อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชา Business analytics and research
สาขาวิชา Actuarial sciences and risk management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชา Business analytics and research
สาขาวิชา Actuarial sciences and risk management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมเคยเขียนบทความชื่อ Je ne suis pas Charlie! ซึ่งแปลว่า ฉันไม่ใช่ชาลี ลงใน manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000004879 ด้วยความไม่เห็นด้วยกับการ์ตูนล้อเลียนเสียดสีศาสนาอิสลามของหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสที่ชื่อ Charlie Hebdo ผมเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันที่มีคนบุกเข้าไปกราดยิงเจ้าหน้าที่และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จนมีผู้เสียชีวิตมากมาย วันนี้ผมเลยต้องเขียนบทความนี้ชื่อ Je ne veux jamais être Charile ซึ่งแปลว่า ฉันไม่เคยต้องการจะเป็นชาลี
ประเด็นผู้อพยพชาวมุสลิมกำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทวีปยุโรป ว่ากันไปแล้วก็เหมือนกงกำกงเกวียน ยุโรปหลายชาติสมัยก่อนไปรุกรานทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามกัน แม้กระทั่งย้อนยุคไปสมัยโบราณ พวกโรมันก็เคยเข้ามาทำสงครามและปกครองดินแดนตะวันออกกลาง ขูดรีดเอาทรัพยากรมากมายเข้าไปในทวีปยุโรป ทุกวันนี้ยุโรปเต็มไปด้วยผู้อพยพมากมายจากแอฟริกา โดยเฉพาะประเทศที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จำนวนมากหนีตายจากภัยพิบัติและสงครามกลางเมืองเช่นจากซีเรียขึ้นเรือกันมาอย่างแออัดเพื่อแสวงหาความสงบและชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
ยุโรปเองก็มีปัญหาการเป็นสังคมผู้สูงอายุ (Aging society) เมืองเล็กๆ ในชนบทจำนวนมากแทบร้าง ไร่นาถูกทิ้งร้าง ไปที่ไหนก็มีแต่คนสูงอายุมากมาย อัตราการเกิดบางประเทศน้อยกว่าอัตราการตายทำให้เกิดภาวะประชากรถดถอย ในขณะที่ผู้อพยพชาวมุสลิมมีประชากรวัยหนุ่มสาวมากกว่า ทั้งศาสนาอิสลามยังอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้ถึง 4 คน เพราะมีความจำเป็นทางภูมิศาสตร์และสังคมในสมัยนั้นที่ผู้ชายไปรบและเสียชีวิต จำเป็นต้องมีคนรับดูแลภรรยาหม้ายและลูกน้อยต่อไป
ด้วยเหตุนี้อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรที่เป็นมุสลิมในหลายประเทศของทวีปยุโรปจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก มากกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรชาวยุโรเปี้ยนซึ่งเป็น Caucasian ผิวขาวหลายเท่าตัว เริ่มมีการก่อร่างสร้างชุมชนมากมาย ทำให้มีความพยายามที่จะสร้างมัสยิดในใจกลางกรุงปารีส และถูกต่อต้านโดยชาวปารีเซียงมาแล้วเช่นกัน ถ้าถามว่าลึกๆ ชาวยุโรปบางส่วนเหยียดหยามและค่อนข้างดูถูกชาวมุสลิมอพยพเหล่านี้หรือไม่ คำตอบก็คงต้องตอบว่าใช่ สงครามศาสนาที่ชื่อสงครามครูเสด (Crusade war) ซึ่งเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในโลก นอกจากนี้หลายประเทศในยุโรปก็เคยมีอาณานิคมเป็นประเทศในแอฟริกาและตะวันออกกลางโดยเฉพาะฝรั่งเศส ซึ่งเคยปกครอง โกตดิวัวร์ แคเมอรูน เซเนกัล ชาด กาบอง เบนิน โตโก กินี จิบูติ โคเมรอส แอลจีเรีย คองโก แอฟริกากลาง มอริเตเนีย มาลี มาดากัสการ์ มอริเชียส บูร์กินาฟาโซ ไนจีเรีย และตูนิเซีย ดังนั้นลึกๆ แล้ว ชาวยุโรปจำนวนหนึ่งมีความดูถูกเหยียดหยามชาวแอฟริกันและผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจากแอฟริกาและตะวันออกกลางที่อพยพเข้าไปในทวีปยุโรป
ลึกๆ นั้นอาจจะไม่แค่เหยียดหยามแต่อาจจะมีความเกรงกลัวว่าจะถูกกลืนชาติกลืนเผ่าพันธุ์และศาสนาไปด้วย ทั้งนี้มีนักประชากรศาสตร์จากหลายสำนักฉายภาพประชากรแล้วคาดว่าทวีปยุโรปจะเป็นทวีปที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ภายใน 20 ปี และจะมีประชากรผู้อพยพมากมายจากแอฟริกา
ทัศนคติเหยียดหยามดูหมิ่นผู้อพยพจากแอฟริกาและผู้นับถือศาสนาอิสลามดังรูปการ์ตูนจาก Charlie Hebdo ล่าสุด ซึ่งวาดรูปการ์ตูนล้อเลียนเด็ก 3-4 ขวบชื่อ Aylan Kurdi ผู้อพยพชาวซีเรียที่ต้องเสียชีวิตและคลื่นทะเลพัดมาชายฝั่งอย่างน่าเศร้าสลด ดังรูปด้านซ้ายมือ
ด้วยคำว่า "Si près du but" ซึ่งแปลว่า “ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วเจ้าเด็กน้อย” ในขณะที่ชายฝั่งนั้นมีการปักป้ายโฆษณามีการ์ตูนของแมคโดแนลด์ว่า "Promo 2 Menus enfant pour le prix d'un" แปลความได้ว่า โปรโมชั่น สองเมนูสำหรับเด็กในราคาแค่หนึ่งเมนู หรือ โปรโมชั่นซื้อหนึ่งได้สองสำหรับเด็ก สำหรับผมภาพนี้ดูไร้รสนิยมมาก
จาก Facebook ของคุณ Tongrob Sunontalad ยังได้ไปตัดภาพจาก Charlie Hebdo อีกภาพที่สะท้อนการดูถูกเหยียดหยามผู้อพยพชาวอิสลามในด้านขวา ซึ่งเป็นรูปพระเยซูกำลังเดินเหยียบผิวน้ำ อย่างสบายพระทัย และมีภาพเด็กชาวมุสลิมกำลังจมน้ำหัวทิ่มขาลอยชี้ฟ้าอย่างทรมาน โดยพาดหัวรูปไว้ว่า "La preuve que l'europe est Chrétienne" ซึ่งแปลว่า นี่แหละคือข้อพิสูจน์ที่ว่ายุโรปมีแต่คริสเตียนเท่านั้น
พร้อมยัดคำพูดในปากพระเยซูว่า "Le Chrétiens marchent sur les eaux" มีแต่คริสเตียนเท่านั้นที่เดินบนผิวน้ำได้ (ถ้านึกดีๆ อาจจะนึกถึงฉากที่โมเซส ฝ่าทะเลแดงกลับไปยังดินแดนคานาอัน) การใช้คำพูดแบบนี้สำหรับผมถือว่าแฝงสัญลักษณ์ทางศาสนาเอาไว้ชัดเจน และยัดคำพูดในปากเด็กที่กำลังจมน้ำว่า "Les Enfants musulmans coulent" ซึ่งแปลว่า มีแต่เด็กมุสลิมเท่านั้นที่ไหลจมลงไปในสายน้ำ
Charlie Hebdo อาจจะอ้างสิทธิเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (Freedom of speech) แต่การเหยียดผิว (Racism) แบบนี้ ไม่เป็นเสรีภาพที่เหมาะสม เพราะเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพของตนไปเหยียบย่ำสิทธิและเสรีภาพของคนอื่นๆ ในโลก
ผมขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า เมื่อชาวมุสลิมพบกัน จะทักทายกันด้วยคำว่า "อัสลามูอาลัยกุมวาเราะห์มาตุ้ลลอฮฺอิวาบารอกาตุฮฺ" หรือพูดสั้นๆ ว่า "อัสลามูอาลัยกุม " ซึ่งหมายความว่า “ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่าน” คนที่ได้ยินก็จะสลาม (คารวะ) ตอบด้วยคำว่า "วาอาลัยกุมมุสลาม" ซึ่งแปลว่า "ขอความสันติสุข จงมีแด่ท่านเช่นกัน" ขอให้โลกนี้มีแต่สันติสุข และเสรีภาพในการแสดงออกย่อมต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่จะไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นร่วมโลกเช่นกัน