วันนี้ (11 ธ.ค.58) พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดแถลงการณ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิรินทร์ ให้ข่าวที่ต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศโดยรวม ซึ่งทาง พล.ต.ท.เทศา เปิดเผยว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาชั้นต้นของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิรินทร์ มองว่า พล.ต.ต.ปวีณ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่มีวินัย ไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา จึงไม่ตอบรับที่จะให้ พล.ต.ต.ปวีณ อยู่ในสังกัด ภาค 8 ต่อไป ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้ไปประจำพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนจะเป็นเรื่องราวจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ปวีณ ว่าถูกข่มขู่จนไม่กล้าปฏิบัติการในส่วนสามจังหวัดชายแดนใต้จนเป็นเหตุให้ต้องลาออกจากราชการ ก่อนจะขอลี้ภัยทางการเมืองไปออสเตรเลียและให้ข่าวเสียหายต่อประเทศไทยในที่สุด
โดย พล.ต.ท.เทศา บอกอีกว่า กรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิรินทร์ ให้สัมภาษณ์ในครั้งแรกว่าถูกข่มขู่นั้น ไม่เป็นเรื่องจริง ตนเองก็ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ภาค 8 ซึ่งมีผู้ต้องหากว่า 70 ราย แต่ก็มิได้ถูกข่มขู่แต่ประการใด โดยการให้สัมภาษณ์ลักษณะนั้น ถือเป็นการสร้างภาพลบให้กับเจ้าหน้าที่และเป็นการตัดขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชา และยังมีอีกหลายส่วนที่ทาง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิรินทร์ บอกความจริงไม่หมดทุกด้านซึ่งทาง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะได้ เปิดแถลงข่าวที่สำนักงานอีกครั้ง
ซึ่งช่วงบ่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต. ปวีณ พงษ์ศิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตหัวหน้าคณะทำงานคดีโรฮิงญา ขอลี้ภัยหลังได้รับผลกระทบจากการถูกคุกคามจากทหารตำรวจผู้มีอิทธิพลจากการทำคดี ที่ประเทศออสเตรเลียว่า ส่วนตัวไม่ทราบเจตนาของ พล.ต.ต.ปวีณ ว่าทำไปเพราะเหตุใด การพูดลักษณะดังกล่าวต้องการทำร้ายประเทศหรือไม่ และไม่ทราบว่าจะมีเรื่องของการเมืองมาเกี่ยวข้องหรือไม่
โดยยืนยันมาตลอดว่าตัวเองได้แก้ไขปัญหาให้ พล.ต.ต.ปวีณ มาโดยตลอด แต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไม่รับ พล.ต.ต.ปวีณ จึงต้องแก้ปัญหาโดยส่งลงใต้ เพราะที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปวีณ เคยแสดงความประสงค์อยากไป และมองว่าเป็นความต่อเนื่องในการทำคดี
ส่วนกรณีที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะบอกว่าถูกแทรกแซง หรือถูกคุกคาม ขอให้ระบุชื่อบุคคลมา จะได้ดำเนินการ ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.ต.ปวีณ อาจจะผิดหวังหรือหวังกับตำแหน่งหรือไม่ และเชื่อว่า พล.ต.ต.ปวีณ พูดไม่หมด ส่วนตัวมองว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย และจะไม่ขอแนะนำอะไรกับ พล.ต.ต.ปวีณ ทั้งนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใครมีปัญหา มีอยู่คนเดียว พร้อมกันนี้ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาเคยเห็นแต่นักการเมืองขอลี้ภัย ไม่เคยเห็นตำรวจขอลี้ภัย
"เจ้าพนักงานผมมีเป็นร้อยคน ผมเห็นมีปัญหาอยู่คนเดียว แล้วผมจะปกครองหน่วยยังไง เขาทำงาน เขาคาดหวังอะไรหรือเปล่าผมไม่ทราบ ทำงานเรื่องนี้เสร็จควรจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น พอไม่ได้แล้วผิดหวัง ต้องพูดให้หมด อย่าพูดครึ่งเดียว อย่างคดีระเบิดราชประสงค์ จับได้หมด แต่ตำรวจที่ทำงานบางคนก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง บางคนโดนย้ายอีก มันคือการบริหารงานบุคคลขององค์กร ต้องเข้าใจด้วย ตำรวจทหารต้องมีวินัย ไปบอกว่าล็อกเป้า กลัวตาย ศัตรูเยอะ แล้วเพื่อนผมที่อยู่ ศชต.ทำไมยังทำงานได้ โรฮิงญาจะมีอิทธิพลอะไรนักหนา แล้วที่บอกว่าพื้นที่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 9 มีการตั้งแคมป์ (โรฮิงญา) มาหลายปี นั่นพูดถึงผมโดยตรงหรือเปล่า ผมเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้วท่านเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งอยู่ต้นทางเลย แต่ทำไมไม่ดำเนินการ พูดอย่างนี้ไม่ถูก อย่าเอาองค์กรมาขาย อย่าทำร้ายประเทศ เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ตอนที่มาพูดจากันก็เข้าใจกันดี แต่พอกลับไปก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ผมไม่เคยไปมีอะไรกับท่าน ขอให้พูดให้หมด ทหารเลว ตำรวจเลวคือใคร ใครแทรกแซง อย่างนี้เราแก้ปัญหาไม่ถูกหรอก แต่เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผมรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม หากการกระทำของ พล.ต.ต.ปวีณ เข้าข่ายหมิ่นประมาท จะให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท
โดย พล.ต.ท.เทศา บอกอีกว่า กรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิรินทร์ ให้สัมภาษณ์ในครั้งแรกว่าถูกข่มขู่นั้น ไม่เป็นเรื่องจริง ตนเองก็ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ภาค 8 ซึ่งมีผู้ต้องหากว่า 70 ราย แต่ก็มิได้ถูกข่มขู่แต่ประการใด โดยการให้สัมภาษณ์ลักษณะนั้น ถือเป็นการสร้างภาพลบให้กับเจ้าหน้าที่และเป็นการตัดขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชา และยังมีอีกหลายส่วนที่ทาง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์ศิรินทร์ บอกความจริงไม่หมดทุกด้านซึ่งทาง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะได้ เปิดแถลงข่าวที่สำนักงานอีกครั้ง
ซึ่งช่วงบ่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต. ปวีณ พงษ์ศิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตหัวหน้าคณะทำงานคดีโรฮิงญา ขอลี้ภัยหลังได้รับผลกระทบจากการถูกคุกคามจากทหารตำรวจผู้มีอิทธิพลจากการทำคดี ที่ประเทศออสเตรเลียว่า ส่วนตัวไม่ทราบเจตนาของ พล.ต.ต.ปวีณ ว่าทำไปเพราะเหตุใด การพูดลักษณะดังกล่าวต้องการทำร้ายประเทศหรือไม่ และไม่ทราบว่าจะมีเรื่องของการเมืองมาเกี่ยวข้องหรือไม่
โดยยืนยันมาตลอดว่าตัวเองได้แก้ไขปัญหาให้ พล.ต.ต.ปวีณ มาโดยตลอด แต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ไม่รับ พล.ต.ต.ปวีณ จึงต้องแก้ปัญหาโดยส่งลงใต้ เพราะที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปวีณ เคยแสดงความประสงค์อยากไป และมองว่าเป็นความต่อเนื่องในการทำคดี
ส่วนกรณีที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะบอกว่าถูกแทรกแซง หรือถูกคุกคาม ขอให้ระบุชื่อบุคคลมา จะได้ดำเนินการ ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.ต.ปวีณ อาจจะผิดหวังหรือหวังกับตำแหน่งหรือไม่ และเชื่อว่า พล.ต.ต.ปวีณ พูดไม่หมด ส่วนตัวมองว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย และจะไม่ขอแนะนำอะไรกับ พล.ต.ต.ปวีณ ทั้งนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใครมีปัญหา มีอยู่คนเดียว พร้อมกันนี้ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาเคยเห็นแต่นักการเมืองขอลี้ภัย ไม่เคยเห็นตำรวจขอลี้ภัย
"เจ้าพนักงานผมมีเป็นร้อยคน ผมเห็นมีปัญหาอยู่คนเดียว แล้วผมจะปกครองหน่วยยังไง เขาทำงาน เขาคาดหวังอะไรหรือเปล่าผมไม่ทราบ ทำงานเรื่องนี้เสร็จควรจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น พอไม่ได้แล้วผิดหวัง ต้องพูดให้หมด อย่าพูดครึ่งเดียว อย่างคดีระเบิดราชประสงค์ จับได้หมด แต่ตำรวจที่ทำงานบางคนก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง บางคนโดนย้ายอีก มันคือการบริหารงานบุคคลขององค์กร ต้องเข้าใจด้วย ตำรวจทหารต้องมีวินัย ไปบอกว่าล็อกเป้า กลัวตาย ศัตรูเยอะ แล้วเพื่อนผมที่อยู่ ศชต.ทำไมยังทำงานได้ โรฮิงญาจะมีอิทธิพลอะไรนักหนา แล้วที่บอกว่าพื้นที่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 9 มีการตั้งแคมป์ (โรฮิงญา) มาหลายปี นั่นพูดถึงผมโดยตรงหรือเปล่า ผมเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แล้วท่านเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งอยู่ต้นทางเลย แต่ทำไมไม่ดำเนินการ พูดอย่างนี้ไม่ถูก อย่าเอาองค์กรมาขาย อย่าทำร้ายประเทศ เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ตอนที่มาพูดจากันก็เข้าใจกันดี แต่พอกลับไปก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ผมไม่เคยไปมีอะไรกับท่าน ขอให้พูดให้หมด ทหารเลว ตำรวจเลวคือใคร ใครแทรกแซง อย่างนี้เราแก้ปัญหาไม่ถูกหรอก แต่เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผมรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม หากการกระทำของ พล.ต.ต.ปวีณ เข้าข่ายหมิ่นประมาท จะให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท