ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบ.ตร.ย้ำ "อ๊อด พยุงวงศ์" กุญแจสำคัญ บึ้มราชประสงค์ พันคดีระเบิดการเมืองที่สมานเมตตาแมนชั่น ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองได้ โดยการก่อเหตุทำกันเป็นขบวนการ มีการช่วยเหลือสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง โดยมีจนท.รัฐให้ความช่วยเหลือด้านการเดินทางเข้าออก ด้านผบช.น. ยันไอ้อ๊อด เป็นบุคคลอัตราย มีส่วนเชื่อมโยงคดีระเบิด ต้องตามจับให้ได้ ถูกดำเนินคดีมาแล้ว 9 ครั้ง ในปี53 ถูกดำเนินคดีฐานเป็นการ์ดนปช. และไม่ทราบว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปหรือยัง
วานนี้( 29 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายอ๊อด พยูนวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ที่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทองเมื่อปี 2553 และซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองทิ้งได้ ว่า หลังเกิดเหตุระเบิด ทางตำรวจได้มีการตั้งข้อสงสัยไว้ในทุกประเด็น โดยให้ความสำคัญและน้ำหนักเท่ากัน จนกระทั่งการสืบสวนดำเนินการมาเรื่อยๆ ถึงขั้นที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและมีการไปค้นพบพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องว่าเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ที่ก่อเหตุทำกันเป็นขบวนการ มีการช่วยเหลือสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาช่วยในการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย อย่างที่ตนเคยบอกไปแล้วว่าต้องมีผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน เข้ามาช่วยด้านต่างๆ ทั้งการเข้าออกประเทศ การตรวจสอบเส้นทางในการก่อเหตุ ที่พักอาศัย การจัดหาวัตถุประกอบระเบิด
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองได้ย้ำกับสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปหรือชี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากเหตุผลใด เพราะเป็นไปได้ทุกกรณี จะสรุปหรือชี้ชัดได้ก็ต้องมีพยานหลักฐาน พยานวัตถุ พยานบุคคล หรือมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงค่อยชี้ชัด การด่วนสรุปหรือชิงความได้เปรียบในการเสนอข่าวอาจนำมาซึ่งความเสียหายและผิดพลาด ตลอดจนทำให้การปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความยากลำบาก สับสน เสียเวลาที่จะต้องไปพิสูจน์ทราบในสิ่งที่เป็นข่าว เราต้องแสวงหาความจริงให้ประจักษ์เพื่อหาความจริงให้ได้
"หลังจากพบพยานหลักฐานเราจึงตั้งข้อสงสัยว่าคดีนี้น่าจะมีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงสอบสวนจนไปพบว่ามีคนไทยเป็นคนมาเป็นผู้จัดหาที่พักและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้อย่างที่เคยพูดไปแล้ว บังเอิญคนๆ นั้นคือนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น และย่านมีนบุรี ในช่วงที่มีการขัดแย้งทางการเมือง คือนายอ๊อด ไปเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดในขณะนั้น ซึ่งมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตัดประเด็นทางการเมืองทิ้งไปได้
นอกเหนือจากประเด็นที่เกิดขึ้นจากการโกรธแค้นที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลายเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ เมื่อมีตัวละครที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงตัดประเด็นการเมืองทิ้งไปไม่ได้ ซึ่งการเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ อาจจะมาจากเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลทางการเมืองก็ได้ จึงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า นายอ๊อด เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ด้วยเหตุผลใดจนกว่าจะสามารถควบคุมตัวนายอ๊อดได้"ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการสืบสวนนายอ๊อดอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่านายอ๊อดคือกุญแจสำคัญที่จะสามารถไขปัญหาให้เราได้ว่าเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหตุผลใด เกี่ยวข้องกับการเมืองหรืออาจไม่เกี่ยวข้องก็ได้ อาจเข้ามาด้วยเหตุผลส่วนตัวหรืออาจเป็นคนที่ถูกขบวนการที่เห็นว่า นายอ๊อด มีศักยภาพในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ เราไม่ได้ทิ้งประเด็นที่มีคนไทยไปมีส่วนช่วยเหลือตั้งแต่ต้น เพราะว่ามีสิ่งบอกเหตุจากพยานหลักฐาน
ตนเคยบอกเสมอว่าต่างชาติที่เข้ามาลงมือก่อเหตุในประเทศไทยทำไม่ได้ถ้าไม่มีคนไทยช่วยเหลือ หรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปช่วยเหลืออาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้แต่เป็นคนนำพา คนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในระยะเวลาสั้นๆไม่สามารถทำได้ การจัดหาอุปกรณ์ สารเคมี การประกอบไม่ไใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆจึงมีคนไทยเข้าไปให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายอ๊อดเป็นผู้ให้การสนับสนุนในการจัดหาอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด นี่คือเรื่องที่นายอ๊อดเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่านายอ๊อดเป็นคนไปจัดหาอุปกรณ์ จัดทำอุปกรณ์ที่ร้านไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเหล่านี้ชัดเจนจนกระทั่งเป็นข้อมูลที่นำมาขอศาลอนุมัติหมายจับ แต่เราไม่สามารถนำมาเสนอต่อสาธารณชนได้
*** ผบช.น. ชี้ไอ้อ๊อดถูกจับมาแล้ว 9 ครั้ง
ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงคดีระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทรว่า ได้เร่งรัดเกี่ยวกับสำนวนคดีระเบิด ซึ่งได้ดำเนินการฝากขังผู้ต้องหาไปไม่กี่ครั้ง เหลืออีกประมาณ 5 ฝาก โดยจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาได้เรียกสอบปากคำพยานเกี่ยวกับเหตุดังกล่าวเรื่อยๆ ถ้าพบว่าพาดพิงถึงใครก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ ภพแก้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทรหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีผู้บาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไมได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธ(ระเบิด)ไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอบโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ส่วนความเกี่ยวข้องของนายอ๊อด พยุงวงศ์ มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์นั้น ทราบว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนกรณีเหตุระเบิดที่สมานเมตตานั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับพรรคพวก(ที่มาจากใต้)ของนายอ๊อด แต่นายอ๊อดไม่โดน จากการตรวจสอบพบว่านายอ๊อดถูกดำเนินคดีมาแล้ว 9 ครั้ง ในปี53 ถูกดำเนินคดีฐานเป็นการ์ดนปช. ซึ่งขณะนี้ก็ไม่ทราบว่านายอ๊อดอยู่ในประเทศไทย หรือออกนอกประเทศไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ตามจับตลอด
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลภูมิลำเนาของนายอ๊อดหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า มี พบว่าเป็นชาวอีสาน อยู่ทั่วไม่ว่าจะเป็นสระบุรี ภาคกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ความเป็นไปได้ว่าจะมีบุคคลที่ไม่มีเลข13หลักในปัจจุบันหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ก็เป็นไปแล้ว ไม่รู้มีอีกเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็ตามแต่ เป็นผู้ต้องหาตามหมาย เจ้าหน้าที่ต้องตามจับ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ความต่อเนื่องของเหตุระเบิดนั้น ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ผบช.น.จะต้องไปรับตำแหน่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะมีการโอนสำนวนคดีให้กับผบช.น.คนใหม่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาท่านจะสั่งการยังไง ซึ่งวันที่ 1 ต.ค.ตน ต้องเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ใหม่ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาท่านจะมอบหมายต่อหรือไม่มอบหมาย ยืนยันระหว่างที่รับผิดชอบงานในส่วนนี้ จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อความสงบสุขของชาติบ้านเมือง
วานนี้( 29 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายอ๊อด พยูนวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ที่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทองเมื่อปี 2553 และซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี ทำให้ไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองทิ้งได้ ว่า หลังเกิดเหตุระเบิด ทางตำรวจได้มีการตั้งข้อสงสัยไว้ในทุกประเด็น โดยให้ความสำคัญและน้ำหนักเท่ากัน จนกระทั่งการสืบสวนดำเนินการมาเรื่อยๆ ถึงขั้นที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและมีการไปค้นพบพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องว่าเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ในเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ที่ก่อเหตุทำกันเป็นขบวนการ มีการช่วยเหลือสนับสนุนจากคนไทยด้วยกันเอง และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาช่วยในการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย อย่างที่ตนเคยบอกไปแล้วว่าต้องมีผู้เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 คน เข้ามาช่วยด้านต่างๆ ทั้งการเข้าออกประเทศ การตรวจสอบเส้นทางในการก่อเหตุ ที่พักอาศัย การจัดหาวัตถุประกอบระเบิด
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองได้ย้ำกับสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปหรือชี้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากเหตุผลใด เพราะเป็นไปได้ทุกกรณี จะสรุปหรือชี้ชัดได้ก็ต้องมีพยานหลักฐาน พยานวัตถุ พยานบุคคล หรือมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงค่อยชี้ชัด การด่วนสรุปหรือชิงความได้เปรียบในการเสนอข่าวอาจนำมาซึ่งความเสียหายและผิดพลาด ตลอดจนทำให้การปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปด้วยความยากลำบาก สับสน เสียเวลาที่จะต้องไปพิสูจน์ทราบในสิ่งที่เป็นข่าว เราต้องแสวงหาความจริงให้ประจักษ์เพื่อหาความจริงให้ได้
"หลังจากพบพยานหลักฐานเราจึงตั้งข้อสงสัยว่าคดีนี้น่าจะมีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงสอบสวนจนไปพบว่ามีคนไทยเป็นคนมาเป็นผู้จัดหาที่พักและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้อย่างที่เคยพูดไปแล้ว บังเอิญคนๆ นั้นคือนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น และย่านมีนบุรี ในช่วงที่มีการขัดแย้งทางการเมือง คือนายอ๊อด ไปเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดในขณะนั้น ซึ่งมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถตัดประเด็นทางการเมืองทิ้งไปได้
นอกเหนือจากประเด็นที่เกิดขึ้นจากการโกรธแค้นที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลายเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ เมื่อมีตัวละครที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงตัดประเด็นการเมืองทิ้งไปไม่ได้ ซึ่งการเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ อาจจะมาจากเหตุผลส่วนตัวหรือเหตุผลทางการเมืองก็ได้ จึงเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า นายอ๊อด เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ด้วยเหตุผลใดจนกว่าจะสามารถควบคุมตัวนายอ๊อดได้"ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการสืบสวนนายอ๊อดอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่านายอ๊อดคือกุญแจสำคัญที่จะสามารถไขปัญหาให้เราได้ว่าเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหตุผลใด เกี่ยวข้องกับการเมืองหรืออาจไม่เกี่ยวข้องก็ได้ อาจเข้ามาด้วยเหตุผลส่วนตัวหรืออาจเป็นคนที่ถูกขบวนการที่เห็นว่า นายอ๊อด มีศักยภาพในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ เราไม่ได้ทิ้งประเด็นที่มีคนไทยไปมีส่วนช่วยเหลือตั้งแต่ต้น เพราะว่ามีสิ่งบอกเหตุจากพยานหลักฐาน
ตนเคยบอกเสมอว่าต่างชาติที่เข้ามาลงมือก่อเหตุในประเทศไทยทำไม่ได้ถ้าไม่มีคนไทยช่วยเหลือ หรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปช่วยเหลืออาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้แต่เป็นคนนำพา คนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในระยะเวลาสั้นๆไม่สามารถทำได้ การจัดหาอุปกรณ์ สารเคมี การประกอบไม่ไใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆจึงมีคนไทยเข้าไปให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายอ๊อดเป็นผู้ให้การสนับสนุนในการจัดหาอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด นี่คือเรื่องที่นายอ๊อดเข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่านายอ๊อดเป็นคนไปจัดหาอุปกรณ์ จัดทำอุปกรณ์ที่ร้านไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเหล่านี้ชัดเจนจนกระทั่งเป็นข้อมูลที่นำมาขอศาลอนุมัติหมายจับ แต่เราไม่สามารถนำมาเสนอต่อสาธารณชนได้
*** ผบช.น. ชี้ไอ้อ๊อดถูกจับมาแล้ว 9 ครั้ง
ด้านพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงคดีระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทรว่า ได้เร่งรัดเกี่ยวกับสำนวนคดีระเบิด ซึ่งได้ดำเนินการฝากขังผู้ต้องหาไปไม่กี่ครั้ง เหลืออีกประมาณ 5 ฝาก โดยจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาได้เรียกสอบปากคำพยานเกี่ยวกับเหตุดังกล่าวเรื่อยๆ ถ้าพบว่าพาดพิงถึงใครก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ ภพแก้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทรหรือไม่นั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีผู้บาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไมได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธ(ระเบิด)ไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอบโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ส่วนความเกี่ยวข้องของนายอ๊อด พยุงวงศ์ มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์นั้น ทราบว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนกรณีเหตุระเบิดที่สมานเมตตานั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับพรรคพวก(ที่มาจากใต้)ของนายอ๊อด แต่นายอ๊อดไม่โดน จากการตรวจสอบพบว่านายอ๊อดถูกดำเนินคดีมาแล้ว 9 ครั้ง ในปี53 ถูกดำเนินคดีฐานเป็นการ์ดนปช. ซึ่งขณะนี้ก็ไม่ทราบว่านายอ๊อดอยู่ในประเทศไทย หรือออกนอกประเทศไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ตามจับตลอด
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลภูมิลำเนาของนายอ๊อดหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า มี พบว่าเป็นชาวอีสาน อยู่ทั่วไม่ว่าจะเป็นสระบุรี ภาคกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ความเป็นไปได้ว่าจะมีบุคคลที่ไม่มีเลข13หลักในปัจจุบันหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ก็เป็นไปแล้ว ไม่รู้มีอีกเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็ตามแต่ เป็นผู้ต้องหาตามหมาย เจ้าหน้าที่ต้องตามจับ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ความต่อเนื่องของเหตุระเบิดนั้น ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ผบช.น.จะต้องไปรับตำแหน่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะมีการโอนสำนวนคดีให้กับผบช.น.คนใหม่หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาท่านจะสั่งการยังไง ซึ่งวันที่ 1 ต.ค.ตน ต้องเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ใหม่ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาท่านจะมอบหมายต่อหรือไม่มอบหมาย ยืนยันระหว่างที่รับผิดชอบงานในส่วนนี้ จะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อความสงบสุขของชาติบ้านเมือง