xs
xsm
sm
md
lg

เอ็กโก้ กรุ๊ปรุกอินโดฯ-ฟิลิปปินส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผลิตไฟฟ้ารุกธุรกิจไฟฟ้าในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เหตุดีมานด์ความต้องการใช้ไฟสูง โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมในประเทศดังกล่าว ส่วนโรงไฟฟ้าก๊าซฯที่นิคมฯทวายรอความต้องการใช้ไฟอีก 2ปีค่อยก่อสร้าง ลั่นกลางปีหน้าโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 เดินเครื่องจ่ายไฟทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม
ชี้หากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ภาคใต้เกิดไม่ได้ก็สามารถผุดโรงไฟฟ้าก๊าซฯในพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอมเดิมได้
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)(EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญในการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ โดยเน้นลงทุนที่อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยจะให้ความสำคัญในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม อาทิ ที่ฟิลิปปินส์ บริษัทฯมีแผนขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินมาซินลอคเพิ่มขึ้นอีก 300เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ได้สามารถหาลูกค้ารับซื้อไฟได้แล้วกึ่งหนึ่งของกำลังการผลิต และอยู่ระหว่างการหาผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้า และแล้วเสร็จในปี 2562-2563
ส่วนการเจรจาซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมในโรงไฟฟ้ามาซินลอคอีก 8% จากปัจจุบันที่เอ็กโก ถือหุ้นอยู่ 40.95% ล่าสุดได้ยุติการเจรจาชั่วคราว เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบโครงสร้างการเสียภาษีทำให้มีผลต่อการประเมินมูลค่าราคาหุ้นได้ คงต้องรอให้ทุกอย่างแล้วเสร็จก่อนค่อยมีการเจรจาอีกครั้ง

นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนา เวนทูรา (SBPL) ในเมืองเควซอน ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 500 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาเงินกู้จากสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะจ่ายไฟได้ในปี 2561

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานใต้พิภพ"สตาร์เอ็นเนอร์ยี่"ที่อินโดนีเซีย ที่เอ็กโก้ ถือหุ้น 20% ก็มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 227เมกะวัตต์สามารถขยายได้ถึง 400เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจาะสำรวจไอน้ำว่ามีเพียงพอมากน้อยแค่ไหน โดยจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตทีละ 100เมกะวัตต์ อีกทั้งโครงการนี้คาดว่าจะได้รับการปรับเพิ่มอัตราค่าไฟฟ้า หลังจากก่อนหน้านี้การไฟฟ้าของอินโดฯได้บีบให้ขายไฟในอัตราที่ถูกอยู่ที่หน่วยละ 6-7 เซ็นต์ จากปัจจุบันค่าไฟอยู่ที่ 12-13 เซ็นต์/หน่วย คาดว่าปีหน้าการเจรจาจะได้ข้อยุติ และจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มองหาโอกาสการลงทุนซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินอื่นๆในอินโดนีเซียด้วย
นายสหัส กล่วถึงโครงการโรงไฟฟ้าที่นิคมฯทวาย ประเทศเมียนมาร์นั้น บริษัทฯมีแผนจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง เฟสแรก กำลังการผลิต 370 เมกะวัตต์ที่นิคมฯทวายในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 ซึ่งเบื้องต้นทางนิคมฯจะซื้อไฟฟ้าจากท้องถิ่นก่อน 10-20เมกะวัตต์ และเมื่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในนิคมฯเพิ่มขึ้น ทางบริษัทก็จะเป็นผู้ลงทุนโรงไฟฟ้าดังกล่าว โดยบริษัทจะถือหุ้น 50%ร่วมกับทางกลุ่ม อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD)

ส่วนที่ลาวก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่จะเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำอีก 2-3 โครงการ อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำเทิน1 และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ-ปากเม็งที่จีนเป็นเจ้าของโครงการ เป็นต้น

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 กำลังผลิต 930 เมกะวัตต์คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบในวันที่ 19 มิ.ย. 2559 ซึ่งเป็นวันที่โรงไฟฟ้าขนอมเดิมหมดสัญญาการจ่ายไฟ ทำให้ปีหน้าบริษัทฯจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 ประมาณ 500--600 ล้านบาท ขณะที่โรงไฟฟ้าชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม กำลังการผลิต 50เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จในปลายปี 2559 สร้างกำไรปีละ 300-400 ล้านบาทในปี 2560 พร้อมกับการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเอสพีพีอีก 3 โรงๆละ 120เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จ ในปี 2560 ส่งผลให้ในปี 2562 บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5พันเมกะวัตต์
ทั้งนี้ หากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ภาคใต้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ก็สามารถใช้พื้นที่โรงไฟฟ้าขนอมเดิมสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯขนาด 900เมกะวัตต์ได้ เนื่องจากก๊าซฯในอ่าวไทยน้อยลง ก็คงต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)จากต่างประเทศเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงแทน
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า จากการเปิดเสนอขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าระยองที่หมดสัญญาจ่ายไฟนั้น ล่าสุดมีผู้ยื่นเสนอซื้อเพียงรายเดียวและเป็นการเสนอราคาที่ต่ำ ดังนั้นบริษัทฯจะเปิดเสนอขายอีกครั้ง ถ้าไม่มีผู้สนใจก็จะยุติรอจังหวะอีกครั้ง ขณะที่พื้นที่โรงไฟฟ้าระยองประมาณ 500 ไร่ ก็ได้จ้างที่ปรึกษาว่าจะพัฒนาอย่างไรต่อไป อาทิ ทำนิคมฯและมีโรงไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่นั้น เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น