xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ชี้ผิดกม.แข่งการค้าโบ้ยรัฐใช้กองทุนฯหนุนNGV

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน  -  "เทวินทร์" ซีอีโอ ปตท.คนใหม่เสนอรัฐใช้เงินกองทุนฯอุดหนุนราคาNGV สำหรับรถโดยสารรถสาธารณะทั้งรถเมล์และแท็กซี่ หรือปรับค่าโดยสารขึ้น เนื่องจากปตท.ไม่สามารถขายNGVราคาต่ำกว่าทุนได้ หากปตท.เข้าอยู่ภายใต้ พ.ร.บแข่งขันทางการค้า  พร้อมเร่งสร้างทำความเข้าใจภาคประชาชนเพื่อลดกระแสต้านปตท.
โดยจะปรับโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจน โปร่งใส เข้าใจง่ายขึ้น ด้าน "บิ๊กโย่ง"ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน"ปตท."ชมเปราะภาพลักษณ์ปตท.ไม่ได้เสียหายอะไร ควรมองย้อนดูประวัติศาสตร์ด้วย ย้ำยุคนี้ต้องปรับตัวถ้าไม่เช่นนั้นก็อยู่ไม่ได้ พร้อมที่จะเฝ้าติดตาม
 
                นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังรับตำแหน่งซีอีโอ ปตท.คนใหม่วานนี้(10 ก.ย.) ว่า ปตท.ได้เสนอพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้นำเงินกองทุนฯเข้ามาอุดหนุนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์
(NGV)สำหรับรถโดยสารสาธารณะทั้งแท็กซี่และรถเมล์ หรือจะปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากในอนาคตปตท.ไม่สามารถขายNGV ในราคาถูกกว่าต้นทุนได้อีก หากอยู่ภายใต้พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า เพราะผิดกฎหมายได้ หลังจากที่ภาคสังคมเรียกร้องให้ปตท.เข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายดังกล่าว โดยปตท.ก็มีความพร้อมอยู่แล้ว 
 
                ปัจจุบันรัฐมีการตรึงราคาขายNGV ในส่วนรถโดยสารสาธารณะอยู่ที่ 10 บาท/กก. ส่วนราคาขาย NGV สำหรับรถยนต์ทั่วไปที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 13.50 บาท/กก.นั้น เป็นระดับราคาที่ใกล้เคียงต้นทุนมากแล้ว โดยห่างจากต้นทุนที่แท้จริงเพียง 0.50-1 บาท/กก. ดังนั้นหากรัฐมีทยอยปรับขึ้นราคา NGV เท่ากับต้นทุนแล้วปล่อยลอยตัว 
น่าจะเป็นแนวทางที่ยั่งยืนที่สุด 
                ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่มีการจำหน่าย NGV ทำให้ปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนไปแล้วกว่าแสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันภาระขาดทุนดังกล่าวเริ่มลดลงหลังรัฐปรับขึ้นราคาขายNGV มาอย่างต่อเนื่อง  ส่วนการขยายสถานีNGV เพิ่มขึ้นนั้น ได้เสนอให้มีการสร้างสถานี NGV ตามแนวเส้นท่อสำหรับรถขนส่ง หรือรถเมล์เพื่อประหยัดค่าขนส่ง
               นายเทวินทร์ กล่าวถึงกรณีที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต้องการให้มีใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพิ่มขึ้นเพื่อยืดอายุปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยว่า ก็คงต้องมีการจัดหาแอลเอ็นจีจากตลาดจรเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันปตท.มีสัญญานำเข้าแอลเอ็นจีระยะยาวจากกาตาร์จำนวน 2 ล้านตัน/ปี และล่าสุด
กพช.ได้อนุมัติให้ทำสัญญาซื้อแอลเอ็นจีจากเชลล์และบีพี อีกรายละ 1 ล้านตัน/ปี ซึ่งการจัดหาก็ต้องดูตามปริมาณความต้องการใช้
                 ปัจจุบันปตท.มีสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี เทอร์มินอล)อยู่แล้ว  5 ล้านตัน/ปีและอยู่ระหว่างการขยายเฟส 2 เพิ่มอีก 5 ล้านตันรวมเป็น 10 ล้านตัน ส่วนการขยายแอลเอ็นจี เทอร์มินอล เฟส 3  เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซฯที่เพิ่มขึ้นหลังปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลงในระยะยาวนั้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากกระทรวงพลังงาน คงต้องผ่านความเห็นชอบจากภาครัฐก่อน
                นายเทวินทร์ กล่าวถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมาอยู่ระดับ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลว่า ในการจัดทำแผนงานของปตท.จะไม่มีการพยากรณ์ราคาน้ำมันจะเป็นเท่าไร แต่จะเตรียมว่าถ้าราคาน้ำมันเป็นเท่านี้จะดำเนินการอย่างไร พร้อมทั้งได้มอบหมายให้กลุ่มธุรกิจต่างๆของปตท.ไปจัดทำแผนงาน ทบทวนการลงทุน การปรับลดต้นทุน
และค่าใช้จ่ายต่างลงเพื่อรีดไขมัน ทำให้บริษัทมีศักยภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมในช่วงราคาน้ำมันผันผวนนี้ด้วย 
   
                 ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุน 5ปี (2559-2563)อยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ควบคู่กับการทำแผนระยะยาว 20 ปีเพื่อกำหนดS Curveใหม่เพื่อให้ปตท.เติบโตอย่างยั่งยืน
                นายเทวินทร์ กล่าวต่อไปว่า รัฐมนตรีพลังงานได้ให้ข้อคิดที่ดีว่าปตท.เป็นองค์กรที่ต้องเรียนรู้และรับฟัง ซึ่งบทบาทหน้าที่ของปตท.ในฐานะรัฐวิสาหกิจและบริษัทมหาชนก็ทำได้ดีมาโดยตลอด แต่ตรงนี้อาจมีการสื่อสารออกไปน้อย ทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน ดังนั้นนับจากนี้
จะเร่งสร้างความเข้าใจกับภาคสังคมบทบาทหน้าที่ของปตท. รวมทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจปตท.ให้มีความชัดเจน โปร่งใส เข้าใจง่าย สิ่งใดที่ปตท.ผูกขาดก็จะดำเนินการลดการผูกขาดลง เช่นการถือหุ้นในโรงกลั่นน้ำมัน รวมทั้งมีการแยกบัญชีตามผลประกอบการของธุรกิจต่างๆออกมา เพื่อให้ประชาชนได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าปตท.กำไรมาจากธุรกิจไหน 
มากน้อยเพียงใด  เช่น ธุรกิจก๊าซ ท่อก๊าซฯ และน้ำมัน เป็นต้น จากเดิมรายงานผลประกอบการเป็นภาพรวมทั้งหมด
                 ส่วนการขายธุรกิจปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซียนั้น ล่าสุดได้ดำเนินการขายไปแล้ว 3 โครงการ คงเหลืออีก 2 โครงการตามนโยบายของคณะกรรมการบริษัทฯที่จะไม่มีการลงทุนธุรกิจปาล์มน้ำมัน
   "บิ๊กโย่ง"ชมเปราะภาพลักษณ์"ปตท."ดีอยู่แล้ว! 
                พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและพบปะผู้บริหารบมจ.ปตท. เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ว่า  บมจ.ปตท.ถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีทั้งกระทรวงการคลังและกองทุนวายุภักดิ์ถือหุ้นหากปตท.มีกำไรรัฐเองก็มีรายได้ที่จะนำไปพัฒนาประเทศจากส่วนนี้
และยุคนี้องค์กรจะอยู่ได้ก็จะต้องมีการปรับตัวซึ่งปตท.ก็มีการปรับตัวเองมาพอสมควรและสามารถแข่งขันในเวทีระดับโลกได้คงไม่ได้ให้นโยบายการดำเนินงานอะไรมากแต่ก็จะเฝ้าติดตาม
                "ผมมองว่าภาพลักษณ์ปตท.ก็ไม่ได้เสียหายนะ รางวัลระดับโลกก็ได้มาตลอดแต่อาจจะเกิดความไม่เข้าใจเพราะมีมุมมองต่างกัน ถ้าเขาสามารถอธิบายเหตุผลได้ทุกอย่างก็จบ
ซึ่งอดีตปตท.เองก็มีส่วนสำคัญในการกู้วิกฤตการณ์น้ำมันขาดแคลนแต่พอเขาเติบโตมาจะต่อว่าเขาก็ต้องดูประวัติย้อนกลับไปด้วยซึ่งแน่นอนว่าเขาจะอยู่ไม่ได้เองถ้าเขาไม่ปรับตัว"รมว.พลังงานกล่าว
                ทั้งนี้ปตท.มีส่วนสำคัญในการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันแม้ว่าจะที่สุดจะสะท้อนกลไกตลาดโลกแต่ก็ทำให้การปรับขึ้นนั้นไม่รวดเร็วจนเกินไปเนื่องจากปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันที่สูงสุด โดยขณะนี้ราคาพลังงานภาพรวมก็ได้สะท้อนกลไกตลาดแล้วเหลือเพียงราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV
ที่ยังต่ำกว่าต้นทุนที่ขณะนี้ต้นทุน 15.52 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)แต่ราคาNGVล่าสุดที่ปรับขึ้นไป 0.50 บ.ต่อกก.ทำให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ 13.50 บาทต่อกก.ยกเว้นรถโดยสาธารณะที่ยังอยู่ที่ 10 บ.ต่อกก. 
                "เราเองก็มีนโยบายที่จะดูให้ราคา NGV สะท้อนกลไกตลาดโดยการปรับราคานั้นจะมีการพิจารณาเป็นรายเดือนส่วนจะขึ้นอีกหรือไม่ยังตอบไม่ได้เพราะต้องอยู่ที่ราคาตลาดโลกในเดือนต.ค.นี้ด้วยและคงต้องดูภาพรวมหลายๆ ด้าน
โดยรกอบใหญ่ที่มอบให้คือประชาชนอยากให้เกิดการแข่งขันก็ต้องไปดูจุดนี้ซึ่งปตท.ก็ทำอยู่แล้ว"รมว.พลังงานกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น