคงไปดูแล จากนั้นจะมีการเรียกคืนความศรัทธาของประชาชน เรามีการทำอยู่เสมอ ได้สั่งการดำเนินการในไตรมาสแรกของปีนี้
“ขอฝากให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ผมได้ดูคลิปเหตุการณ์ต้นเรื่องเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องให้ความเข้าใจด้วยว่า ฝ่ายตรงข้ามมี 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเพียงคนเดียว ก็ต้องมีการแสวงเครื่องเป็นเรื่องปกติ จากวิธีการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติในการจับกุมนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามวิธี เพราะหลังจากที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแหกด่านแล้ว ตำรวจไปคนเดียวเขาจึงต้องทำแบบนี้ ถ้าไป 2 คนเขาไม่ทำหรอก ยุทธวิธีที่ใช้เป็นการปรับตามสภาพสถานการณ์ ผมไม่ได้เข้าข้าง กรณีแบบนี้เขามา 2 คน ตำรวจมีนายเดียว เราไม่รู้เขามีอาวุธปืนหรือไม่ ผมพยายามอธิบายให้ประชนเข้าใจ เชื่อว่าเมื่อรับเหตุผลจะเข้าใจ หากคนดีทำไมต้องหลบหนี แต่นี่กลับหนี ตำรวจทำตามยุทธวิธีป้องกันอาชญากรรมด้วยการตั้งด่าน นี่คือต้นเหตุ ตอนนี้มวลชนยังสับสนกับเหตุเบื้องต้น ขณะนี้ตำรวจพยายามคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย ”
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า ตนอยากให้พิจารณาตั้งแต่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ หากไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตรวจไปได้ ส่วนประชาชนที่มาก่อจราจลและมีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการนั้นจะต้องมีการดำเนินคดีแน่นอน ใครที่มีการทำลายทรัพย์สิน มีการจับได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวแต่เป็นคนละส่วนกันระหว่างการชุมนุมประท้วงกับการทำลายโรงพักหรือสิ่งของ แต่ตนจะมีการดำเนินคดีแน่นอน ตัวบทกฎหมายบอกชี้ความผิด มีทั้ง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะฯ และมาตรา 44 ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรู้ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องดูที่ต้นเหตุ ตนไม่ใช่คนหนีปัญหา มีการตั้งกรรมการทั้ง 3 ฝ่ายแล้ว ทั้งจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจและนายอำเภอด้วยซึ่งจะพิจารณาเรื่องนี้เสร็จภายใน 30 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหากผิดจริงตนก็ดำเนินการ ตนให้ความเป็นธรรมแก่้ทั้งสองฝ่าย
“ใครถูกใครผิดก็ต้องแยกออกเป็นทีละเรื่อง เผาโรงพัก เผารถ เผาป้อม คนของผมผิดก็ดำเนินคดี ให้ออกจากราชการ ขอถามถึงปลายเหตุทำไมต้องมาล้อม สภ.ถลางด้วย เจ้าหน้าที่ของผมมีการบาดเจ็บด้วย และไม่มีการใช้อาวุธควบคุมฝูงชนมีเพียงโล่เท่านั้น เจ้าหน้าที่มีเพียงการป้องกันตนเองไม่ให้ผู้ชุมนุมรุกมากกว่านี้เท่านั้น” ผบ.ตร.กล่าว
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายหรือไม่นั้น คำถามนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว หากกฎหมายไม่เป็นกฎหมาย บ้านเมืองคงกลับไปไม่สงบเหมือนเดิมอีกครั้ง ผมได้รับรายงานว่าผู้ที่มาก่อเหตุวุ่นวายหน้า สภ.ถลาง บางกลุ่มมีอาการมึนเมา คนพวกนี้จะควบคุมสติไม่ได้ เราไม่อยากมีปัญหากับประชาชนอยู่แล้ว ยิ่งยุคสมัยนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม พื้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสกัดจับนั้นเป็นพื้นที่ยาเสพติดทั้งสิ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรามีหลักฐานว่าทั้ง 2 คนเป็นผู้กระทำความผิด เพราะมียาเสพติดและใบกระท่อมอยู่ที่ตัว โดยขณะที่เกิดเหตุชาวบ้านไปถึงที่เกิดเหตุก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีใครอยากนำของกลางไปยัดให้ ผมเชื่อว่ายุคผมไม่มี หากมีนำออกจากราชการเท่านั้น ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานแต่ทางญาติผู้ตายออกมาประท้วงแบบนี้อาจเกิดจากความสับสนเพราะเห็นญาติตนเองกลายเป็นศพ”
นอกจากนี้จะมีการดำเนินการต่อแกนนำการประท้วงแน่นอน ตนมีข้อมูลแกนนำ ทราบแล้วว่าเป็นใคร ขอเตือนประชานคนอื่นให้นำเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ อย่าทำแบบนี้ ส่วนแกนนำจะเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบแต่รู้ว่าเป็นใครทั้งหมด
วานนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดและผู้ต้องหาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เป็นเหตุให้ญาติและชาวบ้านหลายร้อยคนปิดล้อม สภ.ถลาง และจุดไฟเผารถหลายคัน รวมทั้งทำลายตัวอาคารว่า ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ในฐานะที่ดูแลงานด้านการปราบปราม และ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลด้านความมั่นคงไปดูแล จากนั้นจะมีการเรียกคืนความศรัทธาของประชาชน เรามีการทำอยู่เสมอ ได้สั่งการดำเนินการในไตรมาสแรกของปีนี้
“ขอฝากให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ผมได้ดูคลิปเหตุการณ์ต้นเรื่องเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องให้ความเข้าใจด้วยว่า ฝ่ายตรงข้ามมี 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเพียงคนเดียว ก็ต้องมีการแสวงเครื่องเป็นเรื่องปกติ จากวิธีการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติในการจับกุมนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามวิธี เพราะหลังจากที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแหกด่านแล้ว ตำรวจไปคนเดียวเขาจึงต้องทำแบบนี้ ถ้าไป 2 คนเขาไม่ทำหรอก ยุทธวิธีที่ใช้เป็นการปรับตามสภาพสถานการณ์ ผมไม่ได้เข้าข้าง กรณีแบบนี้เขามา 2 คน ตำรวจมีนายเดียว เราไม่รู้เขามีอาวุธปืนหรือไม่ ผมพยายามอธิบายให้ประชนเข้าใจ เชื่อว่าเมื่อรับเหตุผลจะเข้าใจ หากคนดีทำไมต้องหลบหนี แต่นี่กลับหนี ตำรวจทำตามยุทธวิธีป้องกันอาชญากรรมด้วยการตั้งด่าน นี่คือต้นเหตุ ตอนนี้มวลชนยังสับสนกับเหตุเบื้องต้น ขณะนี้ตำรวจพยายามคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย ”
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า ตนอยากให้พิจารณาตั้งแต่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ หากไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตรวจไปได้ ส่วนประชาชนที่มาก่อจราจลและมีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการนั้นจะต้องมีการดำเนินคดีแน่นอน ใครที่มีการทำลายทรัพย์สิน มีการจับได้ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวแต่เป็นคนละส่วนกันระหว่างการชุมนุมประท้วงกับการทำลายโรงพักหรือสิ่งของ แต่ตนจะมีการดำเนินคดีแน่นอน ตัวบทกฎหมายบอกชี้ความผิด มีทั้ง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะฯ และมาตรา 44 ซึ่งเชื่อว่าทุกคนรู้ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องดูที่ต้นเหตุ ตนไม่ใช่คนหนีปัญหา มีการตั้งกรรมการทั้ง 3 ฝ่ายแล้ว ทั้งจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจและนายอำเภอด้วยซึ่งจะพิจารณาเรื่องนี้เสร็จภายใน 30 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหากผิดจริงตนก็ดำเนินการ ตนให้ความเป็นธรรมแก่้ทั้งสองฝ่าย
“ใครถูกใครผิดก็ต้องแยกออกเป็นทีละเรื่อง เผาโรงพัก เผารถ เผาป้อม คนของผมผิดก็ดำเนินคดี ให้ออกจากราชการ ขอถามถึงปลายเหตุทำไมต้องมาล้อม สภ.ถลางด้วย เจ้าหน้าที่ของผมมีการบาดเจ็บด้วย และไม่มีการใช้อาวุธควบคุมฝูงชนมีเพียงโล่เท่านั้น เจ้าหน้าที่มีเพียงการป้องกันตนเองไม่ให้ผู้ชุมนุมรุกมากกว่านี้เท่านั้น” ผบ.ตร.กล่าว
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายหรือไม่นั้น คำถามนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว หากกฎหมายไม่เป็นกฎหมาย บ้านเมืองคงกลับไปไม่สงบเหมือนเดิมอีกครั้ง ผมได้รับรายงานว่าผู้ที่มาก่อเหตุวุ่นวายหน้า สภ.ถลาง บางกลุ่มมีอาการมึนเมา คนพวกนี้จะควบคุมสติไม่ได้ เราไม่อยากมีปัญหากับประชาชนอยู่แล้ว ยิ่งยุคสมัยนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม พื้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสกัดจับนั้นเป็นพื้นที่ยาเสพติดทั้งสิ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรามีหลักฐานว่าทั้ง 2 คนเป็นผู้กระทำความผิด เพราะมียาเสพติดและใบกระท่อมอยู่ที่ตัว โดยขณะที่เกิดเหตุชาวบ้านไปถึงที่เกิดเหตุก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีใครอยากนำของกลางไปยัดให้ ผมเชื่อว่ายุคผมไม่มี หากมีนำออกจากราชการเท่านั้น ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานแต่ทางญาติผู้ตายออกมาประท้วงแบบนี้อาจเกิดจากความสับสนเพราะเห็นญาติตนเองกลายเป็นศพ”
นอกจากนี้จะมีการดำเนินการต่อแกนนำการประท้วงแน่นอน ตนมีข้อมูลแกนนำ ทราบแล้วว่าเป็นใคร ขอเตือนประชานคนอื่นให้นำเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ อย่าทำแบบนี้ ส่วนแกนนำจะเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบแต่รู้ว่าเป็นใครทั้งหมด