ASTVผู้จัดการรายวัน-บช.น.รับ "ตั๊น จิตภัสร์" ผ่านสอบสัมภาษณ์ด้านความรู้ความสามารถแล้ว พร้อมส่งตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ แจงสมัครมาหลายคน แต่ผ่านคนเดียว ส่วนจะรับเป็นตำรวจสังกัด 191 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ บช.น. ที่จะพิจารณา "สมยศ"วอนยึดระเบียบ อย่าใช้ความรู้สึกตัดสิน "ประวุฒิ"เผยตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งเฉพาะ เพจแดงงัดข้อมูลแฉแหลก ขณะที่เพจตำรวจโอด "นายไม่เจ็บ แต่พวกผมเจ็บ"
พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. ในฐานะผู้ช่วยโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้เข้าสอบสัมภาษณ์เข้าเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์รอบแรก เพื่อวัดความความรู้ความสามารถ จากนั้น จึงมีหนังสือส่งตัวให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ภายในวันที่ 22 ก.ย. เพื่อเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติรอบ 2 และจากนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีหนังสือสอบถามผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลตำรวจว่ามีปัญหาสุขภาพใดที่ขัดต่อการเป็นข้าราชการตำรวจหรือไม่ หากคุณสมบัติในการตรวจร่างกายผ่านตามเกณฑ์ จึงจะเข้ารับการพิจารณาจากคณะกรรมการในระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งโดย บช.น. มี รอง ผบช.น.เป็นประธานคณะกรรมการ มี ผบก.ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสม โดยต้องเรียกมาสัมภาษณ์อีกครั้ง และคณะกรรมการจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าคณะกรรมการจะตอบสังคมได้ว่าเหตุใดจึงมีดุลพินิจเช่นนั้น
ส่วนประเด็นที่ใช้วัดความเหมาะสมของผู้เข้ารับราชการเป็นตำรวจนั้น คนจะเป็นข้าราชการตำรวจ ต้องตอบสังคมได้ว่าเป็นคนดี ต้องเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมือง ไม่อาจเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ชื่นชอบได้ แต่อยู่ในระดับเหมาะสมหรือไม่ ต้องเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมมีอยู่หลายอย่างประกอบกัน
"การวัด คัดผู้เข้าเป็นตำรวจ มีคุณสมบัติ 3 ประการ 1.มีความรู้ ความสามารถ มีบุคลิกลักษณะที่ดี 2.มีสุขภาพร่างกายที่ดี 3.ความเหมาะสม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาหลังจากนี้ ขณะนี้ยังไปไม่ถึงขึ้นนั้น ขณะนี้ น.ส.จิตภัสร์ ผ่านในส่วนความรู้ความสามารถ ส่วนการสอบสัมภาษณ์รอบแรกคะแนนจะไปรวมกับความเหมาะสม" ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าว
***ย้ำไม่สามารถตัดสิทธิ์ได้
ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า น.ส.จิตภัสร์ ถูกกล่าวหามีความผิดในคดีอาญา มีหมายจับและมอบตัวต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามหมายจับแล้ว ก็มีกระบวนการถอนหมายจับเป็นเรื่องปกติ แต่ยังคงเป็นผู้ต้องหาในคดี จะผิดหรือไม่อยู่ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะสั่งฟ้องหรือไม่ ท้ายที่สุดศาลจะตัดสินว่าผิดหรือไม่ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา จะไปตัดสินว่า น.ส.จิตภัสร์ ผิดหรือไม่ในตอนนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่า การที่ น.ส.จิตภัสร์ เป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง คดีกบฏนั้น สอดคล้องเหมาะกับการเป็นตำรวจหรือไม่ พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นประเด็นหลักต้องพิจารณาด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งกระแสสังคม พฤติกรรมที่เคยแสดงออกทางการเมือง ตรงนี้พิจารณาทุกอย่าง
"อย่างที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ระบุว่า ประเทศไทยเรามีมาตรฐานเดียว จะไปจำกัดสิทธิเข้าไม่ได้ เมื่อเปิดรับสมัคร เขามาสมัคร จะบอกว่าคุณไม่เป็นกลางทางการเมือง คุณเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาแล้วไม่รับสมัครเขาไม่ได้ ต้องรับสมัครก่อน ส่วนจะผ่านหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง ขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่ได้ถอนการสมัคร แต่การถอนจะเกิดขึ้นโดยปริยาย หากเข้าสละสิทธิไม่ตรวจร่างกาย หรือไม่มารายงานตัวตามนัดหมาย” ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าว
***วอนตำรวจอย่าเพิ่งออกมาต้าน
พ.ต.อ.เอกลักษณ์ กล่าวว่า การเปิดรับสมัครครั้งนี้ มีการประกาศทางเว็บไซต์ มีผู้สมัครหลายคน แต่ก็ไปในชั้นความรู้ความสามารถ มีการสัมภาษณ์คนอื่นด้วย แต่ที่มีการแพร่ภาพว่านัด น.ส.จิตภัสร์ สัมภาษณ์คนเดียว เป็นการนัดเฉพาะวันที่ 18 ก.ย. เท่านั้น แต่เบื้องต้นยอมรับว่ามี น.ส.จิตภัสร์ ผ่านมาสู่ขั้นตอนการตรวจร่างกายเพียงคนเดียว ซึ่งหากทั้ง น.ส.จิตภัสร์ หรือผู้อื่นไม่มีใครผ่านการคัดเลือกในตำแหน่งนี้ บช.น. ต้องรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบว่าไม่มีผู้ผ่านการคัดเลือกและอาจเปิดรับสมัครตำแหน่งนี้อีกครั้งพร้อมกับการรับสมัครตำรวจสัญญาบัตรทั่วไป
เมื่อถามถึงความรู้สึกของข้าราชการตำรวจที่ออกมาต่อต้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์กล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการของ บช.น.พิจารณาอย่างไร ผ่านการคัดเลือกหรือไม่ ต้องตอบสังคมได้ว่าเหตุใดถึงผ่าน และเหตุใดถึงไม่ผ่าน แต่ย้ำว่าเราปิดกั้นสิทธิไม่ได้ เมื่อเขาสมัครมาเราต้องรับสมัคร แต่ท้ายที่สุดจะผ่านหรือไม่อยู่ที่คุณสมบัติ ความเหมาะสม ตอนนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย เสียงประชาชน เสียงสังคม เสียงของพี่น้องตำรวจเราต้องรับฟังและไปพิจารณาในแง่ความเหมาะสมด้วย ตอนนี้อย่าเพิ่งตัดสิน ตนเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการฯ จะใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสม
***ผบ.ตร.ย้ำยึดระเบียบอย่าใช้ความรู้สึก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี น.ส.จิตภัสร์ ว่า เรื่องการถอนหรือยกเลิกการสมัครยังไม่มี ทราบว่ามีการไปตรวจร่างกาย แต่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ต้องรอคณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สรุปเรื่องนี้ว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีกระแสข่าวว่ามีการถอนหมายจับของ น.ส.จิตภัสร์แล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นเรื่องของดีเอสไอ ไม่เกี่ยวกับตำรวจ แต่มีการถอนหมายจับจริงหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถามดีเอสไอ ส่วนเรื่องมีหมายจับของดีเอสไอ ยังจะสมัครเป็นตำรวจได้หรือไม่นั้น คนที่มีข้อหาหรือคดีถ้าคดียังไม่สิ้นสุด คือ ศาลยังไม่ตัดสินหรือศาลลงโทษ ยังถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ อันนี้ตามรัฐธรรมนูญ ทุกคนเสมอภาคกัน
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่กับกระแสการต่อต้านของข้าราชการตำรวจ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต้องแยกแยะว่าความถูกต้องความชอบธรรมตามกฎหมาย หรือความชอบธรรมตามสิทธิของเขากับความรู้สึก เรื่องนี้ต้องแยกกัน
"ต้องบอกเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยว่า ต้องแยกกัน เราจะไปจำกัดสิทธิบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ ถ้าเขามีสิทธิ เพราะเขาก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ส่วนความรู้สึกที่มีต่อกัน ก็เป็นเรื่องส่วนตัว คงไม่เอาองค์กรเข้าไปเกี่ยวข้อง อันนี้ต้องแยกกัน ผมไม่ได้เห็นดีเห็นงาม หรือไม่เห็นดีไม่เห็นงาม ผมเป็นผู้บริหารต้องยึดหลักระเบียบ ข้อกฎหมาย จะไม่เอาความรู้สึกเข้าไปตัดสินตรงนี้ ส่วนใครที่ใช้ความรู้สึกก็เป็นเรื่องส่วนตัวส่วนบุคคล แต่ผมจะรู้สึกอย่างไรมันอยู่ในใจ” ผบ.ตร.กล่าว
***ต้องรอให้คณะกรรมการ บช.น.สรุป
เมื่อถามว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.จิตภัสร์ได้มาตรวจร่างกายเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้มาพิมพ์มือตรวจสอบประวัติอาชญากร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ ถือว่าสละสิทธิ์หรือไม่นั้น คณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะเป็นคนสรุปว่าการที่ น.ส.จิตภัสร์ตรวจร่างกายหรือไปทำอะไรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมายหรือไม่ เขามีสิทธิพึงควรพึงชอบหรือไม่มีสิทธิอย่างไร ส่วนนี้ต้องให้คณะกรรมการ บช.น.เป็นหน่วยงานสรุป เพราะในรายละเอียดตนไม่ทราบจริงๆ
****"ประวุฒิ"เผยตำแหน่งนี้เปิดใหม่
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำแหน่งที่ น.ส.จิตภัสร์ สมัครเข้าไปนั้น เป็นตำแหน่งเปิดใหม่ ไม่เคยมีผู้ใดเคยประจำตำแหน่งนี้มาก่อน จากนี้ต้องตรวจสอบเหตุผลก่อนว่าทาง บก.สปพ. เปิดตำแหน่งดังกล่าวขึ้นมาเพื่ออะไร แต่เท่าที่ทราบตำแหน่งนี้ เป็นวุฒิที่ต้องการพิเศษเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคหรือเป็นตำแหน่งที่ขาดแคลน จึงต้องรับเข้ามา ถือว่าไม่ใช่วุฒิตามปกติ เพราะหากเป็นเช่นนั้นต้องมีการไปสอบเข้าแบบการรับสมัครทั่วไป
***เพจแดงงัดข้อมูลแฉแหลก
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันนี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจ "กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ" ซึ่งเป็นแฟนเพจเครือข่ายนักรบไซเบอร์กลุ่มคนเสื้อแดง และผู้สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครเป็นตำรวจของ น.ส.จิตภัสร์ โดยมีทั้งหมด 4 ภาพ ภาพแรกเป็นภาพของ น.ส.จิตภัสร์ ในชุดนุ่งขาวห่มขาว พร้อมกับกลุ่มบุคคลแต่งชุดขาว พร้อมข้อความระบุว่า "แอบพาน้องตั๊นไปเข้าค่ายอบรมจริยธรรมตำรวจแล้ว แต่โกหกว่ายังไม่รู้เรื่อง" ภาพที่ 2 เป็นภาพข้อมูลการถอนหมายจับ พร้อมมีข้อมูลโจมตีว่าเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วยกลุ่ม กปปส. และกล่าวหาว่าแอบทำกันเงียบ ภาพที่ 3 เป็นภาพข้อมูลทางการแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมข้อความว่า น.ส.จิตภัสร์ ไปตรวจร่างกายแล้ว และภาพที่ 4 เป็นภาพตัดต่อฟิล์มเอกซเรย์ โดยใส่นกหวีดลงไป
***ตำรวจโอด "นายไม่เจ็บ แต่พวกผมเจ็บ"
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า แฟนเพจ "ตำรวจไทย สู้ๆ" ได้โพสต์รูปการ์ตูนตำรวจผูกริบบิ้นสีดำบนวิทยุสื่อสาร พร้อมข้อความ "NO TUN" (ไม่เอาตั้น) ระบุ "นายไม่เจ็บ แต่พวกผมเจ็บ" โดยภาพนี้สมาชิกส่งมาให้ และเป็นคนเดียวกันที่ร่วมกับแอดมินคิดวิธีแสดงจุดยืนครั้งนี้ ซึ่งพบว่ามีตำรวจชั้นผู้น้อยจำนวนมากเอาไปตั้งรูปโปร์ไฟล์ในเฟซบุ๊กเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงออกทั้งการแต่งกลอนโจมตีผู้ชุมนุมที่ไปรื้อป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะไม่พอใจกับบทบาทของตำรวจในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นพวกอัปรีย์ รื้อป้ายทำลายบ้าน พร้อมแสดงจุดยืนไม่กราบไหว้ผู้บังคับบัญชา และระบุว่าตำรวจถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่สามารถฝืนคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
อย่างไรก็ตาม แอดมินแฟนเพจดังกล่าวได้ชี้แจงเหตุผลการคัดค้าน น.ส.จิตภัสร์ เข้ารับราชการตำรวจ โดยระบุว่า การแสดงจุดยืนด้วยการผูกริบบิ้นสีดำไว้ที่เสาวิทยุสื่อสาร เสาวิทยุติดรถยนต์ กระจกมองข้างรถยนต์ รถจักรยานยนต์นั้น เป็นการแสดงออกโดยมิได้มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ส่วน น.ส.จิตภัสร์ จะได้เข้ารับราชการหรือไม่ ก็เป็นดุลย์พินิจของทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณา หน้าที่เรา ณ ตอนนี้ คือการแสดงจุดยืน ด้วยการผูกริบบิ้นดำ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจไทยเท่านั้น พร้อมอ้างว่า เพจดังกล่าวมุ่งเน้นเสนอผลงาน และปกป้องศักดิ์ศรีของพี่น้องตำรวจไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. ในฐานะผู้ช่วยโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้เข้าสอบสัมภาษณ์เข้าเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์รอบแรก เพื่อวัดความความรู้ความสามารถ จากนั้น จึงมีหนังสือส่งตัวให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ภายในวันที่ 22 ก.ย. เพื่อเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติรอบ 2 และจากนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีหนังสือสอบถามผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลตำรวจว่ามีปัญหาสุขภาพใดที่ขัดต่อการเป็นข้าราชการตำรวจหรือไม่ หากคุณสมบัติในการตรวจร่างกายผ่านตามเกณฑ์ จึงจะเข้ารับการพิจารณาจากคณะกรรมการในระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งโดย บช.น. มี รอง ผบช.น.เป็นประธานคณะกรรมการ มี ผบก.ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสม โดยต้องเรียกมาสัมภาษณ์อีกครั้ง และคณะกรรมการจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าคณะกรรมการจะตอบสังคมได้ว่าเหตุใดจึงมีดุลพินิจเช่นนั้น
ส่วนประเด็นที่ใช้วัดความเหมาะสมของผู้เข้ารับราชการเป็นตำรวจนั้น คนจะเป็นข้าราชการตำรวจ ต้องตอบสังคมได้ว่าเป็นคนดี ต้องเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมือง ไม่อาจเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ชื่นชอบได้ แต่อยู่ในระดับเหมาะสมหรือไม่ ต้องเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมมีอยู่หลายอย่างประกอบกัน
"การวัด คัดผู้เข้าเป็นตำรวจ มีคุณสมบัติ 3 ประการ 1.มีความรู้ ความสามารถ มีบุคลิกลักษณะที่ดี 2.มีสุขภาพร่างกายที่ดี 3.ความเหมาะสม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาหลังจากนี้ ขณะนี้ยังไปไม่ถึงขึ้นนั้น ขณะนี้ น.ส.จิตภัสร์ ผ่านในส่วนความรู้ความสามารถ ส่วนการสอบสัมภาษณ์รอบแรกคะแนนจะไปรวมกับความเหมาะสม" ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าว
***ย้ำไม่สามารถตัดสิทธิ์ได้
ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า น.ส.จิตภัสร์ ถูกกล่าวหามีความผิดในคดีอาญา มีหมายจับและมอบตัวต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามหมายจับแล้ว ก็มีกระบวนการถอนหมายจับเป็นเรื่องปกติ แต่ยังคงเป็นผู้ต้องหาในคดี จะผิดหรือไม่อยู่ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะสั่งฟ้องหรือไม่ ท้ายที่สุดศาลจะตัดสินว่าผิดหรือไม่ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา จะไปตัดสินว่า น.ส.จิตภัสร์ ผิดหรือไม่ในตอนนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่า การที่ น.ส.จิตภัสร์ เป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคง คดีกบฏนั้น สอดคล้องเหมาะกับการเป็นตำรวจหรือไม่ พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นประเด็นหลักต้องพิจารณาด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งกระแสสังคม พฤติกรรมที่เคยแสดงออกทางการเมือง ตรงนี้พิจารณาทุกอย่าง
"อย่างที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ระบุว่า ประเทศไทยเรามีมาตรฐานเดียว จะไปจำกัดสิทธิเข้าไม่ได้ เมื่อเปิดรับสมัคร เขามาสมัคร จะบอกว่าคุณไม่เป็นกลางทางการเมือง คุณเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาแล้วไม่รับสมัครเขาไม่ได้ ต้องรับสมัครก่อน ส่วนจะผ่านหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง ขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่ได้ถอนการสมัคร แต่การถอนจะเกิดขึ้นโดยปริยาย หากเข้าสละสิทธิไม่ตรวจร่างกาย หรือไม่มารายงานตัวตามนัดหมาย” ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าว
***วอนตำรวจอย่าเพิ่งออกมาต้าน
พ.ต.อ.เอกลักษณ์ กล่าวว่า การเปิดรับสมัครครั้งนี้ มีการประกาศทางเว็บไซต์ มีผู้สมัครหลายคน แต่ก็ไปในชั้นความรู้ความสามารถ มีการสัมภาษณ์คนอื่นด้วย แต่ที่มีการแพร่ภาพว่านัด น.ส.จิตภัสร์ สัมภาษณ์คนเดียว เป็นการนัดเฉพาะวันที่ 18 ก.ย. เท่านั้น แต่เบื้องต้นยอมรับว่ามี น.ส.จิตภัสร์ ผ่านมาสู่ขั้นตอนการตรวจร่างกายเพียงคนเดียว ซึ่งหากทั้ง น.ส.จิตภัสร์ หรือผู้อื่นไม่มีใครผ่านการคัดเลือกในตำแหน่งนี้ บช.น. ต้องรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบว่าไม่มีผู้ผ่านการคัดเลือกและอาจเปิดรับสมัครตำแหน่งนี้อีกครั้งพร้อมกับการรับสมัครตำรวจสัญญาบัตรทั่วไป
เมื่อถามถึงความรู้สึกของข้าราชการตำรวจที่ออกมาต่อต้าน พ.ต.อ.เอกรักษ์กล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการของ บช.น.พิจารณาอย่างไร ผ่านการคัดเลือกหรือไม่ ต้องตอบสังคมได้ว่าเหตุใดถึงผ่าน และเหตุใดถึงไม่ผ่าน แต่ย้ำว่าเราปิดกั้นสิทธิไม่ได้ เมื่อเขาสมัครมาเราต้องรับสมัคร แต่ท้ายที่สุดจะผ่านหรือไม่อยู่ที่คุณสมบัติ ความเหมาะสม ตอนนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย เสียงประชาชน เสียงสังคม เสียงของพี่น้องตำรวจเราต้องรับฟังและไปพิจารณาในแง่ความเหมาะสมด้วย ตอนนี้อย่าเพิ่งตัดสิน ตนเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการฯ จะใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสม
***ผบ.ตร.ย้ำยึดระเบียบอย่าใช้ความรู้สึก
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี น.ส.จิตภัสร์ ว่า เรื่องการถอนหรือยกเลิกการสมัครยังไม่มี ทราบว่ามีการไปตรวจร่างกาย แต่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ต้องรอคณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สรุปเรื่องนี้ว่าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีกระแสข่าวว่ามีการถอนหมายจับของ น.ส.จิตภัสร์แล้ว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เป็นเรื่องของดีเอสไอ ไม่เกี่ยวกับตำรวจ แต่มีการถอนหมายจับจริงหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ต้องไปถามดีเอสไอ ส่วนเรื่องมีหมายจับของดีเอสไอ ยังจะสมัครเป็นตำรวจได้หรือไม่นั้น คนที่มีข้อหาหรือคดีถ้าคดียังไม่สิ้นสุด คือ ศาลยังไม่ตัดสินหรือศาลลงโทษ ยังถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ อันนี้ตามรัฐธรรมนูญ ทุกคนเสมอภาคกัน
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่กับกระแสการต่อต้านของข้าราชการตำรวจ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต้องแยกแยะว่าความถูกต้องความชอบธรรมตามกฎหมาย หรือความชอบธรรมตามสิทธิของเขากับความรู้สึก เรื่องนี้ต้องแยกกัน
"ต้องบอกเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยว่า ต้องแยกกัน เราจะไปจำกัดสิทธิบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ ถ้าเขามีสิทธิ เพราะเขาก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ส่วนความรู้สึกที่มีต่อกัน ก็เป็นเรื่องส่วนตัว คงไม่เอาองค์กรเข้าไปเกี่ยวข้อง อันนี้ต้องแยกกัน ผมไม่ได้เห็นดีเห็นงาม หรือไม่เห็นดีไม่เห็นงาม ผมเป็นผู้บริหารต้องยึดหลักระเบียบ ข้อกฎหมาย จะไม่เอาความรู้สึกเข้าไปตัดสินตรงนี้ ส่วนใครที่ใช้ความรู้สึกก็เป็นเรื่องส่วนตัวส่วนบุคคล แต่ผมจะรู้สึกอย่างไรมันอยู่ในใจ” ผบ.ตร.กล่าว
***ต้องรอให้คณะกรรมการ บช.น.สรุป
เมื่อถามว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.จิตภัสร์ได้มาตรวจร่างกายเสร็จแล้ว แต่ไม่ได้มาพิมพ์มือตรวจสอบประวัติอาชญากร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ในส่วนนี้ตนไม่ทราบ ถือว่าสละสิทธิ์หรือไม่นั้น คณะกรรมการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะเป็นคนสรุปว่าการที่ น.ส.จิตภัสร์ตรวจร่างกายหรือไปทำอะไรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมายหรือไม่ เขามีสิทธิพึงควรพึงชอบหรือไม่มีสิทธิอย่างไร ส่วนนี้ต้องให้คณะกรรมการ บช.น.เป็นหน่วยงานสรุป เพราะในรายละเอียดตนไม่ทราบจริงๆ
****"ประวุฒิ"เผยตำแหน่งนี้เปิดใหม่
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำแหน่งที่ น.ส.จิตภัสร์ สมัครเข้าไปนั้น เป็นตำแหน่งเปิดใหม่ ไม่เคยมีผู้ใดเคยประจำตำแหน่งนี้มาก่อน จากนี้ต้องตรวจสอบเหตุผลก่อนว่าทาง บก.สปพ. เปิดตำแหน่งดังกล่าวขึ้นมาเพื่ออะไร แต่เท่าที่ทราบตำแหน่งนี้ เป็นวุฒิที่ต้องการพิเศษเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคหรือเป็นตำแหน่งที่ขาดแคลน จึงต้องรับเข้ามา ถือว่าไม่ใช่วุฒิตามปกติ เพราะหากเป็นเช่นนั้นต้องมีการไปสอบเข้าแบบการรับสมัครทั่วไป
***เพจแดงงัดข้อมูลแฉแหลก
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันนี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจ "กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ" ซึ่งเป็นแฟนเพจเครือข่ายนักรบไซเบอร์กลุ่มคนเสื้อแดง และผู้สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครเป็นตำรวจของ น.ส.จิตภัสร์ โดยมีทั้งหมด 4 ภาพ ภาพแรกเป็นภาพของ น.ส.จิตภัสร์ ในชุดนุ่งขาวห่มขาว พร้อมกับกลุ่มบุคคลแต่งชุดขาว พร้อมข้อความระบุว่า "แอบพาน้องตั๊นไปเข้าค่ายอบรมจริยธรรมตำรวจแล้ว แต่โกหกว่ายังไม่รู้เรื่อง" ภาพที่ 2 เป็นภาพข้อมูลการถอนหมายจับ พร้อมมีข้อมูลโจมตีว่าเกิดขึ้นหลังรัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วยกลุ่ม กปปส. และกล่าวหาว่าแอบทำกันเงียบ ภาพที่ 3 เป็นภาพข้อมูลทางการแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมข้อความว่า น.ส.จิตภัสร์ ไปตรวจร่างกายแล้ว และภาพที่ 4 เป็นภาพตัดต่อฟิล์มเอกซเรย์ โดยใส่นกหวีดลงไป
***ตำรวจโอด "นายไม่เจ็บ แต่พวกผมเจ็บ"
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า แฟนเพจ "ตำรวจไทย สู้ๆ" ได้โพสต์รูปการ์ตูนตำรวจผูกริบบิ้นสีดำบนวิทยุสื่อสาร พร้อมข้อความ "NO TUN" (ไม่เอาตั้น) ระบุ "นายไม่เจ็บ แต่พวกผมเจ็บ" โดยภาพนี้สมาชิกส่งมาให้ และเป็นคนเดียวกันที่ร่วมกับแอดมินคิดวิธีแสดงจุดยืนครั้งนี้ ซึ่งพบว่ามีตำรวจชั้นผู้น้อยจำนวนมากเอาไปตั้งรูปโปร์ไฟล์ในเฟซบุ๊กเพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงออกทั้งการแต่งกลอนโจมตีผู้ชุมนุมที่ไปรื้อป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะไม่พอใจกับบทบาทของตำรวจในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นพวกอัปรีย์ รื้อป้ายทำลายบ้าน พร้อมแสดงจุดยืนไม่กราบไหว้ผู้บังคับบัญชา และระบุว่าตำรวจถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่สามารถฝืนคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
อย่างไรก็ตาม แอดมินแฟนเพจดังกล่าวได้ชี้แจงเหตุผลการคัดค้าน น.ส.จิตภัสร์ เข้ารับราชการตำรวจ โดยระบุว่า การแสดงจุดยืนด้วยการผูกริบบิ้นสีดำไว้ที่เสาวิทยุสื่อสาร เสาวิทยุติดรถยนต์ กระจกมองข้างรถยนต์ รถจักรยานยนต์นั้น เป็นการแสดงออกโดยมิได้มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ส่วน น.ส.จิตภัสร์ จะได้เข้ารับราชการหรือไม่ ก็เป็นดุลย์พินิจของทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณา หน้าที่เรา ณ ตอนนี้ คือการแสดงจุดยืน ด้วยการผูกริบบิ้นดำ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตำรวจไทยเท่านั้น พร้อมอ้างว่า เพจดังกล่าวมุ่งเน้นเสนอผลงาน และปกป้องศักดิ์ศรีของพี่น้องตำรวจไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ