xs
xsm
sm
md
lg

"กฤษดา"ล่องหน โพสต์เฟซเบรกต้านรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"กฤษดา" หายตัว ไม่ยอมเปิดงานตามนัด อ้างติดภารกิจ แต่โพสต์เฟซบุ๊ก ห้ามภาคีเครือข่าย สสส. เคลื่อนไหว หลังนายกฯ สั่งตีกรอบการทำงานขอบเขตสุขภาพ ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย พ้อคนไม่เข้าใจการทำงาน สสส. ทำประโยชน์เพื่อประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าไม่ตรงวัตถุประสงค์หลายโครงการ และไกลเกินกว่าเรื่องสุขภาพ โดยมอบให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ไปดำเนินการกรอบการทำงานของกองทุนไม่ให้กว้างเกินไป และหากมีบทลงโทษก็ต้องดำเนินการ ทั้งการปรับเปลี่ยนหรือปรับย้าย ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เตรียมเรียก สสส. เข้าชี้แจงเพิ่มเติมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วานนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. เพื่อขอสัมภาษณ์กรณีดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่ตามกำหนดการงานแถลงข่าว "Thai Health Day 10K Run 2015" ซึ่ง ทพ.กฤษดา จะร่วมแถลงข่าวด้วย ปรากฏว่าไม่เข้าร่วม โดยระบุว่าติดภารกิจอื่น

อย่างไรก็ตาม ทพ.กฤษดา ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Krissada Raungarreerat" ต่อกรณีดังกล่าวถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ภาคี สสส.ทุกท่าน ว่า ไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหว เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองขัดแย้งมากขึ้น ต้องร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้ หากจะโดนปลดก็พร้อมยอมรับ แต่อยากขอให้ช่วยกันสื่อสารงานของทุกคนว่าสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไทยอย่างไร เชื่อว่าคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ สสส. เพราะความไม่เข้าใจ หากได้เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ จะเข้าใจได้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรและเป็นประโยชน์ต่อประเทศเพียงใด

"หลายวันนี้ สสส. โดนกล่าวหาและโจมตีด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทั้งที่ สสส. เป็นองค์กรที่มีความโปร่งใส และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศอย่างมากมาย หาก สสส. ถูกปรับเปลี่ยนระบบให้ทำงานไม่ได้แบบเดิม สสส. ก็อาจหมดคุณค่าลงได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หลายหน่วยงานที่กล่าวหา เพราะความไม่เข้าใจ และมองสุขภาพในแบบที่แคบ หากองค์กรเหล่านี้ เปิดโอกาสให้ สสส. ได้เข้าไปชี้แจง พูดคุยทำความเข้าใจบ้าง ก็น่าจะเห็นและเข้าใจสุขภาพแบบที่ สสส. ทำ ว่ามีประโยชน์เพียงใด และได้รับการยอมรับและยกย่องในระดับนานาชาติ จนหลายประเทศได้นำไปเป็นต้นแบบ และองค์การอนามัยโลกได้นำประเทศต่างๆ มาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา สสส. ยังไม่มีโอกาส แม้แต่จะชี้แจงข้อมูล ข้อเท็จจริง ใดๆ ให้กับหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบเหล่านี้เลย ข้อสรุปของหน่วยงานเหล่านี้จึงมีขัอมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำให้สังคมเข้าใจผิดต่อ สสส.อย่างมาก"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ มีการเผยแพร่ข้อมูลการสนับสนุนทุนของ สสส. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานสร้างเสริมสุขภาพ อาทิ การให้ทุนกับมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2551-2558 จำนวน 14 โครงการงบประมาณทั้งสิ้น 96,470,000 บาท เช่น โครงการส่งเสริมระบบการสื่อสารเพื่อสุขภาวะ งบประมาณ 12,973,000 บาท ผู้รับผิดชอบ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2556-31 พ.ค.2557 ซึ่งเป็นการนำไปทำเว็บไซต์ศูนย์ข่าวอิศรา ที่มีเนื้อหาข่าวทางด้านการเมือง อีกทั้งยังมีการสนับสนุนโครงการพัฒนาองค์ความรู้สื่อมวลชนเพื่อสนับสนุนระบบสื่อสารสุขภาวะ

ด้าน ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กถึงการสนับสนุนเงินของ สสส. ให้แก่ มูลนิธิ 14 ตุลาในการพิมพ์รวมบทเสวนา "สร้างประชาธิปไตย ด้วยมือเรา" โดยดำเนินการในปี 2552 อีกทั้งยังสนับสนุนสำนักข่าวครอบครัว มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวในการพิมพ์หนังสือที่ระลึกในงานเวทีสาธารณะ "สื่อสาธารณะเพื่อครอบครัวกับการจากไปของรายการวิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย" เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการนำข้อมูลสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีราคาสูง เช่น โครงการการจ้างเหมาปรับปรุงพื้นที่ภูมิสถาปัตยกรรมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อาคารเขียว บริเวณชั้น 6 ของอาคาร สสส. ส่วนงานแปลงผักสาธิตวงเงิน 6,680,000 บาท

ขณะที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัวถึงพล.อ.ประยุทธ์ ว่า แม้ สสส. จะสนับสนุนงบประมาณภาครัฐในการทำงานมากที่สุด แต่ก็สนับสนุน NGO ในการทำงานให้เกิดความเคลื่อนไหวและสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากมาย รัฐบาลทุกรัฐบาลไม่ชอบ สสส. แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลนี้ก็เช่นเดียวกัน การสนับสนุนของ สสส. ได้ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนมากมายในการกำหนดอนาคตของตนเองในทุกด้านทั้งทางตรง ทางอ้อมกับเรื่องสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะห้ามอย่างไร ก็หยุดไม่ได้ ไม่ต่างกับรัฐบาลพยายามห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ แต่การวิพากษ์ วิจารณ์ กลายเป็นวัฒนธรรมทางสังคมแล้ว ถึงห้ามอย่างไร ก็คงหยุดไม่ได้ ขอให้รัฐบาลยุติการแทรกแซงการทำงานของ สสส. แต่ควรหาทาง ให้หน่วยงานต่างๆ ที่รับงบประมาณร่วมมือกันในการปฏิรูปและสร้างความเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้ให้จงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น