xs
xsm
sm
md
lg

TOPขยายโรงกลั่นปี59สั่งลดสต็อกเท่ากม.บังคับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยออยล์คาดสรุปแผนการขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มเป็น 4 แสนบาร์เรล/วันได้ในปลายปีหน้า หวังลดต้นทุนการผลิตและแข่งขันกับโรงกลั่นสิงคโปร์ โดยจะรอความชัดเจนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นลองเรสซิดิวที่อยู่ระหว่งการออกแบบฯ ส่วนแผนรับมือราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนหนักไทยออยล์ลดการเก็บสต็อกให้น้อยสุดเท่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดขาดทุนสต็อกน้ำมัน

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP) เปิดเผยความคืบหน้าขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มเป็น 4 แสนบาร์เรล/วันว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบเบื้องต้นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นลองเรสซิดิว (long residue) หลังจากนั้นจะทำการออกแบบวิศวกรรมภายในปลายปีนี้คาดว่าราวเดือนพ.ย. 2559 จะได้ข้อสรุปความชัดเจนว่าเรื่องเม็ดเงินลงทุน และผลตอบแทนการลงทุนเป็นเท่าไรเพื่อให้เหมาะสมกับแผนการขยายกำลังการกลั่นน้ำมัน ก่อนที่จะหาผู้รับเหมาก่อสร้างต่อไป สำหรับเทคโนโลยีนั้น ไทยออยล์ได้ดำเนินการคัดเลือกเป็นส่วนใหญ่แล้วเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น คาดว่าจะสรุปการเลือกเทคโนโลยีได้ในเดือนมิ.ย. 2558

ทั้งนี้ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นของลองเรสซิดิวเพื่อเปลี่ยนน้ำมันหนักเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ซึ่งจะดำเนินการไปพร้อมกับการขยายโรงกลั่นน้ำมัน ช่วยลดปริมาณน้ำมันเตาและบิทูเมนที่เป็นผลพลอยได้จากโรงกลั่นน้ำมันที่มีราคาต่ำกว่าน้ำมันดิบ ซึ่งรูปแบบการขยายโรงกลั่นนั้น ไทยออยล์มีแผนสร้างหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) ใหม่ขนาด 2 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อทดแทนCDU 1และ 2 ที่มีกำลังการกลั่นเพียงหน่วยละ 5 หมื่นบาร์เรล/วัน ขณะที่หน่วยCDU 3 มีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 1.75 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันจากเดิม 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วันซึ่งเป็นระดับการกลั่นที่สามารถแข่งขันกับโรงกลั่นน้ำมันสิงคโปร์ซึ่งได้ เนื่องจากปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันสิงคโปร์แต่ละโรงมีกำลังกลั่นเกิน 4แสนบาร์เรล/วัน รวมทั้งยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้ต้นทุนการกลั่นของไทยออยล์อยู่ในระดับ 1ใน25 อันดับแรกของของโลก

ปัจจุบัน บริษัทสามารถกลั่นน้ำมันเตาได้ราว 9% ,น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน 57% ,เบนซิน 17% ,ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) 4% วัตถุดิบที่ใช้ผลิตอะโรเมติกส์ 13%

นายอธิคม กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลว่า บริษัทฯได้ดำเนินการบริหารสต็อกน้ำมันโดยเก็บสำรองไว้เท่าที่กฎหมายกำหนดหรืออยู่ที่ 7 ล้านบาร์เรล เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวนอันจะทำให้เกิดการขาดทุนสต็อกน้ำมัน ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไทยออยล์จะขาดทุนสต็อกน้ำมันราว 200-250 ล้านบาท

ขณะนี้ค่าการกลั่น (GRM) ปรับตัวดีขึ้นจากต้นเดือนส.ค. 58 มาอยู่ที่ระดับ 5.5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ค่าการกลั่นในไตรมาส 3 นี้ ก็ยังอ่อนตัวลงเมี่อเทียบกับไตรมาส 2/2558
กำลังโหลดความคิดเห็น