xs
xsm
sm
md
lg

“สิงห์ เอสเตท”รอลุ้นมาตรการรัฐระบายสต๊อก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ สิงห์ เอสเตท” ลุ้นมาตรการอสังหาฯ ระบายสต๊อกในตลาด โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยายสุขุวิทตอนปลาย หวังตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุล พร้อมจ่อลงทุนคอนโดฯย่านรัตนาธิเบศร์-บางรักใหญ่เพิ่ม เผยแผนปี 59 เปิด 4 โครงการมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท "เสนาฯ"รับเต็มๆ มีโครงการรอโอนมูลค่าเกือบ 4,000 ล้านบาท พร้อมอัดโปรฯจูงใจซื้อบ้านฟรี โซลาร์รูฟ ค่ายเค.อี.แลนด์ฯหนุน เป็นเรื่องที่ดี
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) " S " กล่าวเชื่อมั่นว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติ จะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามต้องรอดูว่าช่วง 6 เดือนจะสามารถดูดซับซัพพลายที่มีอยู่ในตลาดได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะบ้านระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 5-6 หมื่นบาท/ตารางเมตร(ตร.ม.) ที่ปัจจุบันมีซัพพลายในบางทำเลล้นตลาด โดยเฉพาะในทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงสุขุมวิทตอนปลาย ซึ่งในกลุ่มนี้มีสัดส่วนถึง 80% ของตลาด ทั้งนี้หากมาตรการที่ออกมาสามารถดูดซับได้มาก ก็จะทำให้เกิดความสมดุลมากขึ้นระหว่างซัพพลายกับดีมานด์
ส่วนมาตรการสนับสนุนสินเชื่อแก่กลุ่มผู้มีผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง เข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน10,000 ล้านบาทนั้น จะมีผลกระตุ้นตลาดได้มากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าในกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อมากที่สุด
“ กลุ่มผู้ประกอบการที่มีบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย ถือว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐที่ออกมา แต่ระยะเวลา 6 เดือน ถือว่ายังสั้นเกินไปที่จะวัดประสิทธิผล
เพราะยังมีกลุ่มผู้ประกอบการที่กำลังก่อสร้างและยังไม่แล้วเสร็จ ที่จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ซึ่งต้องการให้รัฐพิจารณาในส่วนนี้ด้วย”
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นตลาดได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในเรื่องของการระบายซัพพลายเก่าที่มีอยู่ในตลาดได้มากน้อยเพียงใดหากสามารถระบายออกไปได้มาก บริษัทพร้อมที่จะลงทุนคอนโดมิเนียม แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งบริษัทมีที่ดินอยู่ 2 แปลง ใกล้เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ บนเนื้อที่ 8 ไร่ ซึ่ง
สามารถพัฒนาได้ 4 อาคาร และทำเลบางรักใหญ่อีก 4 ไร่
สำหรับแผนการลงทุน บริษัทคาดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 3 โครงการ ย่านถนนรัตนาธิเบศร์ แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง และบ้านเดียวอีก 1 โครงการ ในย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม เนื้อที่ 45 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านหรูหลังละ 150 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าโครงการราว 4,000ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 จำนวน 5,000 ล้านบาท
ล่าสุดได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม “ดิ เอส อโศก” ซึ่งเป็นโครงการแรกของบริษัท เป็นคอนโดมิเนียมระดับหรู สูงที่สุดในอโศก 55 ชั้น รวม 419 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่า4,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 7.69 ล้านบาท หรือตร.ม.ละ 2 แสนบาท โครงการดังกล่าว จะเปิดขายวันที่ 19 ต.ค.นี้ ตั้งเป้ายอดขายช่วงพรีเซลล์ประมาณ 60% พร้อม
ทั้งจัดโปรโมชั่นรับส่วนลดพิเศษ 3 แสนบาทถึง 1.2 ล้านบาทคาดว่าโครงการปิดการขายไตรมาสแรกปีหน้า และโครงการจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้ปลายปี 2561
****เสนาฯรับเต็มๆมีโครงการพร้อมโอนเกือบ2,000 ล้านบาท
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาจะส่งผลดีกับบริษัท ซึ่ง
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการดังกล่าว จะช่วยกระตุ้น
ยอดขายเพิ่มชึ้น เนื่องจากเงื่อนไขในการขอกู้ยืมง่ายขึ้น และในช่วงเดือนสุดท้ายของมาตรการจะช่วยเร่งยอดโอนกรรมสิทธิ์
โดยบริษัทมีแผนรองรับการเปิดโครงการใหม่เพื่อให้สอดรับกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วย ล่าสุดบริษัทได้จัดแคมเปญ “บ้านและโฮมออฟฟิตเสนา ฟรี โซลา
ร์รูฟ” ซึ่งมีแนวคิดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า โดยเปิดตัว 8 โครงการ แบ่งเป็นแบบบ้านเดี่ยว 4 โครงการ และแบบโฮมออฟฟิต 4 โครงการ
“ลูกค้าที่ซื้อบ้านเสนา และสิทธิการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จะได้รับสิทธิพิเศษเป็นผู้ขายไฟในอัตรารับซื้อ 6.85 บาท/kw เป็นระยะเวลา 25 ปี (เฉลี่ย
3,200 บาทต่อเดือน หรือประมาณ 42,000 บาทต่อปี) ซึ่ง กฟน.จะจ่ายค่าไฟฟ้าที่ผลิตและขายได้ในแต่ละเดือน ให้แก่เจ้าของบ้านที่เป็นคู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยการโอนเข้า
บัญชี และทางบริษัท เสนาฯ ได้ยื่นขอเป็นผู้ขายไฟไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”นางสาวเกษรา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้ว 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะทำยอดขายได้ตามเป้าที่ 4,000 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่กว่า 3,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 4 ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2560
***เค.อี.แลนด์ฯหนุนเป็นเรื่องที่ดี
นายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลออกมาตกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเท่าที่ดูจะเป็นการอุ้มผู้ซื้อบ้าน
มากกว่าผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการช่วยเหลือธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด
ย่อม(เอสเอ็มอี)นั้น รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากเอสเอ็มอีมีจำนวนมาก การสนับสนุนก็ต้องคุมให้ดี เพื่อป้องกันที่จะเกิดปัญหาตามมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น