xs
xsm
sm
md
lg

ปัดทาบ"อานันท์"นั่งประธาน กรธ. นายกฯยิงมุกขอเป็นเอง "วิษณุ"ระบุ22ก.ย.ชัดเจน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์" ปัดทาบ "อานันท์" นั่งประธานร่างรัฐธรรมนูญ มึนชื่อโผล่สื่อเพียบ สงสัยเป็นการเขี่ยลูก บอกยังไม่คิด รับต้องหารือ "บวรศักดิ์" พร้อมเล่นมุก หาไม่ได้จะนั่งเป็นเอง "ประวิตร"ระบุสเป็กต้องเป็นนักกฎหมาย มีประสบการณ์ "วิษณุ" ปัดไม่ได้เสนอชื่อ "มีชัย-จรูญ" ย้ำ 22 ก.ย.นี้ ชัดเจนแน่ เผยสูตร 6-4-6-4 แค่อยู่เพิ่มอีก 6 เดือน ด้าน "พรเพชร"ปฏิเสธร่วมวงเป็น 21 อรหันต์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดใหม่ว่า ทำไมต้องอยากรู้ทุกเรื่องทุกเวลา ที่บอกว่าประชาชนสนใจนั้น สื่อมวลชนนั่นแหละที่สนใจ เพราะเขียนข่าวออกมาให้คนสนใจ ทราบหรือไม่ว่าก่อนที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะลงมติในร่างรัฐธรรมนูญ มีประชาชนกี่คนที่ไม่รู้ว่ามี สปช.อยู่ ซึ่งตนอ่านจากสื่อทุกเล่มจึงรู้ว่าประชาชน 40 เปอร์เซ็นต์ไม่รู้ว่ามี สปช.อยู่ นั่นแสดงว่าคนสนใจเรื่องนี้เพียงบางกลุ่มบางฝ่าย และถ้าเป็นแบบนี้ก็จะขัดแย้งไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะตั้งใครมาก็เป็นแบบเดิม

อย่างไรก็ตาม การตั้งสภาขับเคลื่อนฯ ตนจะพิจารณาตามสัดส่วน โดย 1.มีทั้งคนที่เคยเป็น สปช. ทั้งคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตามความเหมาะสม 2.เจ้าหน้าที่ที่สามารถจัดทำแผนให้มีความชัดเจนขึ้น มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยนำแนวทางที่ศึกษาของกรรมการที่แล้วมาดู จากนั้นจึงจัดทำแผนงาน โครงการ โรดแมปให้เรียบร้อย เพราะแนวทางปฏิรูปจะต้องมีคนเหล่านี้เข้ามา 3.ข้าราชการในกระทรวงต่างๆ ที่ต้องปฏิรูป 4.ด้านความมั่นคงจะต้องเข้ามา เพื่อดูว่าจะทำส่วนใดได้บ้าง

***ปัดทาบ "อานันท์"นั่งประธาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าได้มีการทาบทามนายอานนท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ เข้ามาเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อานันท์ไหนละ เมื่อตอบว่า อานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกลับทันทีว่า เลอะเทอะ ยังไม่ได้ทาบเลย แล้วข่าวนี้มาจากไหน คนโน้น คนนี้ อาจารย์นี้ อาจารย์โน้น ผมยังไม่ได้พูดกับใครสักคน ทาบไหน ใครไปทาบ ใครทาบ คนทาบน่าจะเป็นผมมากกว่ามั้ง

เมื่อถามว่าตอนนี้การทาบทามคนเข้ามามีความคืบหน้ากี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในสัดส่วนตนได้ทำไปแล้ว และกำลังดูอยู่ว่าควรจะเป็นใครบ้างในงานแต่ละด้าน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ตนไปคิด แต่เลือกจากสัดส่วน เช่น ข้าราชการก็ต้องคัดมาให้ตนเลือก

"มีทั้งนักกฎหมาย ข้าราชการ ซึ่งต้องเข้ามาด้วย เพราะเขารู้ว่าผมเปลี่ยนอะไรไปแล้วบ้าง อย่างที่แล้วมาเอาคนมาจากข้างนอกหมดเลย สปช. เอาคนจากข้างนอกเกือบทั้งหมด เขาก็ไม่รู้ว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้าง ดังนั้น มันค่อนข้างกว้างเกินไปหรือเปล่า แต่นี่ ก็จะทำให้มันดีขึ้น คือ ต้องเอาคนที่รู้เรื่องมาทำ เหมือนร่างรัฐธรรมนูญถ้าเอาคนที่ไม่รู้กฎหมายมามากๆ มันก็ตีกัน เพราะทุกคนก็เอาความคิดตัวเองเป็นอิสระ เพราะผมเองก็ไม่ได้ไปห้ามความคิดเขาไง แต่มันต้องทำให้ได้"นายกฯ กล่าว

***ย้ำกรรมการร่างฯต้องรู้กฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หลักการง่ายๆ คือ 1.มีความรู้ด้านกฏหมาย หรือจะเอาคนที่รู้การค้ามาทำรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ต้องเอาคนที่รู้กฎหมายเป็นหลักเข้ามา ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ก็อย่าเพิ่งไปหา เพราะตนยังไม่ได้ทาบทามใครสักคน 2.ต้องรู้สถานการณ์ในวันนี้ ทั้งอดีตและวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ตัวคนที่จะมาต้องเข้าใจ เพราะถ้าไม่เข้าใจก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม เช่น ต้องการอย่างนี้อย่างนั้น ต้องการประชามติ ต้องการประชาธิปไตยสมบูรณ์ คิดแบบโลกสวย 3.ต้องรู้เจตนาของตน รัฐบาล และ คสช.ว่าเราจะเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไปอย่างไร ถ้าทำอย่างนั้นมันจะออกมาได้

"ในระหว่างที่ทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งมันก็ไม่ได้ใหม่มาก ก็เอาของที่ผ่านมาบ้าง ที่ไม่ผ่านตรงนั้นตรงนี้บ้าง เพราะในอดีตมีตั้งหลายอันก็เอามาดูว่าอะไรที่เคยจะเอาเข้ามาหรือควรจะตัดออก อะไรที่ควรจะเพิ่มเติมไป แล้วเป็นเรื่องเฉพาะห้วงเวลาเช่น 5 ปีไหม หรือ 4 ปี อย่างที่เขาเถียงกันเรื่อง ส.ว. ซึ่งได้หรือไม่ได้ผมไม่รู้ เพียงแต่ว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้ก่อน แล้วก็จะลดลงทีละปี ท้ายที่สุดมันก็มีเลือกตั้งทั้งหมด”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การสรรหาบุคคลที่จะเป็นคณะกรรมการร่างฯ ถือว่าลำบากหรือไม่กับสถานการณ์นี้ที่อาจไม่มีใครอยากเป็น นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากมา ตนจะไปทำอะไรเขา ไม่มาก็ไม่มา ก็หาคนอื่น ไม่ลำบาก คนไทยมีคนเก่งตั้งเยอะแยะ เพียงแต่เขาจะรับหรือเปล่า ท้ายที่สุดไม่มี ก็จะเอาสื่อนั่นแหล่ะ เพราะสื่อจะอยู่หัวข้อที่ 4.คือไม่เข้าใจอะไรเลย เพราะตั้งคำถามทุกวัน ทั้งที่รู้สถานการณ์ เพียงต้องมีหัวข้อข่าวให้ดุเดือด เผ็ดมัน ทำให้ตนพาลตามไปด้วย

***วอนสื่อต้องช่วยกันสร้างสรรค์

เมื่อถามว่าวิธีการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนจะเริ่มอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องสร้างการรับรู้ตามที่ตนได้พูดไป หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ถ้ายังไม่เข้าใจก็มาเริ่มข้อที่หนึ่งใหม่ ต้องพูดซ้ำ สื่อต้องสอนให้คนไทยฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่ฟังแต่หัวแต่หาง อ่านหนังสือพิมพ์ก็อ่านเฉพาะพาดหัว

"ฉะนั้นทุกคนต้องมีส่วนร่วม สื่อก็มีหุ้นส่วนใน 70 ล้านคนนะโว้ย ถ้ามันจะดีหรือไม่ดี ต้องรับผิดชอบร่วมกันกับฉัน เธอก็โทษฉันยัน ให้ฉันมาแก้ตั้งกี่เรื่องอยู่ตรงนี้"นายกฯ กล่าว

ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวบอกกับพล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็นเพราะนายกฯ อยู่ในที่สว่างย่อมถูกจับจ้องเป็นธรรมดา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เชอะ แล้วสื่ออยู่ที่มืดหรืออย่างไร หรือนายกฯ ต้องเป็นนายกฯ โมโหไม่ได้ ถามอะไรก็ต้องตอบ ถ้าไม่ตอบก็อย่าตอบ ไม่เห็นเป็นอะไร แต่พอไม่ตอบก็บอกว่าไม่ใช่ข่าว ไม่ใช่ข้อมูลแต่พอพูดไป ก็บอกว่า โว ฟุ้ง อารมณ์เสีย จะเอายังไงดี แต่ก็รู้ว่าทุกคนรักตน ซึ่งจะคิดเอาเองหรือเปล่าก็ไม่รู้

***เล่นมุกหาใครไม่ได้ก็เป็นเอง

เมื่อถามว่าจะใช้บริการความสามารถนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต่ออย่างไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องปรึกษากัน และคุยกันก่อน เขาเป็นศัตรูตนหรือ

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มที่นายกฯ จะให้มาช่วยเป็นกรรมการร่างฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่ได้คิด เมื่อวานนี้มีมีกระแสข่าวการตั้งใครเป็นประธานนู่นนี่ ตนเห็นชื่อแล้ว ยังไม่ได้คิดถึงเลย หรือเป็นการเขี่ยลูก

เมื่อถามว่าเวลานี้นึกถึงใครที่จะให้มาเป็นประธานกรรมการร่างฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวผมเป็นเอง”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจริงหรือไม่ที่จะเป็นเอง เพราะจะได้พาดหัวข่าวเลย นายกฯ ตอบทันที ว่า “ยังไม่รู้” พร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและกล่าวว่า เอาเชียวๆ ไอ้บ้า เนี๊ยะมันก็โยนกลับมาให้ฉันอีก เดี๋ยวเตะให้ ฉันก็พูดเล่นของฉันไปเรื่อย หาไม่ได้ก็เป็นเองก็ได้วะ ไหนๆ ก็โดนอยู่แล้วไง เอาล่ะจะทำให้มันดีขึ้นก็แล้วกัน

เมื่อถามว่าวันนี้ความขัดแย้งที่ยังมีอยู่นั้นอยู่ตรงไหน นายกฯ กล่าวว่า อยู่ที่หัวใจของคน หัวใจสื่อ หัวใจของคนไทยทุกคน ถ้าทุกคนยังอยากมีความขัดแย้งอยู่มันก็จะขัดแย้งไปเรื่อยๆอยู่ร่ำไปๆ เข้าใจไหม ฉะนั้นสื่อต้องทำหัวใจให้ใสสะอาด รู้จักหัวใจใสสะอาดไหมคือผิดก็ว่าไป ไม่ผิดก็ว่าไปถ้าเราเอาแต่ความเกลียดชังไปเรื่อยๆ มันไม่ได้ ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ไม่มีวันเลิก ต่อให้ตนใช้อำนาจร้อยอำนาจก็ทำไม่ได้เพราะหัวใจพวกเราไม่ต้องการความสงบ สันติ

***ไม่ตอบตั้ง"อานันท์-มีชัย"นั่งประธาน กรธ.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระบวนการคัดเลือกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ จำนวน 21 คน และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะคัดเลือก แล้วก็ส่งความเห็นชอบไปยัง คสช. ในขณะที่สภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ คงต้องคุยกันในที่ประชุมร่วม คสช. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนว่าจะคัดเลือกใครมาเป็น ซึ่งตนคิดว่าน่าจะมีโควตาอยู่แล้ว แต่ในช่วงนี้ยังไม่ได้มีการประชุม จึงตอบไม่ได้ แต่เชื่อว่าทันภายใน 30 วันแน่

เมื่อถามว่า คนที่จะมาเป็นเป็นประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มีการเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด แต่หลักๆ ต้องเป็นนักกฎหมาย และต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ทางด้านการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นใคร ตนไม่รู้ ส่วนจะมีนักวิชาการจากจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ หรือหลายๆ สำนัก มาเป็นคณะกรรมการร่างฯ หรือไม่ ยังไม่รู้ คงต้องรอในที่ประชุมก่อนว่าจะคิดเห็นอันอย่างไร

เมื่อถามถึงมีการเสนอชื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ จะไปรู้ได้อย่างไร อย่าไปพูดถึงชื่อตัวบุคคล แต่อยากให้ยึดถึงหลักเกณฑ์ที่ดีก่อน แล้วถึงจะคัดเลือกบุคคลตามหลักเกณฑ์ ถึงจะถูกต้องตามกระบวนการ

***แย้มใครก็อยากเป็นสภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า สำหรับสภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ จะตั้งคณะกรรมการคัดเลือกขึ้นมา ถ้าคนใดมีความคิดความอ่านด้านการปฏิรูป ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคน ไม่ใช่บอกว่า จะเอา สปช. ที่โหวตไม่รับร่าง มาเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ มันไม่ใช่ แต่จะเอาคนที่มีความรู้ ส่วนจะคัดเลือกคนที่เห็นต่าง จาก คสช. มาเป็นสภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ หรือไม่ ตนอยากถามว่า เห็นต่างกับใคร อย่าพูดอย่างนี้ คสช.ไม่เห็นต่างจากใคร เราเป็นกลาง แล้วการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ไม่ใช่เป็นของ คสช. แต่เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เริ่มมีการทาบทามบุคคลเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปฯ หรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องทาบทามหรอก เราตั้งขึ้นมา ใครก็อยากเป็น เพราะอยากทำงานให้บ้านเมืองทั้งนั้น

** "วิษณุ"ยันไม่นั่งประธานกก.ยกร่างฯ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่ามีการทาบทามให้ตนเองไปเป็นประธานคณะกรรมการ ร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ไม่มีใครทาบทาม ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็เป็นไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย มาตรา 8 ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะดำรงตำแหน่งใน กรรมการยกร่างฯ ไม่ได้ ยกเว้นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และยืนยันว่า ไม่มีใครทาบทามตนทั้งนั้น ถึงเป็นได้ ก็ไม่มีใครจะให้เป็น เพราะคุณสมบัติมันเป็นไม่ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้

เมื่อถามว่า จะลาออกจากรองนายกฯ ไปเป็นประธานกรรมการยกร่างฯ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ตอบแล้วกัน เรื่องนี้

***ปัดไม่ได้เสนอชื่อ"มีชัย-จรูญ"

นายวิษณุกล่าวถึงรายงานข่าวที่ระบุว่า นายวิษณุเป็นผู้เสนอชื่อ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาเป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนไม่เคยเสนอ และไม่เคยอยู่ในความคิดของตนแต่อย่างใด และไม่คิดด้วยว่าจะเป็นคุณมีชัย เพราะท่านเคยพูดเอาไว้แล้วว่าท่านไม่เอา แต่ก็รู้สึกสนุกที่ได้นั่งเดาชื่อไปพร้อมๆ กับพวกสื่อ

เมื่อถามว่า แม้แต่ชื่อ นายจรูญ อินทจาร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เคยเสนอใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ไม่ได้อยู่ในความคิดแต่อย่างใด และไม่เคยเสนอเช่นกัน ดังนั้น ข่าวที่เอามาถาม ไม่เป็นความจริง และตำแหน่งดังกล่าว นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. นั้นจะเป็นผู้คิดเอง

"ผมยืนยันว่าผมไม่เคยเสนอใคร และไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะเสนอชื่อใคร ยืนยันว่าผู้ที่จะคิดคือหัวหน้าคสช. เป็นผู้มีสิทธิขาด และเชื่อว่าท่านคงหารือกับคณะ คสช. เพราะตามรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของ คสช. และลงนามโดยหัวหน้า คสช."

***22 ก.ย.นี้มีความชัดเจนแน่

นายวิษณุกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดแล้วว่าควรจะมีความชัดเจนในวันที่ 22 ก.ย.นี้ เพราะในวันที่ 23 ก.ย. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปต่างประเทศ อีกทั้งในวันที่ 22 ก.ย. จะมีการประชุมร่วมครม.-คสช. และเมื่อได้รายชื่อแล้วก็สามารถประกาศให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีโดยไม่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่อย่างใด หรือแม้แต่สมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ก็ไม่ต้องโปรดเกล้าฯ

ส่วนที่พูดถึง 6-4-6-4 มีคนไปบอกว่า เป็นการยืดเวลาออกไป 20 เดือนนั้น ความจริงไม่ใช่ ความจริงยืดแค่ 6 เดือนเท่านั้น เพราะถ้าสมมติว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่าน สปช. เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็จะใช้สูตร 4-6-4 อยู่ดี เพราะฉะนั้นที่งอกเพิ่มมาคือ 6 ตัวแรกเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ยาวออกไป 6 เดือน ไม่ใช่ว่ายืดอายุคสช.ไป 20 เดือน ส่วนต่างคือ 6 เดือนเท่านั้น

** "พรเพชร"ยันไม่ร่วมวง 21 อรหันต์

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดใหม่ 21 คน ว่า จะต้องมีทั้งนักกฎหมาย และไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ไม่ควรมีนักการเมืองเข้าร่วม โดยหลักการทำกฎหมาย ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าของเดิม ต้องมีการศึกษาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะข้อดี และข้อเสีย ของกฎหมายมาประกอบการพิจารณา แต่ไม่ได้เป็นการลอกของเก่าทั้งหมด หรือจะจินตนาการเองไม่ได้

ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าจะต้องมี สนช. เข้าไปเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 1-2 คน เพื่อจะได้สอดคล้องกับการทำงานของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความคิดเห็นเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง คสช. จะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือก ตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ส่วนที่บอกว่าตนมีรายชื่อเป็น 1 ใน 21 กรรมการยกร่างชุดใหม่นั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะตนเป็นประธาน สนช. อยู่แล้วจะไปทำอะไรได้อีก

เมื่อถามว่า นักกฎหมายจะกล้าเข้าไปเป็นคณะกรรมการร่างฯ หรือไม่ เพราะเห็นบทเรียนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญช่วงที่ผ่านมา นายพรเพชร กล่าวว่า คิดว่านักกฎหมายคงเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องปกติ ที่มีมุมมองไม่ตรงกันในเรื่องของกฎหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับ คสช. ที่จะตัดสินว่า จะเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่

** รธน.ใหม่ ปฏิรูปต้องชัดเจนมากขึ้น

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต แกนนำ กปปส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย มุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ทางมูลนิธิฯ อยากจะเห็นเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่ระบุเรื่องของการปฏิรูปเอาไว้ทั้งในแง่เนื้อหา และในแง่ของกระบวนการในการปฏิรูป รวมไปถึงองค์กรที่จะทำหน้าที่ในการปฏิรูป ซึ่งความจริงแล้วในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ถูกคว่ำไป ทางมูลนิธิฯ ก็คิดว่ามันน่าจะดีพอที่จะให้ไปทำประชามติได้ แต่เมื่อมีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และต้องแต่งตั้งคณะกรรมการร่างฯ จำนวน 21 คนขึ้นมา จุดสนใจของทางมูลนิธิฯ ก็ยังคงอยู่ที่การปฏิรูป ถ้าหากในกระบวนการยกร่างฯ ครั้งใหม่นั้น สามารถทำให้การปฏิรูปชัดเจนมากขึ้น ทั้งในแง่ของเนื้อหา และในด้านกระบวนการการปฏิรูป มีการระบุเรื่องของระยะเวลาการปฏิรูปในกรอบที่ชัดเจน คิดว่าสิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ

"อันที่จริงร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก ของกมธ.ยกร่างฯ ซึ่งเป็นฉบับก่อนที่จะถูกเสนอแก้ไขโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีเนื้อหาด้านการปฏิรูปที่ดีมากในหลายเรื่อง แต่ก็น่าเสียดายที่พอมีการเสนอความเห็นแก้ไขโดย สปช. เนื้อหาเหล่านั้นโดนตัดออกไปเยอะ เพราะฉะนั้น เฉพาะในเนื้อหาการปฏิรูป ถ้ายกมาใส่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะมีการร่างขึ้นใหม่นี้ น่าจะเป็นประโยชน์ แต่ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าไม่ได้หมายความว่าให้เอาเนื้อหาในร่างฯ แรกมาเป็นพื้นฐานการยกร่างครั้งใหม่ แค่เฉพาะในส่วนของการปฏิรูปเท่านั้นที่ต้องเขียนให้ชัด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญก่อนที่จะไปสู่ประชามติ ถ้าหากตรงนี้มีความชัดเจน คิดว่าประชาชนก็รับได้"นายสาทิตย์กล่าว

**"พิชัย"ถูกเรียกปรับทัศนคติรอบที่ 7

วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ได้เดินทางเข้ารับตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ที่บ้านพักย่านถนนเพชรบุรี ไปยังกองทัพภาคที่ 1 เพื่อพูดคุยปรับทัศนคติ หลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่ สปช. ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อมโยงกับผลเสียหายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีกกว่า 20 เดือน โดยนายพิชัย ได้โดยสารรถยนต์ส่วนตัวตามรถของเจ้าหน้าที่ทหารไป

นายพิชัยกล่าวว่า การเชิญตัวไปปรับทัศนคติครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 7 และคาดว่าเป็นสาเหตุมาจากการให้ข้อคิดเห็นในเรื่องเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ตนพูดไปนั้น เป็นเรื่องจริงมาโดยตลอด วันนี้ก็จะนำข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับมุมมองการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตนไปพูดให้เขาฟัง

แหล่งข่าวนายทหารจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ได้ควบคุมตัว นายพิชัย เพื่อปรับทัศนคติ เป็นเวลา 7 วัน โดยคาดว่าจะนำตัวนายพิชัย ไปไว้ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ทั้งนี้ ยืนยันว่า เมื่อครบกำหนดแล้ว จะปล่อยตัวนายพิชัย กลับบ้านต่อไป

**"สิระ"เตรียมจัดสรรเงินบริจาค1.7ล้าน

นายสิระ เจนจาคะ อดีตสมาชิก สปช. กล่าวถึงกรณีที่ได้ประกาศให้มูลนิธิต่างๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคการเมือง ติดต่อเข้ามาเพื่อตนจะได้บริจาคเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท ที่มาจากเงินเดือนและเบี้ยประชุมต่างๆ ตลอดการทำงาน 11 เดือนของสปช.ว่า ขณะนี้มีผู้ติดต่อเข้ามามากมาย ซึ่งตนจะสรุปยอดทั้งหมด เพื่อแถลงต่อสื่อมวลชนในวันอังคารที่ 15 ก.ย.นี้ โดยจะได้ยอดครบตามจำนวนเงินดังกล่าวอย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่ นายนิรันดร์ พันทรกิจ อดีต สปช. ได้ส่งข้อความมาถึงตนในกลุ่มไลน์ สปช. ว่าให้นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต สปช. และอดีตเลขาวิป สปช. ติดต่อมารับเงินจากตน เพื่อนำไปบริจาคนั้น ตนอยากจะฝากไปถึงนายนิรันดร์ว่า ตนต้องการบริจาคเงินจำนวนนี้แก่มูลนิธิคนตาบอด คนพิการ และคนปัญญาอ่อน หากนายนิรันดร์คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติดังกล่าวก็ให้ติดต่อมาหาตนได้โดยตรง และตนจะบริจาคเงินให้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น