คุณท่านผู้นำได้ขึ้นพูดบนเวทีโลกเมื่อเข้าร่วมประชุมใหญ่ประจำปีของสหประชาชาติ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แนวนโยบายของประเทศ และประชาคมโลก ทั้งยังถูกมองว่าเป็นเวทีสำหรับการพูด พูด และก็พูด โดยเนื้อหาสาระจะถูกนำไปปฏิบัติหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่าคนพูดเป็นใคร
ขนาดเลขาธิการสหประชาชาติพูด เตือน อ้อน ชักชวน ประณาม หลากหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ยังไร้ความหมาย โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติแล้ว หายากที่ประเทศไหนจะยอมง่ายๆ
ดูกรณีอิสราเอลเป็นตัวอย่าง เคยโดนประณามหลายครั้ง แต่ไม่สนใจเพราะมีสหรัฐฯ ถือหางให้ท้ายอยู่นั่นแหละ และมติของยูเอ็นบังคับมหาอำนาจไม่เคยได้ เพราะพวกขาใหญ่ถือสิทธิวีโต้ทั้งนั้น
ดังนั้น เวทียูเอ็นถูกมองเป็นห้องประชุมนานาชาติเพื่อให้สมาชิกพ่นน้ำลาย ระบายอารมณ์ และกล่าวหาโจมตีชาติอื่นๆ บางยุคยูเอ็นมีกองกำลังติดอาวุธเข้าไปแทรกแซงยุติวิกฤตสารพัด ทั้งภัยพิบัติ สงครามกลางเมือง คุ้มครองประเทศซึ่งถูกรุกรานโดยกองกำลังเถื่อน หรือกองโจร เป็นต้น
เอาเถอะ เมื่อคุณท่านเป็นผู้นำประเทศสมาชิกยูเอ็น ก็ต้องเต้นไปตามรูปแบบงานตามชาติอื่น ดีไปอย่างเพราะครั้งนี้คุณท่านได้รับความสนใจจากชาติอื่นๆ พอสมควร ได้ขึ้นเวทีหาพวกด้วย
มีงานหนึ่งน่าสนใจเมื่อคุณท่านได้ป่าวร้องให้ประชาคมโลกรับรู้ความสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง บอกว่าประเทศไทยไม่เน้นวัตถุนิยม บริโภคนิยม ชาติอื่นๆ ควรพิจารณาเอาอย่าง
เมื่อพูดไปแล้วตามเวลาที่กำหนด คนฟังจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่ เพราะส่วนใหญ่ก็มีสถานทูตตัวแทนอยู่ในประเทศไทย รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ มีข้อมูลทุกชนิด เพราะไทยเป็นประเทศเปิด
ในกลุ่มประเทศอาเซียน ไทยเป็นประเทศ “สากล” เกินหน้าทุกชาติด้วยซ้ำ มีคนต่างชาติจากทั่วสารพัดทิศ ทั้งดีร้ายเข้ามาทำมาหากินในแผ่นดินไทย ลำบาก มั่งคั่ง ติดคุกตะราง เสียชีวิตก็ไม่น้อย
คุณท่านได้กระทบไหล่ผู้นำหลายประเทศ ย่อมเห็นความแตกต่าง รับรู้มุมมองวิสัยทัศน์ต่างๆ เมื่อย้อนมองเมืองไทย คงอดรู้สึกไม่ได้ว่าบ้านเราเป็นสังคมที่มีแต่ความขัดแย้งแต่ไร้ค่าจริงๆ
ตั้งกลุ่มต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงเพื่อตอบสนองความโลภของคน ไม่เกี่ยวโยงกับจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนรวม ดูแล้วช่างด้อยพัฒนาน่าสมเพช
คุณท่านได้นำเสนอแนวคิดนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง เรื่อง “หยุดความยากจนและความอดอยากหิวโหย” ก็เหมาะกับสภาพการณ์ปัจจุบันซึ่งหลายประเทศมีวิกฤตเศรษฐกิจเรื้อรัง
เศรษฐกิจพอเพียงสวนทางกับเศรษฐกิจทุนนิยมซึ่งเน้นความมั่งคั่ง ทำกำไร เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรี มือใครยาวสาวได้สาวเอา ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เป็นพาราสาวัตถีไม่มีใครปรานีใคร
และประเทศไทยยังจมลึกแน่นกับระบบทุนนิยมสามานย์ยาวนาน ยากที่จะถอนตัว
เมื่อคุณท่านพูดให้ประชาคมโลกได้รับรู้ เขาก็จะดูว่าประเทศไทยต้นตำรับเศรษฐกิจพอเพียงนั้นแท้ที่จริงเพิกเฉย อาจโดนจัดอยู่ในประเภท “ปากว่าตาขยิบ” หรือ “มือถือสาก ปากถือศีล”
หรือประเทศไทยทำตัวอยู่ในประเภท “พูดอย่างทำอย่าง” หรือไม่ นโยบายดีแต่ไร้การปฏิบัติ
เรื่องนี้คุณท่านต้องระวัง เพราะการนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นเหมือนพันธกิจต่อชาวโลกว่าเรา “ทำแล้ว” และอยากให้ประเทศอื่นทำด้วย ไม่ใช่ว่าเราทำบ้างเป็นเชิงสัญลักษณ์สร้างภาพ
คุณท่านเน้นเรื่อ”หยุดยั้งความยากจน ความหิวโหย” จึงเป็นเรื่องของคนด้อยโอกาส คนไม่มีจะกิน หรืออยู่ในสภาพมีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง นโยบายประชานิยมถมไม่เต็มเพื่อโกงเนียนโดยนักการเมืองสามานย์ และนโยบายประชารัฐในยุคคุณท่านต้องให้ผลประโยชน์ถึงมือชาวบ้านจริงๆ
ช่วงนี้เริ่มมีข่าวการรั่วไหล การผันแปรของทิศทางเงินช่วยเหลือ ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ถ้าไม่มีข่าวฉาวโฉ่นั่นแหละ จึงถือว่าเป็นความมหัศจรรย์
การพลิกผัน เล่นแร่แปรธาตุของเงินช่วยเหลือกองทุนหมู่บ้านจึงเป็นการท้าทายอำนาจคุณท่าน คงไม่ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ต้องเชือดลิงเจ้าเล่ห์ให้พวกลิงที่เหลือดู เป็นการป้องปรามเข้มข้น
ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คุณท่านควรรู้ซึ้งว่าที่ผ่านมานักเลือกตั้งเพียงแค่จัดฉาก ในยุคคุณท่านต้องเร่งทำอย่างจริงจังให้ชาวบ้านและชาวโลกได้เห็น ไม่ใช่ต้องการช่วยแต่คนรวย เจ้าสัวแสนล้าน
ที่ผ่านมา แนวโน้มเป็นเช่นนั้นซะด้วย จะว่าต้องการผ่องถ่ายเงินจากกระเป๋าเจ้าสัวมาลงทุนเพื่อช่วยเหลือคนยากจน คงไม่จริง เพราะถ้าเจ้าสัวมีเจตนาให้คนจน คนด้อยโอกาสทำมาหากินได้ก็คงไม่แย่งอาชีพคนรากหญ้าค้าขายจนกระทั่งรายย่อย ล้มหายตายจาก รากหญ้ารากเลือดกันทั่ว
ถ้าคุณท่านไม่กันพื้นที่ทำมาหากินให้คนระดับล่างอยู่รอด ความคิดเพื่อ “หยุดยั้งความยากจน ความหิวโหย” คงเป็นเพียงวาทกรรมเอาไว้พูดเล่นให้ฟังดูดีบนเวทีนานาชาติเท่านั้น
ช่วงคุณท่านอาสาเข้ามารับงานบริหารบ้านเมือง คุณท่านป่าวร้องเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง เสียงดังน่าเชื่อถือ ชาวบ้านดีใจ นึกว่าจะได้กินข้าวปลาอาหารพืชผักปลอดสารพิษ ไม่ต้องเสี่ยงกับการอยู่แบบตายผ่อนส่ง คนไทยมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ปลอดความเสี่ยงต่อโรคภัย
ไม่นานหลังจากนั้น ก็ไม่ได้ยินเรื่องนี้อีกเลย มีแต่เรื่องการลงทุนขนาดใหญ่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มาตรการภาษีอวยเจ้าสัว นักลงทุนต่างประเทศ เสียงคนจนไปไม่ถึงหูคุณท่านอีกต่อไป เจออะไรหรือ
ถ้ามี ก็เป็นเสียงคร่ำครวญโหยไห้ ต้องการความช่วยเหลือเพราะทนความทุกข์ต่อไปไม่ไหว นั่นเป็นเพราะท่านใช้เวลาในกลุ่มคนมีเงิน บรรยากาศน่าสบายใจกว่าความทุกข์เข็ญหรือไม่
มีชาวบ้านได้รับผลกระทบร้ายแรงจากพิษของการลงทุนเหมืองทอง ชาวบ้านใน 4 จังหวัดได้รับสารพิษจนเจ็บป่วยเสียชีวิต พืชผลมีแต่สารพิษปนเปื้อน ชาวบ้านยังทนสภาพเลวร้ายสารพัด
คนยากจน ด้อยโอกาส เสียงไม่ดัง ไร้อำนาจต่อรอง เป็นพลเมืองชั้นปลายแถว
เศรษฐกิจพอเพียงควรเริ่มต้นด้วยเกษตรอินทรีย์ให้เกษตรกรทุกประเภท โดยเฉพาะชาวนา ไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อปุ๋ยเคมี เคมีเกษตรปราบวัชพืช แมลง เป็นการลดต้นทุนได้มาก
พืชผลจะปลอดสารพิษ ดีทั้งราคามูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคเสี่ยงภัยน้อยลง ไม่ต้องตายผ่อนส่ง
กลับมาแล้ว เริ่มเศรษฐกิจพอเพียงให้จริงจัง ถ้าสำเร็จจะเป็นกุศลต่อแผ่นดินอย่างล้นเหลือ
ขนาดเลขาธิการสหประชาชาติพูด เตือน อ้อน ชักชวน ประณาม หลากหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ยังไร้ความหมาย โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติแล้ว หายากที่ประเทศไหนจะยอมง่ายๆ
ดูกรณีอิสราเอลเป็นตัวอย่าง เคยโดนประณามหลายครั้ง แต่ไม่สนใจเพราะมีสหรัฐฯ ถือหางให้ท้ายอยู่นั่นแหละ และมติของยูเอ็นบังคับมหาอำนาจไม่เคยได้ เพราะพวกขาใหญ่ถือสิทธิวีโต้ทั้งนั้น
ดังนั้น เวทียูเอ็นถูกมองเป็นห้องประชุมนานาชาติเพื่อให้สมาชิกพ่นน้ำลาย ระบายอารมณ์ และกล่าวหาโจมตีชาติอื่นๆ บางยุคยูเอ็นมีกองกำลังติดอาวุธเข้าไปแทรกแซงยุติวิกฤตสารพัด ทั้งภัยพิบัติ สงครามกลางเมือง คุ้มครองประเทศซึ่งถูกรุกรานโดยกองกำลังเถื่อน หรือกองโจร เป็นต้น
เอาเถอะ เมื่อคุณท่านเป็นผู้นำประเทศสมาชิกยูเอ็น ก็ต้องเต้นไปตามรูปแบบงานตามชาติอื่น ดีไปอย่างเพราะครั้งนี้คุณท่านได้รับความสนใจจากชาติอื่นๆ พอสมควร ได้ขึ้นเวทีหาพวกด้วย
มีงานหนึ่งน่าสนใจเมื่อคุณท่านได้ป่าวร้องให้ประชาคมโลกรับรู้ความสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง บอกว่าประเทศไทยไม่เน้นวัตถุนิยม บริโภคนิยม ชาติอื่นๆ ควรพิจารณาเอาอย่าง
เมื่อพูดไปแล้วตามเวลาที่กำหนด คนฟังจะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่ เพราะส่วนใหญ่ก็มีสถานทูตตัวแทนอยู่ในประเทศไทย รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ มีข้อมูลทุกชนิด เพราะไทยเป็นประเทศเปิด
ในกลุ่มประเทศอาเซียน ไทยเป็นประเทศ “สากล” เกินหน้าทุกชาติด้วยซ้ำ มีคนต่างชาติจากทั่วสารพัดทิศ ทั้งดีร้ายเข้ามาทำมาหากินในแผ่นดินไทย ลำบาก มั่งคั่ง ติดคุกตะราง เสียชีวิตก็ไม่น้อย
คุณท่านได้กระทบไหล่ผู้นำหลายประเทศ ย่อมเห็นความแตกต่าง รับรู้มุมมองวิสัยทัศน์ต่างๆ เมื่อย้อนมองเมืองไทย คงอดรู้สึกไม่ได้ว่าบ้านเราเป็นสังคมที่มีแต่ความขัดแย้งแต่ไร้ค่าจริงๆ
ตั้งกลุ่มต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพียงเพื่อตอบสนองความโลภของคน ไม่เกี่ยวโยงกับจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนรวม ดูแล้วช่างด้อยพัฒนาน่าสมเพช
คุณท่านได้นำเสนอแนวคิดนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง เรื่อง “หยุดความยากจนและความอดอยากหิวโหย” ก็เหมาะกับสภาพการณ์ปัจจุบันซึ่งหลายประเทศมีวิกฤตเศรษฐกิจเรื้อรัง
เศรษฐกิจพอเพียงสวนทางกับเศรษฐกิจทุนนิยมซึ่งเน้นความมั่งคั่ง ทำกำไร เป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรี มือใครยาวสาวได้สาวเอา ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เป็นพาราสาวัตถีไม่มีใครปรานีใคร
และประเทศไทยยังจมลึกแน่นกับระบบทุนนิยมสามานย์ยาวนาน ยากที่จะถอนตัว
เมื่อคุณท่านพูดให้ประชาคมโลกได้รับรู้ เขาก็จะดูว่าประเทศไทยต้นตำรับเศรษฐกิจพอเพียงนั้นแท้ที่จริงเพิกเฉย อาจโดนจัดอยู่ในประเภท “ปากว่าตาขยิบ” หรือ “มือถือสาก ปากถือศีล”
หรือประเทศไทยทำตัวอยู่ในประเภท “พูดอย่างทำอย่าง” หรือไม่ นโยบายดีแต่ไร้การปฏิบัติ
เรื่องนี้คุณท่านต้องระวัง เพราะการนำเสนอเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นเหมือนพันธกิจต่อชาวโลกว่าเรา “ทำแล้ว” และอยากให้ประเทศอื่นทำด้วย ไม่ใช่ว่าเราทำบ้างเป็นเชิงสัญลักษณ์สร้างภาพ
คุณท่านเน้นเรื่อ”หยุดยั้งความยากจน ความหิวโหย” จึงเป็นเรื่องของคนด้อยโอกาส คนไม่มีจะกิน หรืออยู่ในสภาพมีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง นโยบายประชานิยมถมไม่เต็มเพื่อโกงเนียนโดยนักการเมืองสามานย์ และนโยบายประชารัฐในยุคคุณท่านต้องให้ผลประโยชน์ถึงมือชาวบ้านจริงๆ
ช่วงนี้เริ่มมีข่าวการรั่วไหล การผันแปรของทิศทางเงินช่วยเหลือ ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ถ้าไม่มีข่าวฉาวโฉ่นั่นแหละ จึงถือว่าเป็นความมหัศจรรย์
การพลิกผัน เล่นแร่แปรธาตุของเงินช่วยเหลือกองทุนหมู่บ้านจึงเป็นการท้าทายอำนาจคุณท่าน คงไม่ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ต้องเชือดลิงเจ้าเล่ห์ให้พวกลิงที่เหลือดู เป็นการป้องปรามเข้มข้น
ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คุณท่านควรรู้ซึ้งว่าที่ผ่านมานักเลือกตั้งเพียงแค่จัดฉาก ในยุคคุณท่านต้องเร่งทำอย่างจริงจังให้ชาวบ้านและชาวโลกได้เห็น ไม่ใช่ต้องการช่วยแต่คนรวย เจ้าสัวแสนล้าน
ที่ผ่านมา แนวโน้มเป็นเช่นนั้นซะด้วย จะว่าต้องการผ่องถ่ายเงินจากกระเป๋าเจ้าสัวมาลงทุนเพื่อช่วยเหลือคนยากจน คงไม่จริง เพราะถ้าเจ้าสัวมีเจตนาให้คนจน คนด้อยโอกาสทำมาหากินได้ก็คงไม่แย่งอาชีพคนรากหญ้าค้าขายจนกระทั่งรายย่อย ล้มหายตายจาก รากหญ้ารากเลือดกันทั่ว
ถ้าคุณท่านไม่กันพื้นที่ทำมาหากินให้คนระดับล่างอยู่รอด ความคิดเพื่อ “หยุดยั้งความยากจน ความหิวโหย” คงเป็นเพียงวาทกรรมเอาไว้พูดเล่นให้ฟังดูดีบนเวทีนานาชาติเท่านั้น
ช่วงคุณท่านอาสาเข้ามารับงานบริหารบ้านเมือง คุณท่านป่าวร้องเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์อย่างจริงจัง เสียงดังน่าเชื่อถือ ชาวบ้านดีใจ นึกว่าจะได้กินข้าวปลาอาหารพืชผักปลอดสารพิษ ไม่ต้องเสี่ยงกับการอยู่แบบตายผ่อนส่ง คนไทยมีสุขภาพดีถ้วนหน้า ปลอดความเสี่ยงต่อโรคภัย
ไม่นานหลังจากนั้น ก็ไม่ได้ยินเรื่องนี้อีกเลย มีแต่เรื่องการลงทุนขนาดใหญ่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มาตรการภาษีอวยเจ้าสัว นักลงทุนต่างประเทศ เสียงคนจนไปไม่ถึงหูคุณท่านอีกต่อไป เจออะไรหรือ
ถ้ามี ก็เป็นเสียงคร่ำครวญโหยไห้ ต้องการความช่วยเหลือเพราะทนความทุกข์ต่อไปไม่ไหว นั่นเป็นเพราะท่านใช้เวลาในกลุ่มคนมีเงิน บรรยากาศน่าสบายใจกว่าความทุกข์เข็ญหรือไม่
มีชาวบ้านได้รับผลกระทบร้ายแรงจากพิษของการลงทุนเหมืองทอง ชาวบ้านใน 4 จังหวัดได้รับสารพิษจนเจ็บป่วยเสียชีวิต พืชผลมีแต่สารพิษปนเปื้อน ชาวบ้านยังทนสภาพเลวร้ายสารพัด
คนยากจน ด้อยโอกาส เสียงไม่ดัง ไร้อำนาจต่อรอง เป็นพลเมืองชั้นปลายแถว
เศรษฐกิจพอเพียงควรเริ่มต้นด้วยเกษตรอินทรีย์ให้เกษตรกรทุกประเภท โดยเฉพาะชาวนา ไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อปุ๋ยเคมี เคมีเกษตรปราบวัชพืช แมลง เป็นการลดต้นทุนได้มาก
พืชผลจะปลอดสารพิษ ดีทั้งราคามูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคเสี่ยงภัยน้อยลง ไม่ต้องตายผ่อนส่ง
กลับมาแล้ว เริ่มเศรษฐกิจพอเพียงให้จริงจัง ถ้าสำเร็จจะเป็นกุศลต่อแผ่นดินอย่างล้นเหลือ