ASTVผู้จัดการรายวัน - เอเจนซี่ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ครบวงจรระดับโลก ระบุผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกทะลุ 3 พันล้านคนในปี 58 แนะแบรนด์ระวังความเสี่ยงเผชิญภาวะวิกฤติบนโลกออนไลน์ เปิดตัวโซลูชั่น “FH 2020” ช่วยบริหารภาพลักษณ์และต่อยอดความสำเร็จให้ธุรกิจ
นายมิเชล มอมเมอจา กรรมการผู้จัดการ ด้านดิจิตอล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” เอเจนซี่ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ครบวงจรระดับโลก เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปี 2558 มีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนประมาณ 3 พันล้านคน จึงทำให้แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องมีการปรับตัวระบบการจัดการเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นทางสังคมออนไลน์ เนื่องจากผู้บริโภคสามารถรับข้อมูลได้จากหลากหลายช่องทาง
การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องของโลกออนไลน์ด้วยการคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลักคือผู้ใช้ ผู้ซื้อ และผู้มีอิทธิพลต่อผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยต้องสร้างเนื้อหา หรือคอนเท้นท์ผ่านช่องทางที่เหมาะสมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ โดยต้องมีการจับคู่เนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างบทสนทนาและสายสัมพันธ์ที่ต่อยอดในการนำไปสู่ภาพลักษณ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้
“การส่งต่อเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจของผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภค หากองค์กรมีกระบวนการจัดการที่มีประสิทธิภาพก็จะสามารถทำให้เกิดบทสนทนาในเชิงบวกและแสดงถึงความเป็นผู้นำเทรนด์ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยง ตลอดจนการสนับสนุนแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคได้”
“เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” จึงเปิดให้บริการโซลูชั่นด้านการสื่อสาร โดยใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีผสานกับกลยุทธ์การสื่อสาร ภายใต้ชื่อ “FH 2020” เพื่อบริหารความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในภาวะวิกฤติและฉุกเฉินบนโลกดิจิตอล พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าในภาคธุรกิจต่างๆ ด้วยการเตรียมความพร้อม คาดคะเน ตรวจสอบ และบรรเทาวิกฤติตามเวลาจริง (Real-Time Crisis Management) ผสานกับกลยุทธ์ที่ประกอบด้วยบุคคลากร กระบวนการ และเครื่องมือเฉพาะพิเศษ
“สื่อสังคมออนไลน์ถือเป็นปัจจัยที่คาดเดาและควบคุมได้ลำบาก เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแบรนด์ ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการที่เหมาะสมในการรับมือ ติดตามผล ประเภทของบทสนทนาของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นของแบรนด์ที่ถูกพูดถึงบนสื่อสังคมออนไลน์”
สำหรับกระบวนการของ “เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” เริ่มต้นจาก1.การติดตามและทำความเข้าใจบทสนทนา 2.วางกลยุทธ์ 3.ผลิตเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว 4.ขยายผลผ่านการสื่อสารแบบบูรณาการ และ 5.รับมือการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคตามเวลาจริง
ทั้งนี้ “เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” สามารถทำการติดตั้งบริการ “FH2020” ได้ภายในเวลาอันสั้นประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.บุคคลากรที่ปรึกษาด้านการบริหารภาวะฉุกเฉินและวิกฤติซึ่งได้รับการอบรมและรับรองกว่า 150 คน ครอบคลุม 12 โซนเวลาทั่วโลกและให้บริการได้มากกว่า 20 ภาษา 2.กระบวนการวิธีการดำเนินงาน การประเมินภัยคุกคามและความคาดหวังจากสาธารณชน ตลอดจนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การรายงานและการบริหารภาพลักษณ์และธุรกิจให้กลับสู่ภาวะปกติที่ได้รับการพิสูจน์และทดสอบแล้วว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพการตอบสนองสูงสุดผ่านการปฏิบัติงานบนกรณีที่เกิดขึ้นจริงของลูกค้าและแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก 3.เครื่องมือในการติดตามสื่อทั้งแบบดั้งเดิมและสื่อสังคมออนไลน์ จำลองวิกฤตการณ์ ตั้งศูนย์บัญชาการ และสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายภายใต้โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วของลูกค้า
นายมิเชล มอมเมอจา กรรมการผู้จัดการ ด้านดิจิตอล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” เอเจนซี่ด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ครบวงจรระดับโลก เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปี 2558 มีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนประมาณ 3 พันล้านคน จึงทำให้แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องมีการปรับตัวระบบการจัดการเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นทางสังคมออนไลน์ เนื่องจากผู้บริโภคสามารถรับข้อมูลได้จากหลากหลายช่องทาง
การดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในเรื่องของโลกออนไลน์ด้วยการคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลักคือผู้ใช้ ผู้ซื้อ และผู้มีอิทธิพลต่อผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยต้องสร้างเนื้อหา หรือคอนเท้นท์ผ่านช่องทางที่เหมาะสมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ โดยต้องมีการจับคู่เนื้อหาที่ตรงกับกลุ่มผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างบทสนทนาและสายสัมพันธ์ที่ต่อยอดในการนำไปสู่ภาพลักษณ์ที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้
“การส่งต่อเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจของผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภค หากองค์กรมีกระบวนการจัดการที่มีประสิทธิภาพก็จะสามารถทำให้เกิดบทสนทนาในเชิงบวกและแสดงถึงความเป็นผู้นำเทรนด์ ก่อให้เกิดการเชื่อมโยง ตลอดจนการสนับสนุนแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคได้”
“เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” จึงเปิดให้บริการโซลูชั่นด้านการสื่อสาร โดยใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีผสานกับกลยุทธ์การสื่อสาร ภายใต้ชื่อ “FH 2020” เพื่อบริหารความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในภาวะวิกฤติและฉุกเฉินบนโลกดิจิตอล พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าในภาคธุรกิจต่างๆ ด้วยการเตรียมความพร้อม คาดคะเน ตรวจสอบ และบรรเทาวิกฤติตามเวลาจริง (Real-Time Crisis Management) ผสานกับกลยุทธ์ที่ประกอบด้วยบุคคลากร กระบวนการ และเครื่องมือเฉพาะพิเศษ
“สื่อสังคมออนไลน์ถือเป็นปัจจัยที่คาดเดาและควบคุมได้ลำบาก เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแบรนด์ ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการที่เหมาะสมในการรับมือ ติดตามผล ประเภทของบทสนทนาของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นของแบรนด์ที่ถูกพูดถึงบนสื่อสังคมออนไลน์”
สำหรับกระบวนการของ “เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” เริ่มต้นจาก1.การติดตามและทำความเข้าใจบทสนทนา 2.วางกลยุทธ์ 3.ผลิตเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว 4.ขยายผลผ่านการสื่อสารแบบบูรณาการ และ 5.รับมือการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคตามเวลาจริง
ทั้งนี้ “เฟลชแมน ฮิลลาร์ด” สามารถทำการติดตั้งบริการ “FH2020” ได้ภายในเวลาอันสั้นประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.บุคคลากรที่ปรึกษาด้านการบริหารภาวะฉุกเฉินและวิกฤติซึ่งได้รับการอบรมและรับรองกว่า 150 คน ครอบคลุม 12 โซนเวลาทั่วโลกและให้บริการได้มากกว่า 20 ภาษา 2.กระบวนการวิธีการดำเนินงาน การประเมินภัยคุกคามและความคาดหวังจากสาธารณชน ตลอดจนลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การรายงานและการบริหารภาพลักษณ์และธุรกิจให้กลับสู่ภาวะปกติที่ได้รับการพิสูจน์และทดสอบแล้วว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพการตอบสนองสูงสุดผ่านการปฏิบัติงานบนกรณีที่เกิดขึ้นจริงของลูกค้าและแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก 3.เครื่องมือในการติดตามสื่อทั้งแบบดั้งเดิมและสื่อสังคมออนไลน์ จำลองวิกฤตการณ์ ตั้งศูนย์บัญชาการ และสามารถทำงานได้อย่างง่ายดายภายใต้โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วของลูกค้า
