xs
xsm
sm
md
lg

“เซีย” การ์ตูนนิสต์แดงแจ๋

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

เซียหรือ “ศักดา แซ่เอียว” การ์ตูนนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นสื่อมวลชนคนล่าสุดที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกไปปรับทัศนคติทางการเมือง หลังจากวาดการ์ตูนล้อเลียนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.

ไม่รู้ว่า การปรับทัศนคติครั้งนี้ จะทำให้การ์ตูนนิสต์หน้า 3 หนังสือพิมพ์หัวเขียว “ไทยรัฐ” จะปรับจุดยืนทางการเมืองบ้างหรือไม่

เพราะหลายปีที่ผ่านมา “เซีย” เป็นการ์ตูนนิสต์ที่ยืนข้างนายทักษิณ ชินวัตร เป็นสื่อมวลชนแดงจ๋า และเป็นการ์ตูนนิสต์คนเดียว คนแรก และน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่เชียร์รัฐบาลอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

รัฐบาลที่เชียร์ จนใช้คำว่า “เชลียร์” ก็คงไม่น่าเกลียดคือ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “เชลียร์” ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ และไม่ถูกโค่นล้มจากอำนาจก็ยังหาโอกาส “เชลียร์” อย่างไม่เลิกรา

การ์ตูนนิสต์ที่ฝักใฝ่การเมืองเคยมีอยู่ การ์ตูนนิสต์ที่รับเงินจากนักการเมืองก็มีข่าวเล่าสู่กันฟังในวงการสื่อมาเป็นระยะ แต่ก็ไม่เคยมีการ์ตูนนิสต์คนใดเปิดหน้าชกเหมือน “เซีย”

การ์ตูนนิสต์ทั่วไปที่ฝักใฝ่หรือรับทรัพย์จากนักการเมือง อย่างดีก็ “เชียร์” รัฐบาลเป็นครั้งเป็นคราว แต่ไม่รู้ “เซีย” ไปกินอะไรของนายทักษิณมา จึงตะบี้ตะบัน “เชลียร์” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ “เชลียร์” ชนิดที่ไม่ต้องการเหตุผลมาอธิบาย “เชลียร์” กันดื้อๆ โดยไม่ต้องอายใคร

ไม่รู้ว่า “เซีย” ไปเจออะไรของ “ทักษิณ” เข้า จึงเปลี่ยนทัศนคติไป 360 องศา ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากการ์ตูนนิสต์ที่มักเป็นปรปักษ์กับทุกรัฐบาล กลายเป็นการ์ตูนนิสต์ที่หมอบราบคาบแก้ว ทำตัวเป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์ “ยิ่งลักษณ์”

เซียเริ่มเขียนการ์ตูนครั้งแรกที่ “สยามนิกร” หนังสือการเมืองรายสัปดาห์ ยุคหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยทำงานในตำแหน่งฝ่ายศิลป์ แต่นักเขียนการ์ตูนประจำคือ “อรุณ วัชระสวัสดิ์” เกิดป่วย ไม่อาจเขียนการ์ตูนได้ กองบรรณาธิการจึงลองให้ “เซีย” วาดการ์ตูนการเมืองแทน

นับจากวันนั้น “เซีย” จึงแจ้งเกิดในฐานะการ์ตูนนิสต์การเมือง แต่เป็นการ์ตูนนิสต์ที่ล้อเลียน และบางครั้งเล่นแรงทางการเมือง จนหนังสือพิมพ์ที่สังกัดเกือบจะถูกผู้มีอำนาจสั่งปิด เพราะการ์ตูน “เซีย” อยู่หลายครั้ง

“เซีย” เริ่มต้นชีวิตการเป็นการ์ตูนนิสต์ที่ “สยามนิกร” ซึ่งมี “ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์” เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดย “ชัชรินทร์” มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ รัฐบาลทุจริต โดยเฉพาะรัฐบาลนายทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่ “เซีย” กลับเปลี่ยนไปในช่วงบั้นปลายชีวิต

ชีวิตการ์ตูนนิสต์ของ “เซีย” ถือว่าระหกระเหินย้ายค่ายอยู่บ่อยๆ วนเวียนเขียนที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐอยู่หลายรอบ แต่จุดยืนทางการเมือง โดยมีความคิดต่างจากทุกรัฐบาลไม่เคยเปลี่ยน

เพิ่งจะมาเปลี่ยนชัดเจน ตอนที่เข้าไปเขียนการ์ตูนในหน้า 3 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เปลี่ยนมา “เชลียร์” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ทุกวันโดยไม่มีพัก

ก่อนที่จะเข้าค่ายไทยรัฐ มีข่าวว่า “เซีย” เกิดปัญหาทางธุรกิจ มีหนี้มีสิน เพราะหันไปทำธุรกิจอะไรก็ล้มเหลวมาตลอด ล่าสุดทำนิตยสาร “หยก” ร่วมกับ “เจ ฟิล์ม” ซึ่งดำเนินกิจการด้านการพิมพ์ นิตยสาร “หยก” ก็ไปไม่รอด ต้องปิดตัวอีก

ภาระหนี้สินส่วนตัว มีข่าวว่า ได้รับการช่วยเหลือ “เคลียร์” ให้จากคนบางกลุ่ม และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดยืนที่เปลี่ยนไปของการ์ตูนนิสต์ที่เคยได้ชื่อว่า เป็นฝ่ายซ้าย เป็นคนรุ่นใหม่ และคลุกคลีอยู่ในแวดวงสื่อหัวก้าวหน้ามายาวนาน

ใครจะเชื่อว่า “เซีย” จะหันมาสวามิภักดิ์ขายวิญญาณเพื่อ “เชลียร์” คนตระกูลชินวัตรได้ ใครจะเชื่อว่า “เซีย” จะเชิดชูบูชารัฐบาลที่ถูกประณามจากคนทั้งโลกว่า “โคตร โกง”

จะอ้างว่า เป็นการ์ตูนนิสต์ใจซื่อ อุดมการณ์สูงส่ง ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเป็นชีวิตจิตใจ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เชื่อ เพราะรัฐบาลนายทักษิณ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ แม้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่รัฐบาลที่เคารพในระบอบประชาธิปไตยแน่ และถ้าไม่มีวาระซ่อนเร้น

“เซีย” ก็คงไม่ยอมเสียผู้เสียคนปกป้องรัฐบาลของระบอบทักษิณด้วยการ์ตูนทุเรศๆ แน่

อย่าปฏิเสธว่าไม่ได้ยอมเป็นหนึ่งในลูกหาบของนายทักษิณ เพราะแสดงตัวตนออกมาแล้วหลายกรรมหลายวาระ ไม่ว่าการร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 หรือแม้แต่เดินทางร่วมคณะกับสื่อแดงไปดูฟุตบอลที่อังกฤษ พร้อมกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยงบของรัฐสภา

ถึงใครจะประณามหยามเหยียดอย่างไร “เซีย” คงไม่ใส่ใจ เช่นเดียวกับ “ลูกหาบ” นายทักษิณคนอื่นๆ ซึ่งไม่สะทกสะท้านแม้กระทั่งเสียงสาปแช่ง

ดีไม่ดี “เซีย” อาจกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ก็ได้ เพราะเป็นการ์ตูนนิสต์คนเดียวในประเทศไทยที่หลับหูหลับตา “เชลียร์” รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ม้วนเดียวจบ ไม่เคยล้อเลียนให้ระคายผิว “ยิ่งลักษณ์” แม้แต่น้อย

ทั่วหล้าฟ้าไทย ไม่เคยมีการ์ตูนนิสต์คนใดเชื่องกับ “ทักษิณ” ถึงขนาด “เชลียร์”ตั้งแต่หัวจรดเท้า มีแต่ “เซีย” คนเดียวนี่แหละ
กำลังโหลดความคิดเห็น