MGR Online - ผบ.ตร.ประชุมคอนเฟอเรนซ์ตำรวจทั่วประเทศ เชื่อเหตุบึ้มโยงประชามติ และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ชี้หลักฐานระเบิดมือถือเชื่อมโยง หวังผลหลายอย่างทั้งดิสเครดิตการเมือง-เศรษฐกิจ ยันยังไม่จับใคร สอบผู้ต้องสงสัยแล้วหลายคน มั่นใจจับคนร้ายได้ ซัดก่อเหตุวันนี้ “ระยำ” ถามคนไทยหรือเปล่า จวก กสม.-เอ็นจีโอไม่ออกมาป้องประชาชนโดนบึ้ม
วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) อาคาร 1 ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุม ศปก.ตร.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับรอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษา (สบ 10) ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง และป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยมีกองบัญชาการต่างๆ เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล บช.ภ.1-9 ศชต. ตำรวจสอบสวนกลาง สันติบาล สตม. และ ตชด. ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์วินาศกรรมที่เกิดขึ้น 7 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และประจวบคีรีขันธ์
พล.ต.อ.จักรทิพย์แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุวินาศกรรมต่อเนื่องในพื้นที่ 7 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 32 ราย โดยแต่ละพื้นที่กำลังเร่งรัดเก็บหลักฐานสืบสวนสอบหาสาเหตุรวมถึงตามจับกุมคนร้าย เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นมาตั้งแต่ 7 ส.ค.ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 12 ส.ค. โดยในช่วงแรกเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ ทั้งนี้ ขอประชาชนอย่ากังวล ตำรวจกำลังติดตามจับกุมคนร้าย ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุใช้ชีวิตอย่างปกติ ขอยืนยันว่าจะตามจับกุมคนร้ายให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมซึ่งเป็นวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯ นั้น สาเหตุเกี่ยวพันหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยปละละเลย พื้นที่ที่มีปัญหา แต่ในความเห็นส่วนตัวจากประสบการณ์งานสืบสวนมองว่าพื้นที่ที่เกิดเหตุล้วนเป็นจังหวัดที่รับร่างรัฐธรรมนูญที่อาจมีผู้เห็นต่างจึงก่อเหตุเพื่อดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือด้านการท่องเที่ยว และมองว่าหวังผลหลายอย่าง
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวโยงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียงส่วนใหญ่ไม่รับร่างฯ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ก็มีตลอดอยู่แล้ว “เท่าที่เราทำการสืบสวนมาตลอด ทั้งภาคใต้ ภาคใกล้เคียง บช.ภ.7-8-9 มันมีบางจุดที่เชื่อมโยงกันอยู่ ผมไม่ได้พูดถึงแนวคิดทางการเมือง แต่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างของกลาง โทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิดเหมือนกัน บางจุดเป็นระเบิดแรงดันสูง อาจจะเป็นซีโฟร์ด้วยซ้ำ ตอนนี้ยังไม่มีการจับกุมใครเลย แต่ก็มีการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยไปหลายรายแล้ว ข่าวการจับกุมผมไม่ทราบว่านักข่าวไปเอามาจากไหน เดี๋ยวสังคมไขว้เขวสับสนไปหมด”
เมื่อถามว่า มีข้อมูลการข่าวหรือไม่ว่าจะมีเหตุรุนแรง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ข้อมูลมีอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุ มี 2 ชนิด คือ ระเบิดที่ทำให้เสียชีวิต กับระเบิดที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ที่ชัดเจนตอนนี้คือเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน แต่ตนยังไม่สามารถชี้จัดได้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของกลุ่มเดียวกัน หรือมีเป้าหมายการก่อเหตุเหมือนกัน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อนเพื่อจะได้เห็นภาพชัดขึ้น แต่จากประสบการณ์ที่ทำงานสืบสวนคดีด้านความมั่นคงมองว่าน่าจะเชื่อมโยงกัน หากผิดจากนี้ก็โทษตนคนเดียว และจากประสบการณ์ที่เคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้ ก็มองว่าการทำระเบิดมีความเชื่อมโยงกันคล้ายๆ กัน ถามต่อว่าให้น้ำหนักมูลเหตุการก่อเหตุไปในเรื่องการลงเสียงประชามติฯ ผบ.ตร.กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตนมองอย่างนั้น ขอสื่ออย่าไปเขียนชี้นำ เดี๋ยวตนถูกตำหนิอีก
เมื่อถามว่า เหตุที่เชื่อว่าเกี่ยวโยงกับการลงเสียงประชามติ เพราะมีการข่าวก่อนหน้านี้ว่าการรับหรือไม่รับร่างฯ จะนำมาสู่ความรุนแรงเช่นนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนเชื่อว่ายังมีกลุ่มเห็นต่างต้องการให้เกิดแบบนี้อยู่แล้ว
“จริงๆ แล้วเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ ทั้งเอ็นจีโอต่างๆ รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนควรออกมา ป่านนี้ต้องออกมาแล้ว วางระเบิดกันขนาดนี้ ละเมิดสิทธิเขาหรือเปล่า ต้องออกมาปกป้องด้วยซ้ำ นี่ผมยังไม่เห็นใครออกมาพูดอะไรเลย หากเป็นเรื่องอื่นผมเห็นออกมาแล้ว พอเรื่องแบบนี้สงสัยหยุดหลายวันแล้วไปไหนหรือเปล่าจึงยังไม่ออกมา ทีเรื่องเจ้าหน้าที่ทำอย่างนู้นอย่างนี้ป่านนี้ออกมาแล้ว ทีวางระเบิดเป็น 10 จุดไม่เห็นกรรมการสิทธิฯ ออกมาเลย นี่เขากำลังละเมิดสิทธิประชาชนของผม ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำอะไรหน่อยป่านนี้เละไปแล้ว เรื่องนี้ผมไม่ได้ไปประสานงาน ปกติท่านก็ออกมาแบบออโตเมติกอยู่แล้ว ผมไม่ได้ประชดอะไรนะ แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม เรื่องแบบนี้เอ็นจีโอ กรรมการสิทธิฯ ต้องทำหน้าที่ด้วย” ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า คดีนี้ตนตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน คล้ายคดีระเบิดราชประสงค์ มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดูและด้านสอบสวน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมคณะทำงาน รวมอีกเป็น 100 นาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังต่อเนื่อง และพยายามหยุดยั้งการก่อเหตุ เชื่อว่าหากหยุดได้ก็เงียบลง ทั้งนี้ก่อนลงเสียงประชามติก็มีความพยายามบิดเบือน พอจับกุมได้ก็เงียบไป เหตุลักษณะนี้ที่เกิดเหตุ 7-10 จุด ไม่น่าจะสร้างความลำบากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ย้ำว่าขอให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินทุกคน ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ มีความเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์จะคลี่คลายสถานการณ์นี้อย่างดีที่สุด
เมื่อถามว่า กลุ่มที่เห็นต่างทางการเมือง น่าจะเป็นกลุ่มที่ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลหรือเปล่า ผบ.ตร.กล่าวว่า อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่สื่อมวลชนคิดในใจ อย่างไรก็ตาม กลุ่มไหนอย่างไรนั้นตำรวจก็เก็บไว้ขยายผล ขอทำงานสักระยะก่อน ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่ก่อการร้าย เป็นวินาศกรรมในประเทศ แนวทางการสืบสวนไม่เกี่ยวโยงก่อการร้าย ลักษณะการก่อเหตุแบบนี้เชื่อว่าต่างชาติแทบไม่เกี่ยวข้องเลย ตัดไปเลย ตนเชื่อส่วนตัวว่าเป็นเรื่องภายในประเทศ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีต่างชาติมาเผาโน่นเผานี่ คนไทยที่จะก่อเหตุได้ก็คนไทยนี่แหละ ไม่ต้องมีสี ก็เห็นแต่ผิวดำแดง ผิวขาวนี่แหละ สีอื่นตนไม่ทราบ แต่คนที่จะก่อเหตุได้ต้องมีศักยภาพพอสมควร ในการเคลื่อนย้ายของ การพกพาของมา ขณะที่เราเฝ้าระวัง คนที่พยายามก่อเหตุก็จ้องจะทำเล็ดลอดมา โอกาสมี ทางหนีรอดก็ทำอยู่แล้ว เป็นสูตรอยู่แล้ว
ส่วนที่เชื่อว่ากลุ่มคนใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวข้องนั้น เป็นการก่อเหตุแบบรับงาน หรือมาด้วยอุดมการณ์ความขัดแย้ง ผบ.ตร.กล่าวว่า การสืบสวนยังไปไม่ถึงตรงนั้น ขอให้ได้ใครบางคนก่อน แล้วขยายความ อย่างเช่นคดีที่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พอได้ตัวละคร 1 ตัวก็ขยายผลอย่างที่ปรากฏในข่าว มีการเชื่อมโยงอยู่แล้ว ถ้าได้คนใดคนหนึ่งมาก็ขยายได้ ตอนนี้พยายามทำเต็มที่ ส่วนกลุ่มเป้าหมายในการสืบสวนขอไม่เปิดเผย
เมื่อถามถึงภาพชายต้องสงสัยอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุในโซเชียลมีเดียนั้น ผบ.ตร.ยอมรับว่าเห็นภาพแล้ว กำลังตรวจสอบอยู่ ตอนนี้ขอให้ทุกส่วนทั้งประชาชน นักท่องเที่ยว เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ว่าดูแลได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดคนร้ายจึงเลือกก่อเหตุในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผบ.ตร.กล่าวว่า อาจเพราะเป็นแหล่งนักท่องเที่ยว “กลุ่มพวกนี้ก็คิดอย่างนี้ เขาได้หลายอย่าง ทั้งทางการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวต่างๆ ได้หลายอย่าง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า” ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเหตุใดคนร้ายจึงเลือกก่อเหตุในวันนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ต้องไปถามเขาว่าคิดอย่างไร “ถ้าถามผม ผมว่าพวกนั้นมันเลวระยำมั้ง เป็นคนไทยหรือเปล่า ผมไม่ได้พูดแรง แค่ระยำเท่านั้นเอง ปกติผมไม่ได้เป็นคนพูดจาแบบนี้ แต่เพราะพวกนี้ก่อเหตุรุนแรง ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่อง แม่ค้า ผู้หญิง อยู่ดีๆ ก็ต้องมาเจ็บมาตาย” ผบ.ตร.กล่าว และว่าสำหรับในพื้นที่ กทม.และพื้นที่ชั้นในได้สั่งการกำชับผ่าน พล.ต.อ.พงศพัศ ไปแล้ว ห้ามเกิดเหตุร้ายเด็ดขาด มีตัวอย่างในพื้นที่ภาค 7-8 แล้ว ดังนั้นพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศที่ยังไม่เกิดเหตุกำชับให้ดูแลอย่าให้เกิดเด็ดขาด โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้นให้กำลังใจตำรวจไม่ได้ตำหนิอะไร สั่งการให้สืบสวนจับกุมคนร้ายให้ได้ และเชื่อมั่นด้วยว่าตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการเยียวยาดูแลผู็ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตนมอบ พล.ต.อ.พงศพัศไปดูแลด้วย ขณะเดียวกันขอเวลาสักระยะในการหาข้อมูลที่ชัดเจนกว่า จากนั้นจะชี้แจงต่างชาติ หากให้ข้อมูลตอนนี้อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ โดยขณะนี้หลายประเทศก็สอบถามมาทางช่องถามตำรวจสากลก็ตอบไปและประสานงานกันแล้ว ส่วนสถานทูตต่างๆ ก็มีการเพิ่มกำลังตามสถานการณ์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนกำลังพิจารณาว่าจะลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง โดยในเวลา 14.00 น. วันที่ 14 .00 น. ชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้จะมีการประชุมความคืบหน้าคดี