ASTVผู้จัดการรายวัน-"หมอปิยะสกล" รับลูก คตร. สั่งตั้งกรรมการกำหนดทิศทางการทำงานและการใช้งบประมาณของ สสส. ในอนาคต ยันไม่มีการล้วงลูก ส่วนกระแสปลด "กฤษดา" ต้องไปถาม คตร. ด้านผู้จัดการ สสส. ยันทำงานตรงตามวัตถุประสงค์ แจงหนุนงบโครงการการเมือง เพราะเกี่ยวโยงนโยบายสาธารณะ เชื่อมโยงด้านสุขภาพ
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวผลสรุปออกมาว่า สสส. ใช้งบประมาณไม่เข้าข่ายการส่งเสริมสุขภาพ เช่น สนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องด้านการเมือง เป็นต้น ล่าสุด คตร.ได้ยื่นผลสรุปให้นายกฯ และส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แล้ว
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือจาก คตร.แล้ว จึงได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการในการร่วมกำหนดทิศทางการทำงานของ สสส.ในอนาคต โดยมี นพ.เสรี ตู้จินดา ที่ปรึกษา รมว.สธ.เป็นประธาน นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี เลขานุการ รมว.สธ. เป็นกรรมการ และมีนิติกรร่วมด้วย ส่วนกรรมการจากภาคส่วนต่างๆ มีทั้งสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น
ทั้งนี้ ย้ำว่าคณะกรรมการดังกล่าวไม่ได้เข้าไปตรวจสอบการทำงานของ สสส. เพราะเป็นหน้าที่ของ คตร. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพียงแต่จะเข้าไปดูข้อมูลของ คตร. และ สตง. แล้วนำมาพิจารณาว่า จะกำหนดทิศทางการทำงานของ สสส. อย่างไร ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544
ผู้สื่อข่าวถามว่าการบริหารงาน สสส. ที่ผ่านมา แสดงว่าไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะการตรวจสอบต้องไปถาม คตร. คณะกรรมการฯ ชุดนี้ จะทำในกรอบเกี่ยวกับหน้าที่ที่ควรจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.สสส. มากกว่า ซึ่งนายกฯ ตั้งกรอบเวลาว่าต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ตนลงนาม โดยยังยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเข้าไปล้วงลูกหรือคุมการทำาน สสส. อย่างที่หลายฝ่ายกังวล เพราะ สสส. มีกฎหมายเป็นของตัวเอง ไม่อยากให้คิดไปขนาดนั้น อะไรที่เป็นข่าวลือก็ลือกันไป ส่วนเรื่องที่จะให้ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. หยุดปฏิบัติงานระหว่างนี้หรือไม่นั้น ต้องไปถามทาง คตร.
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ยังไม่ทราบถึงผลการตรวจสอบ สสส. ของ คตร. รวมถึงการตั้งคณะกรรมการเข้ามากำหนดทิศทางการทำงานของ สสส. แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และยินดีที่จะให้เข้ามาร่วมคิด ร่วมออกแบบระบบที่ดีให้กับคนไทย ซึ่งส่วนตัวไม่อยากมองว่าเป็นการล้วงลูก ส่วนที่ว่าจะต้องปรับหรือชะลองบประมาณหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะไม่เห็นรายละเอียดคำสั่ง และไม่อยากคิดถึงผลกระทบ เพราะจะกลายเป็นการตีตนไปก่อนไข้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี สตง.และ คตร.ระบุว่าจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านงบประมาณของ สสส.ทั้งการได้งบประมาณและการใช้ไป ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ต้องฟังข้อเสนอของ คตร.ก่อน ถ้าคิดว่าจะปรับเปลี่ยนก็เสนอได้ เชื่อว่าการมีกรรมการที่หลากหลายจะช่วยดูให้มีความเหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม สสส.ไม่ใช่ระบบราชการ จึงมีระบบการจัดการที่แตกต่าง แต่ก็มีประสิทธิภาพและโปร่งใส จึงต้องทำความเข้าใจตรงนี้ให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคณะกรรมการชุดกำหนดทิศทาง สสส.มีข้อสรุปให้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน ก็พร้อมที่จะปรับตัวตามนั้นหรือไม่ ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ภายใน สสส.ก็มีคณะกรรมการตรวจสอบตลอด มีคณะทำงานเรื่องธรรมาภิบาล มีการเปิดเผยข้อมูล มีการจัดทำโครงการคุณธรรม และโครงการอื่นๆ และก็ปรับตัวเองมาตลอด ไม่ได้รอให้มีคนมาวิจารณ์ก่อน อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบของ สตง.และหน่วยงานอื่นๆ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีปัญหา เพิ่งจะมามีปัญหาปีนี้ ซึ่งก็เป็นเพียงเรื่องที่พูดกันมากกว่า และยังเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์โปร่งใส
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเรื่องจะมีการใช้มาตรา 44 เข้ามาปฏิรูป สสส.หรือไม่ ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เพราะทำงานด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส ส่วนผู้มีอำนาจจะตัดสินใจอย่างไรก็คงเป็นวิจารณญาณ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีข้อทวงติงว่า สสส.นำเงินไปสนับสนุนโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น เรื่องปฏิรูปการเมือง การหาวิธีเลือกตั้งที่ดี สำรวจภูมิทัศน์การเมืองไทย เป็นต้น ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ยืนยันว่า สสส. ดำเนินการอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของพ.ร.บ. มาตลอด และถูกตรวจสอบเข้มข้นอยู่ตลอดเวลา ข้อกล่าวหาต่างๆ ยังมองว่าเป็นความไม่เข้าใจ เช่น การสนับสนุนแผนงานสร้างเสริมนโยบายสาธารณะที่ดี (นสธ.) เมื่อทาง ผอ.นสธ. ออกมาชี้แจงก็เป็นคนละเรื่องกัน ที่ สสส.ให้ทุนไปมีความเกี่ยวโยงในการทำงานด้านนโยบายสาธารณะด้านสาธารณสุข ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับงานด้านสุขภาพอยู่ด้วยกัน
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวผลสรุปออกมาว่า สสส. ใช้งบประมาณไม่เข้าข่ายการส่งเสริมสุขภาพ เช่น สนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องด้านการเมือง เป็นต้น ล่าสุด คตร.ได้ยื่นผลสรุปให้นายกฯ และส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แล้ว
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือจาก คตร.แล้ว จึงได้ลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการในการร่วมกำหนดทิศทางการทำงานของ สสส.ในอนาคต โดยมี นพ.เสรี ตู้จินดา ที่ปรึกษา รมว.สธ.เป็นประธาน นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี เลขานุการ รมว.สธ. เป็นกรรมการ และมีนิติกรร่วมด้วย ส่วนกรรมการจากภาคส่วนต่างๆ มีทั้งสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น
ทั้งนี้ ย้ำว่าคณะกรรมการดังกล่าวไม่ได้เข้าไปตรวจสอบการทำงานของ สสส. เพราะเป็นหน้าที่ของ คตร. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพียงแต่จะเข้าไปดูข้อมูลของ คตร. และ สตง. แล้วนำมาพิจารณาว่า จะกำหนดทิศทางการทำงานของ สสส. อย่างไร ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544
ผู้สื่อข่าวถามว่าการบริหารงาน สสส. ที่ผ่านมา แสดงว่าไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะการตรวจสอบต้องไปถาม คตร. คณะกรรมการฯ ชุดนี้ จะทำในกรอบเกี่ยวกับหน้าที่ที่ควรจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.สสส. มากกว่า ซึ่งนายกฯ ตั้งกรอบเวลาว่าต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ตนลงนาม โดยยังยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเข้าไปล้วงลูกหรือคุมการทำาน สสส. อย่างที่หลายฝ่ายกังวล เพราะ สสส. มีกฎหมายเป็นของตัวเอง ไม่อยากให้คิดไปขนาดนั้น อะไรที่เป็นข่าวลือก็ลือกันไป ส่วนเรื่องที่จะให้ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. หยุดปฏิบัติงานระหว่างนี้หรือไม่นั้น ต้องไปถามทาง คตร.
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า ยังไม่ทราบถึงผลการตรวจสอบ สสส. ของ คตร. รวมถึงการตั้งคณะกรรมการเข้ามากำหนดทิศทางการทำงานของ สสส. แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และยินดีที่จะให้เข้ามาร่วมคิด ร่วมออกแบบระบบที่ดีให้กับคนไทย ซึ่งส่วนตัวไม่อยากมองว่าเป็นการล้วงลูก ส่วนที่ว่าจะต้องปรับหรือชะลองบประมาณหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ เพราะไม่เห็นรายละเอียดคำสั่ง และไม่อยากคิดถึงผลกระทบ เพราะจะกลายเป็นการตีตนไปก่อนไข้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี สตง.และ คตร.ระบุว่าจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านงบประมาณของ สสส.ทั้งการได้งบประมาณและการใช้ไป ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ต้องฟังข้อเสนอของ คตร.ก่อน ถ้าคิดว่าจะปรับเปลี่ยนก็เสนอได้ เชื่อว่าการมีกรรมการที่หลากหลายจะช่วยดูให้มีความเหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม สสส.ไม่ใช่ระบบราชการ จึงมีระบบการจัดการที่แตกต่าง แต่ก็มีประสิทธิภาพและโปร่งใส จึงต้องทำความเข้าใจตรงนี้ให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคณะกรรมการชุดกำหนดทิศทาง สสส.มีข้อสรุปให้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน ก็พร้อมที่จะปรับตัวตามนั้นหรือไม่ ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ภายใน สสส.ก็มีคณะกรรมการตรวจสอบตลอด มีคณะทำงานเรื่องธรรมาภิบาล มีการเปิดเผยข้อมูล มีการจัดทำโครงการคุณธรรม และโครงการอื่นๆ และก็ปรับตัวเองมาตลอด ไม่ได้รอให้มีคนมาวิจารณ์ก่อน อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบของ สตง.และหน่วยงานอื่นๆ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีปัญหา เพิ่งจะมามีปัญหาปีนี้ ซึ่งก็เป็นเพียงเรื่องที่พูดกันมากกว่า และยังเชื่อเรื่องความบริสุทธิ์โปร่งใส
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลเรื่องจะมีการใช้มาตรา 44 เข้ามาปฏิรูป สสส.หรือไม่ ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เพราะทำงานด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส ส่วนผู้มีอำนาจจะตัดสินใจอย่างไรก็คงเป็นวิจารณญาณ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีข้อทวงติงว่า สสส.นำเงินไปสนับสนุนโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น เรื่องปฏิรูปการเมือง การหาวิธีเลือกตั้งที่ดี สำรวจภูมิทัศน์การเมืองไทย เป็นต้น ทพ.กฤษดา กล่าวว่า ยืนยันว่า สสส. ดำเนินการอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ของพ.ร.บ. มาตลอด และถูกตรวจสอบเข้มข้นอยู่ตลอดเวลา ข้อกล่าวหาต่างๆ ยังมองว่าเป็นความไม่เข้าใจ เช่น การสนับสนุนแผนงานสร้างเสริมนโยบายสาธารณะที่ดี (นสธ.) เมื่อทาง ผอ.นสธ. ออกมาชี้แจงก็เป็นคนละเรื่องกัน ที่ สสส.ให้ทุนไปมีความเกี่ยวโยงในการทำงานด้านนโยบายสาธารณะด้านสาธารณสุข ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับงานด้านสุขภาพอยู่ด้วยกัน