xs
xsm
sm
md
lg

ล้างท่อ8พันล้านลงงบกลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (20ส.ค.) มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ..... ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ มีสาระสำคัญ คือ การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ที่ใช้จ่ายไม่หมดในบางรายการ จำนวนเงินเกิน 7,917,077,700 บาท ไปตั้งจ่ายเป็นงบกลาง เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้นายกฯ หรือ รมว.คลัง เป็นผู้รักษาการ ตามกฎหมายดังกล่าว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลจำเป็นต้องออกกฎหมายเพื่อดึงงบจากหน่วยงานต่างๆ ไปยังงบกลาง เนื่องจากครม.ไม่สามารถออกมติ หรือมาตรการใดในเวลานี้ได้ อีกทั้ง พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2552 บัญญัติห้ามโอนงบจากหน่วยงานต่างๆ ไปงบอื่นได้ เว้นแต่จะอาศัยความใน พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย และจะมีการจัดสรรไปยังหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความจำเป็น และเชื่อว่าจะสามารถทำได้ และบางกรณีอาจโอนย้อนหลับไปให้ส่วนราชการเดิมในกรณีที่มีการอภิบายโครงการมาเป็นรูปธรรม โดยไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายโอนงบประมาณอีก เพราะเป็นการจ่ายจากงบกลาง ตอนนี้จวนจะสิ้นปีงบ 58 แล้ว พบว่ารายจ่ายลงทุนมีการเบิกจ่ายไปเพียง 56 เปอร์เซ็นต์ ภาพรวมรายจ่ายทั้งหมดที่เบิกไปเพียง 82 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่มีเวลาเหลือประมาณ 1 เดือนเศษ แสดงว่า การนำงบไปใช้ยังไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ แม้จะพยายามกันอย่างถึงที่สุด ในหน่วยงานต่างๆ ก็ตาม ปัญหาน่าจะมาจากการบริหารจัดการ รัฐบาลแจ้งมาตลอดว่าต้องการให้มีการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ แม้จะมีการเร่งรัด แต่ก็มีการเหตุไม่สามารถเบิกซื้อ จัดจ้างได้ตามกำหนด จึงจำเป็นต้องสร้างวินัยการคลัง และปฏิรูประบบการคลัง จึงต้องส่งสัญญาณว่า งบเหล่านี้ รัฐสภาได้จัดไว้แล้ว เป็นหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ต้องใช้ให้ได้ตามกำหนด หรือเป้าหมาย
"เมื่อใช้ไม่ได้ ก็ต้องมีมาตรการอื่นมาแทน คือการโอนงบออกมาไว้ส่วนกลาง หรือที่เรียกว่า“ล้างท่อ”แล้วนำน้ำที่ได้ ไปปล่อยออกท่ออื่นต่อไป การออกกฎหมายโอนงบประมาณลักษณะนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี หลังจากที่เคยออกไปแล้วครั้งหนึ่ง และรัฐบาลไม่หวังว่า จะต้องออกกฎหมายโอนงบประมาณในลักษณะนี้เป็นครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ อีก ถือเป็นบทเรียนสำคัญของหน่วยราชการรัฐวิสาหกิจ และองค์กรต่างๆ ต้องระมัดระวังในอนาคต" นายวิษณุ กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมสนช. เห็นชอบหลักการในวาระแรก และมีมติตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา พิจารณา 3 วาระรวด และให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยคะแนน 176 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง โดยนายกฯ จะเร่งนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ใช้เป็นกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาในวาระแรก พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ สนช. ได้สอบถามถึงกรณีการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุระเบิด ที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.นั้น ใช้งบประมาณส่วนใดมาช่วยเหลือ ซึ่งงบเยียวยาที่ตั้งไว้ อาจจะน้อยเกินไป
นายวิษณุ ชี้แจงเรื่องนี้ว่า กรณีเหตุร้ายที่แยกราชประสงค์ รัฐบาลได้เตรียมการเรื่องเงินชดเชยไว้หลายด้านได้แก่ 1. การหาตัวผู้ก่อเหตุ 2. การวางมาตรการไม่ให้เหตุร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีก 3. การเยียวยาผู้ประสบภัยทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ 4. การประชาสัมพันธ์รณรงค์ เพื่อขอความร่วมมือจากคนไทยให้ร่วมมือกันชี้เบาะแส และหามาตรการป้องกัน 5. การสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนเงินเยียวยานั้น มีกฎระเบียบแยกเป็น 2 กรณี ทั้งการเยียวยาชาวต่างประเทศ และคนไทย ซึ่งจำนวนเงินที่พล.ต.ท.บุญเรือง หยิบยกมาเป็นงบที่ตั้งไว้สำหรับการเยียวยาโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันยังมีงบเยียวยาจากกระทรวงอื่นๆอีก อาทิ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม เมื่อนำมารวมกันแล้วก็มีจำนวนมากพอสมควร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ครม.ได้มีมติให้ กระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งานรับไปบูรณาการงบเยียวยาทั้งหมดแก่ผู้ประสบภัยต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น