xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบฯพบหลักฐาน "เสี่ยชูวงษ์"ดับปริศนา เจอรอยเขียวช้ำรอบคอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กองปราบปรามเดินหน้าคลี่ปริศนาฆาตกรรมคดีเสี่ยชูวงษ์ ตะลึงภาพศพฟ้องมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกรัดคอ แต่ตำรวจท้องที่ดันให้เป็นอุบัติเหตุ เผยดาบสอง ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานละเอียดยิบชนิด เตรียมจำลองเหตุการณ์จริงโดยผู้ชำนาญการ เก็บทุกเม็ด “รัด” ฆาตกรตัวจริงชนิดดิ้นไม่หลุด

ปริศนาฆาตกรรมกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจวงการก่อสร้างและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กำลังถูกคลี่ปมใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์เข้าไปทุกขณะ หลังตำรวจกองปราบปราม “กัดติด” อย่างไม่ยอมปล่อย โดยดาบแรกได้ดำเนินคดีกับ 4 ผู้ต้องหาหลัก คือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุณฑล และน.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตแคทดี้ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมและรับของโจร ทั้งหมดอยู่ระหว่างประกันตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้คดี

ส่วนดาบสอง อันเป็นคดีฆาตกรรม แม้จะพบพิรุธอย่างมากมาย แต่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูง เนื่องจากหลักฐานสำคัญ คือ ศพของนายชูวงษ์ ได้ถูกญาติทำพิธีฌาปนกิจไปก่อนหน้าแล้ว จึงเหลือแต่เพียงเอกสารชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพยานแวดล้อมต่างๆ ที่พนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ได้สอบปากคำไว้ แต่ล้วนมีทิศทางไปยังคดีอุบัติเหตุ จึงต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่พยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายเช่น เพื่อนฝูงในก๊วนกอล์ฟ คนขับรถ ญาติผู้เสียชีวิตรวมไปถึงกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน

แน่นอนว่าในส่วนหลังจนถึงขณะนี้ ทุกคนต่างปิดปากเงียบ ไม่ยอมแพร่งพรายใดๆ เว้นแต่พ.ต.ท.บรรยิน จะเป็นผู้ออกมาแก้ต่างในทุกๆ ประเด็นที่สังคมเกิดความสงสัย

ระหว่างการสรุปพยาน-หลักฐาน ของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อจะนำไปมัดตัวกลุ่มฆาตกรในคดีฆาตกรรมตามที่ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. ยืนยันว่าการตายของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เป็นการเสียชีวิต “ผิดธรรมชาติ” พร้อมข้อสงสัยว่าหากเป็นการฆาตกรรมจะเป็นลักษณะไหน เป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นบนรถ ทั้งหมดเป็นข้อสมมุติฐาน ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ที่จะไขความกระจ่างนี้ได้ ก็คือ ทีมงานสอบสวนของกองปราบปราม ที่กำลังทุ่มเทอย่างสุดความสามารถนั่นเอง

ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการรายวัน ขอย้อนรอยไปยังวันที่ 26 มิ.ย.2558 อันเป็นวันสุดท้ายของเสี่ยหมื่นล้าน “ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” ก่อนพบจุดจบอย่างไม่คาดฝัน จากคำให้การของพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ที่ระบุว่าในวันดังกล่าวได้นัดเพื่อนกลุ่มวิทยาตลาดทุนกิจการเพื่อสังคม หรือ วตท. รุ่น 20 ซึ่งมีคนตายเป็นประธานกลุ่มไปออกรอบกันที่สนามกอล์ฟเลควูด บางนา ซึ่งตามปกติ อดีต รมช.พาณิชย์ จะให้นายบุญเติม งามปัญญา คนขับรถประจำตัวทำหน้าที่ แต่ในวันนั้นพ.ต.ท.บรรยิน ขับรถเลกซัส ทะเบียน ภฉ-1889 กรุงเทพมหานครไปรับเสี่ยชูวงษ์ ที่บ้านพักด้วยตัวเอง และให้นายบุญเติม นำถุงกอล์ฟมาส่งให้ภายหลัง ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำโชเฟอร์รายนี้ไว้แล้ว แต่ไม่พบพิรุธอะไร โดยยืนยันว่าเพิ่งจะเดินทางมาสนามกอล์ฟเลควูด เป็นครั้งแรกและเพิ่งทำงานกับพ.ต.ท.บรรยิน เพียง 2 เดือน

ลำดับเหตุการณ์ต่อมา คือ ช่วงตีกอล์ฟเสร็จ มีการสังสรรค์กันเล็กน้อย โดยนายชูวงษ์ ดื่มไวน์ไปประมาณ 1 แก้ว จากนั้นจึงชวนกันเดินทางกลับ ซึ่งในจุดนี้ เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่าพ.ต.ท.บรรยินกับผู้ตายขับรถออกมาในเวลา 20.10 น. ก่อนวิ่งไปตามถนนบางนา ขาเข้าลัดเลาะเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ช่วงผ่านซอยเฉลิมพระเกียรติ 48-50 มีรถยนต์ปาดหน้า พ.ต.ท.บรรยิน ให้การว่าเกิดความตกใจ จึงหักหลบ รถจึงวิ่งปีนฟุตปาธชนรั้วก่อนพุ่งใส่ต้นไม้อย่างแรง ทำให้พ.ต.ท.บรรยิน หมดสติไปชั่วครู่ ในช่วงชุลมุนนั้น สักครู่หนึ่งมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยกับชาวบ้านใก้ลเคียงเข้ามาช่วยเหลือนำร่างรวยรินของเสี่ยชูวงษ์ ส่งโรงพยาบาลสิรินธร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หลังเกิดร้ายแรงครอบครัวเสี่ยหมื่นล้าน ยังไม่มีประเด็นอะไรติดใจ เหตุผลทั่วไปน่าจะมาจากยังไม่มีเวลาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินต่างๆ เนื่องจากต้องจัดเตรียมงานศพ อีกทั้งยังได้รับพระราชทานเพลิงศพ เป็นกรณีพิเศษ

หลังพิธีผ่านไปแล้ว จึงพบว่า มีเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมูลค่าหลายร้อยล้านบาทของผู้ตายให้กับ น.ส.อุรชา วชิรกุณฑล และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล จึงมีการสอบถามไปยังบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าว จึงทราบความจริง และเป็นจุดเริ่มต้นของพิรุธต่างๆ รวมไปถึงการออกมาเรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีขึ้น

สำหรับเงื่อนปมต่างๆ อันเป็นพยานแวดล้อม จนทำให้สังคมไทยเกิดความสนใจในคดีนี้เป็นอย่างมาก ก็คือมีชื่อของพ.ต.ท.บรรยิน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากเขาเป็นเพียงนักการเมืองธรรมดา ไม่มีอดีตอันสลับซับซ้อน ก็คงไม่ถูกจับจ้องหรือกดดันขนาดนี้

ประวัติคร่าวๆ ของพ.ต.ท.บรรยิน เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 39 จะด้วยความบังเอิญอันเหลือเชื่อหรือไม่ก็ตาม กลายเป็น นรต. รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผบก.น.4 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเดียวกันนี้ ซึ่งต่อมาญาติเสี่ยชูวงษ์ ได้ร้องต่อพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน

และจากการสืบค้นของทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการรายวัน ยังพบว่า ชื่อเดิมของ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ คือ “ชโลธร” ซึ่งสามารถค้นพบในหนังสือรายนาม นรต.ทั่วไป แต่การเปลี่ยนชื่อจะด้วยเหตุผลใดก็ตามจะทำให้ตัวตนหายไปจากการบันทึกทันที

ส่วนตำแหน่งสุดท้ายของ พ.ต.ท.บรรยิน คือ สวป.สภ.อ.กำแพงเพชร ก่อนลาออกจากราชการเมื่อ ปี 2543 เข้าสู่ถนนสายการเมืองพรรคไทยรักไทย ในกลุ่มวังน้ำยมของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากนั้นลาออกมาเข้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย นำโดยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ รุ่นเดียวกับนางพรทิวา นาคาศัย เมื่อชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 พ.ต.ท.บรรยิน จึงเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พ.ต.ท.บรรยิน ยังเคยผ่านเหตุร้ายแรงเฉียดคุกเฉียดตะรางมาแล้วถึง 2 ครั้ง ในครั้งแรกเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับรถกลับบ้านพักกับภรรยาแล้วรถเสียหลักไปชนต้นสะเดา ข้างถนนเป็นเหตุให้ภรรยาเสียชีวิตเหตุเกิดตอน 5 ทุ่มวันที่ 23 มี.ค.2534 ท้องที่สภ.อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ครั้งต่อมาเข้าไปพัวพันกับคดีมือปืนสไนเปอร์ลอบยิงนายอำนาจ ศิริชัย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ขณะนั่งชมฟุตบอลโลกบริเวณสนามกีฬา หน้าศาลากลาง จ.นครสวรรค์ เมื่อปี 2553 เป็นคดีอุกอาจสะเทือนขวัญจนต้องส่งตำรวจกองปราบปรามลงไปคลี่คลายและหนึ่งในจำนวนนั้น ก็คือ พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี ผกก. 2 ป. มีการถือหมายเข้าค้นบ้านพักพ.ต.ท.บรรยิน ในฐานะผู้ต้องสงสัย ปัจจุบันแม้วันเวลาผ่านไปนานถึง 5 ปี แต่เส้นทางยังบีบให้มาเจอกันอีกครั้งด้วยคดีปริศนาฆาตกรรม

เมื่อทราบถึงความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาของพ.ต.ท.บรรยินแล้ว ปมพิรุธต่างๆ ของคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนหุ้นจำนวนหลายร้อยล้านแก่ผู้อื่นอย่างง่ายดาย อีกทั้งการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่แย้งกับความรู้สึก รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ ยังมีรผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยาฯ ที่ระบุว่า พบบาดแผลช้ำบวมบริเวณศรีษะด้านซ้ายและด้านขวา คางถลอก 2 ข้าง ไหล่ซ้าย หน้าแข้ง 2 ข้างและบ่าช้ำม่วง ศรีษะพบรอยช้ำด้านหลังซ้าย กะโหลกศรีษะสภาพปกติ สมองบวมมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นในด้านซ้าย กระดูกสันหลังหัก กระดูกซี่โครงด้านหน้าทั้งซ้ายและขวาหักหลายซี่ ปอดช้ำ มีเลือดคั่งที่หัวใจ มีเลือดคั่งในตับ ม้ามและไต แพทย์ระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า เลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวม จากการกระแทกของแข็ง ไม่ได้ระบุว่าเสียชีวิตเพราะเหตุใด

ผลชันสูตรดังกล่าว แม้จะมีเหตุผลสนับสนุนจากคำให้การของพ.ต.ท.บรรยิน เช่นผู้ตายไม่คาดเข็มขัดนิรภัย แต่ที่สังคมเคลือบแคลงใจ ก็คือ สภาพความเสียหายของรถเลกซัส ซึ่งมีเพียงรอยบุบเล็กน้อยด้านซ้ายอันเป็นจุดที่นายชูวงษ์ นั่งอยู่ข้างคนขับไม่น่าจะทำให้เกิดแรงกระแทกมากมายมหาศาลได้ขนาดนั้น อีกประการ คือ แม้ผู้ตายไม่ขาดเข็มขัดและถุงลมนิรภัยเกิดขัดข้องไม่ทำงาน บาดแผลฉกรรจ์ต่างๆ ควรเกิดด้านหน้าไม่ใช่ด้านหลังตามรายงานชันสูตรของแพทย์ และที่พ.ต.ท.บรรยิน ไม่สามารถไขข้อข้องใจได้เลย ก็คือ ห้วงเวลาเดินทางจากสนามกอล์ฟเลควูด มายังซอยเฉลิมพระเกียรติ 48-50 อันเป็นจุดเกิดเหตุ ทำไมใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง ก่อนโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุกับภรรยานายชูวงษ์ เพราะระยะทาง 20 กม. โดยประมาณนั้น หากเป็นจริงตามที่ให้การไว้เฉลี่ยความเร็วรถคงไม่เกิน 20กม./ ชม. ความขัดแย้งดังกล่าว จึงมีคำถามว่าห้วงเวลาดังกล่าวพ.ต.ท.บรรยิน กับผู้ตายอยู่ในรถกันตามลำพังหรือไม่ มีใครแอบโดยสารมาอีกหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างเส้นทางขากลับ

ทุกพิรุธที่พบในคดีเสี่ยชูวงษ์ จึงนับเป็นสิ่งท้าทายความสามารถตำรวจไทยเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้คือขั้นตอนสำคัญนั่นคือการจำลองเหตุการณ์จริง ใช้รถจริง มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปิดบัญชีความเคลือบแคลงสงสัยทั้งหมด แต่สิงหนึ่งที่เพิ่มน้ำหนักให้เป็นการฆาตกรรมอำพรางมากขึ้น นั่นก็คือภาพถ่ายสภาพศพเสี่ยชูวงษ์ โดยเฉพาะรอยช้ำรอบคอคล้ายถูกรัดอย่างแรง อาจนำพาให้ฆาตกรตัวจริงต้องจนมุม

รวมไปทั้งความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในตอนแรก เมื่อให้น้ำหนักว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดา พยานหลักฐานต่างๆเลยถูกกลืนหายไปจนแทบหมดสิ้น เมื่อเจ้าของคดีขาข้างหนึ่งซุกเข้าไปในตะรางด้วย ประเด็นนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่มีตำรวจน้อยใหญ่แห่งนครบาลพากันออกมายืนกระต่ายขาเดียวให้เป็นคดีอุบัติเหตุธรรมดาๆ ในวันแรกๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น