ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “หัวโขน ที่บนหัว อย่าหลงตัว ว่ายิ่งใหญ่ ถอดบ้าง อย่างจริงใจ อย่าหลงใหล ในจอมปลอม กับเพื่อน อย่าหลงตน สวมหัวโขน ไม่ถนอม หยุดใหญ่ และยินยอม มารายล้อม ร่วมยินดี เกษียณ จะถูกถอด แม้หวงกอด ถูกถอดหนี หมูหมา ก็ไม่มี ต่างหลีกหนี มิแชร์เชือน แต่เพื่อน จะคงอยู่ ถ้าเรารู้ ให้ใจเพื่อน น้ำใจ ไม่ลางเลือน คำว่า”เพื่อน” ไม่เลือนราง”.
...บทกลอนนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่ง ส่งมาให้อ่านเล่น และขออนุญาตส่งต่อไปยังผู้มีอำนาจที่ใก้ลวาระเกษียณอายุราชการ กันในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้ บางคนอาจจะสายเกินไปแล้ว เพราะยามมีอำนาจราชศักดิ์อาจหลงระเริงจนลืมถึงวันถูกถอดหัวโขน ส่วนบางคนที่วางตัวเหมาะสมงานราษฎร์งานหลวงไม่เคยขาด ไม่เคยหลงตนลืมตัว บั้นปลายชีวิตยังมีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินอีกมากมาย
แง่คิดจากบทกลอนนี้ถ้ามองอย่าง “โลกสวย”อาจแย้งว่านี่มันสังคมอุปถัมป์ชัดๆ ถ้าคิดแบบนี้ไม่ว่ากัน แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันแตกต่างออกไป มีมมุมมองหลากหลายให้มนุษย์ได้เลือกเป็นทางเดิน
พูดถึงวันเกษียณอายุฯนายตำรวจท่านหนึ่งหนึ่งอาจยกให้เป็น “บุคคลแห่งปี” ขอยกให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. คนที่ 10 เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา นับเป็นผู้นำองค์กรตำรวจที่สร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ไว้อย่างมากมาย เช่น การขุดรากถอนโคนแก๊งเจ้าพ่อสอบสวนกลาง โดยการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กับสมัครพรรคพวกอย่างขุดรากถอนโคน การตอบสนองนโยบายปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชันของรัฐบาลด้วยการย้ายล้างบางตำรวจที่เกี่ยวข้องแบบไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง
คาดว่ามีนายตำรวจระดับสัญญาบัตร ที่เข้าข่ายบกพร่องมีเอี่ยวกับบ่อน ซ่อง หรือสิ่งผิดกฎหมาย ต้องถูกสั่งย้ายแบบล้างบาง หรือถูกดำเนินคดีไม่ต่ำกว่า 1,000 นาย เรียกว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายสิบปี
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ จนถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เช่น คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี โดยสังคมเชื่อว่าเป็นการจัดฉากจับแพะ ต่อจากนั้นยังมีเรื่องเข้ามาอีกมากมาย เช่น กรณีตำรวจสาวหน้าห้องผบ.ตร. ถูกตำรวจ ตชด.สามี อดีตทีมรักษาความปลอดภัย ผบ.ตร.ถูกฆ่าตายด้วยความหึงหวง ต่อมามีผู้พบศพฝ่ายชายผูกคอตายในดงกระถินยักษ์ แถวลำตะคอง จ.นครราชสีมา
แต่ที่ฮือฮาเขย่าอารมณ์สังคมก็คือ ภาพนามบัตร พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ถูกปักตรึงด้วยเหล็กปลายแหลมกับต้นไม้ห่างจากศพเพียงเล็กน้อย จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงชู้สาว
ต่อจากนั้นถึงคิวหลุดของผู้ประกาศข่าวสาว ช่อง 7 สีที่อ่านชื่อ “สมยศ” เป็น “สมyes” เรียกเรตติ้งให้กับ ผบ.ตร. จนเป็นขวัญใจมหาชนในช่วงนั้น เพราะมีการแชร์คลิปกันอย่างกว้างขวาง แต่สามารถหยุดกระแสตลกแบบขำไม่ออกได้ในเวลาสั้นๆ เมื่อผู้ประกาศข่าวสาวเข้ากราบสมาลาโทษ และเจ้าตัวแสดงวุฒิภาวะไม่ถือโทษโกรธเคือง แถมยังให้กำลังใจ ความผิดพลาดจนเป็นโจ๊กระดับประเทศ จึงจบด้วยความแฮบปี้ของทุกฝ่าย
แต่หลังจากนั้นความวุ่นวายภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังไม่ยอมจบสิ้น เพราะจู่ๆ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็จุดไฟเปิดบ่อนเสรี ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับกลุ่มผู้สนับสนุนจากสมาชิกสภาปฏิรูป หรือ สปช. จำนวนหนึ่ง
ผบ.ตร.ไม่เพียงให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นอย่างที่ผ่านๆมา แต่แสดงบทบาทชัดเจน กลายเป็นตัวตั้งตัวตีมีการรวบรวมข้อมูลบ่อนเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศและใช้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่แถลงสนับสนุนให้เปิดบ่อนพนันท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสังคมไทยอย่างอื้ออึง จนที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาติดเบรก
เรื่องราวของ “บิ๊กอ๊อด” ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในด้านการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาจะเห็นได้ว่ามักเลือกใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ เห็นได้จากการตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการสั่งย้ายลูกน้องทันทีที่เกิดเรื่อง เป็นเจ้านายที่ใช้ระบบลงโทษลูกน้องตัวเองก่อนคืนความชอบธรรมภายหลัง ไม่เว้นลูกน้องประเภทมีฤทธิ์ มีปลอกคอ
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะผู้นำสูงสุดยัง (พยายาม) แสดงความเด็ดเดี่ยว-เสมอภาค อย่างเต็มที่แต่ผลที่ตามมาอาจไม่เป็นตามคาดหวัง เพราะส่วนใหญ่ล้วน “หน้าหงาย” กลับมาทั้งสิ้น เช่น กรณีทหารไปจับบ่อนในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล วันเดียว 3 แห่งรวด จนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งย้ายด่วนระดับ “ผู้การฯ และ 5 เสือโรงพัก” อย่างกราวรูด แต่พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ออกมาแก้ต่างให้ โดยชี้แจงว่าบ่อนพนันที่เข้าจับนั้นเป็นบ่อนร้าง
ยื้อกันไปยื้อกันมาพักใหญ่ สุดท้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พ่ายแพ้ ต้องกลับคำสั่งย้ายผู้การฯ และ 5 เสือโรงพักบ่อนกลับคืนพื้นที่ตามเดิม
นับจากวันนั้นสัมพันธ์ดีๆระหว่าง ผบ.ตร. และ ผบช.น. เริ่มไม่ราบรื่น
มีข่าววงในระบุว่า วันดีคืนดีจะมีชุดเฉพาะกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงไปกวนในพื้นที่นครบาล และมีการโต้ตอบจาก “นครบาล” ไปกวดจับเจ้าของกิจการที่มีความสัมพันธ์กับนายตำรวจใหญ่ระดับ สตช.บ้าง จับกันไปจับกันมา จนไม่เป็นอันทำมาหากินกัน
จนมาสู่ความบาดหมางครั้งสำคัญ เมื่อศาลปกครอง มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คืนความชอบธรรมให้กับพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรามหณกุล ในกรณีนับทวีคูณอายุราชการ ปรากฏว่า มีการเล่นกลหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ผู้กำกับดูแล สตช. ออกจากที่ประชุมก่อนกำหนด เพื่อประกอบภารกิจอื่น
“บิ๊กอ๊อด”ในฐานะประธาน เริ่มพิจารณาเรื่องของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตามวาระ โดยการโหวตในที่ประชุมก.ตร.ผลที่ประชุมเสียงข้างมากลงมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อุทรณ์คำสั่งศาลปกครอง หลังจากนั้นเพียงสองวัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีคำสั่งด่วนเรียกประชุมก.ตร. เพื่อพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง ผลก็คือ ก.ตร.ชุดเดียวกันกับที่เคยโหวต NO ให้กับ “บิ๊กปู” เที่ยวนี้กลับลำสุดตัว โหวต YES ด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ 6-0 อย่างไม่เคอะเขิน
นับเป็นชัยชนะของ “ศรีวราห์” แต่เป็นความพ่ายแพ้ของ “สมยศ” อย่างราบคาบ
ดอกล่าสุดก็คือการออกมาถล่มสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. จากเหตุการณ์ระเบิดศาลเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หยิบประเด็น ตม.ด่านสระแก้ว ปล่อยปละละเลยให้คนร้ายเดินเข้าออกผ่านพรมแดนหลายต่อหลายเที่ยว อีกทั้งตำรวจ ตม. ยังมีพฤติการณ์เหลวแหลก มีความเลวร้าย 6 ประการ ตามที่สังคมได้ทราบไปก่อนหน้าแล้ว เช่น เปลี่ยนวีซานักท่องเที่ยวมาเป็นนักธุรกิจ ยินยอมให้ผ่านด่านโดยไม่ต้องมี หรือใช้หนังสือเดินทาง หรือขายบัตร ตม.6 ให้แก่แรงงานต่างด้าว คาดว่าได้เงินใต้โต๊ะสูงถึงวันละ 1.8 ล้านบาท
แต่ก็น่าแปลกที่ความผิดทั้งหมดนี้ ผบ.ตร. ไม่กล้า แตะหัวหน้าหน่วยคือ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภัคดี ผบช.สตม.
เหตุที่ไม่กล้าแตะเพราะอะไร สังคมตำรวจต่างรู้กันดี หากไม่มีแบ็กแข็งๆ เช่น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายคนโปรดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ อดีต ผบช.สตม. ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และเป็นคู่เขยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี - หัวหน้า คสช. ป่านนี้ พล.ต.อ.สมยศ ท่านคงเลือกชนซึ่งๆหน้า ไปแล้ว
ไม่ว่าจะชนทางตรงหรือทางอ้อม วันนี้ ผบ.ตร.ได้ประกาศต่อสาธารณะไปแล้วว่า จะต้องคิดบัญชีกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ประเด็นนี้ถือว่าโอเค เพราะหน่วยงานนี้มันเน่าเหม็นมานานแล้ว แต่การตีวัวกระทบคราด ไม่กล้าหวดไปที่หัวหน้าหน่วย มันก็อาจมีแรงสะท้อนกลับมายังคนตี
ท่านก็ทราบของท่านมานาน แต่ทำไมเพิ่งออกมาร้องแร่แห่กระเชอ คงไม่ปกติธรรมดาอย่างแน่นอน
เอาเป็นว่าถ้าจะกล้าก็เดินให้สุดไปเลย กล้าๆ กลัวๆ แบบนี้สุดท้ายจะกลายเป็นตัวตลกเสียเปล่าๆ