xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อบึ้ม12รายยังอยู่ICU รัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยา ทยอยรับศพกลับบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-สธ.สรุปคนตาย 20 ราย จากเหตุระเบิดราชประสงค์ พิสูจน์สัญชาติได้แล้ว 18 ราย เป็นคนไทย 6 คน ที่เหลือเป็นคนมาเลเซีย จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย ยังพิสูจน์ไม่ได้อีก 2 ราย เผยยังอยู่ในโรงพยาบาลอีก 68 ราย เจ็บหนักอยู่ ไอ.ซี.ยู. 12 ราย อาการยังน่าห่วง ยันทุกรายได้รับการรักษาเต็มที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย กรมคุ้มครองสิทธิฯ เร่งจ่ายเงินเยียวยา ญาติสาวแบงก์ร่ำไห้ หลังรับศพบำเพ็ญกุศล ส่วนศพหนุ่มราชบุรีถึงสวนผึ้งแล้ว ส่วนหญิงอินโดฯ ญาติมารับศพไปแล้ว

นพ.อนุรักษ์ อมรเพชรสถาพร ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต 20 ราย จำนวนนี้สามารถพิสูจน์สัญชาติได้แล้ว 18 ราย แบ่งเป็น ชาวไทย 6 คน ชาวมาเลเซีย 4 คน ชาวจีน 4 คน ชาวฮ่องกง 2 คน ชาวสิงคโปร์ 1 คน และอินโดนีเซีย 1 คน ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้ 2 คน โดยอยู่ระหว่างการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล

สำหรับผู้บาดเจ็บมีทั้งสิ้น 123 ราย ยังต้องอยู่ในโรงพยาบาล 68 ราย เป็นชาวต่างชาติ 22 ราย คนไทย 46 ราย ในจำนวนนี้ ยังอยู่ในหอผู้ป่วยหนัก 12 ราย เป็นชาวต่างชาติ 7 ราย คนไทย 5 ราย โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยเป็นแผลไหม้ แผลจากชิ้นส่วนระเบิด กระดูกหัก โดยอาการยังน่าเป็นห่วงอีก 5 ราย ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกับนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พบว่า ญาติได้มาติดต่อขอรับศพผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย โดยเป็นศพชาวไทย 4 ราย และฮ่องกง 1 ราย

รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ หัวหน้าหน่วยศัลยศาสตร์อุบัติเหตุ รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ ว่า ขณะนี้เหลือผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ รพ.จุฬาฯ รวม 16 คน คาดว่าจะสามารถกลับบ้านได้ 1 คน และ 11 คน มีอาการดีขึ้น แต่มีผู้ป่วยอาการหนักอยู่หอผู้ป่วยวิกฤต (ไอ.ซี.ยู.) 4 คน โดยผู้ป่วยมีบาดแผลฉกรรจ์จากสะเก็ดระเบิด โดนอวัยวะสำคัญ ทั้งสมองและเส้นเลือดใหญ่ในช่องท้อง ทำให้เสียเลือดจำนวนมาก ต้องใช้เลือดไม่ต่ำกว่าคนละ 10 ยูนิต ถือว่าอาการอยู่ในขั้นสาหัส โอกาสรอดชีวิตยังต้องประเมินวันต่อวัน แต่คณะแพทย์ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ทั้งนี้ รายชื่อที่อยู่ไอ.ซี.ยู. รพ.จุฬาฯ ได้แก่ Mr.Zhen Giu นายพีระ กอนดอน น.ส.วชิรตา ดวงมโน และ Mr.Hsu Chu Ging

***สธ.เปิดสายด่วนให้ข้อมูล

นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ได้เปิดเว็บไซต์ www.moph.go.th ในการอับเดตข้อมูลทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เปิดสายด่วน 0-2590-1994 เพื่อให้ญาติได้สอบถามข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งคงจะตามกันเจอหมดแล้ว แต่จะช่วยดูแลในเรื่องการรักษาเยียวยา การฟื้นฟู และการช่วยเหลือในระยะยาว โดยในส่วนของค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลรัฐ จะดูแลให้ ส่วนโรงพยาบาลเอกชน จะให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพประสานกับโรงพยาบาลเพื่อดูแลค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะประสานกับนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เรื่องขั้นตอนการส่งศพกลับภูมิลำเนา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

***ส่งทีมช่วยดูแลสภาพจิตใจ

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมฯ มีทีมเยียวยาจิตใจในภาวะวิกฤต (MCATT) ซึ่งจะเข้าไปประเมินสภาพจิตใจของแต่ละครอบครัวว่าเป็นอย่างไร ต้องให้การช่วยเหลืออย่างไร โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ที่ตั้งใจเดินทางมาท่องเที่ยว แต่การมาประสบเหตุรุนแรงจะส่งผลต่อจิตใจอย่างมาก ส่วนครอบครัวที่มีการสูญเสียคนในครอบครัวก็จะต้องดูแลญาติ ซึ่งมีทีมสุขภาพจิตในพื้นที่ที่พร้อมให้การดูแลอยู่แล้ว

***ผู้บาดเจ็บใช้สิทธิฉุกเฉินได้


นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า กรณีนี้เป็นกรณีอุบัติเหตฉุกเฉิน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียวได้ทันที เพื่อให้ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาทันท่วงที และ รพ.ที่ให้การรักษาผู้บาดเจ็บ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งแม้ว่าขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดระบบใหม่ แต่ในส่วนของการเบิกจ่าย รพ.ยังส่งเบิกมาที่ สปสช. ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรกรรมเบิกจ่ายหรือ Clearing House ตามกฎเกณฑ์เดิมไปก่อน สำหรับผู้บาดเจ็บจากทุกสิทธิที่ถูกส่งเข้ารับการรักษาใน รพ. เมื่ออาการพ้นขีดอันตรายแล้วจึงจะส่งตัวกลับไปรักษาต่อที่ รพ.ตามสิทธิต่อไป

***ยันผู้ประกันตนได้รับการดูแลเต็มที่

นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกันตนที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ ณ ตึกอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งมีผู้ประกันตนเข้ารับการรักษา ทั้งหมด 6 คน ว่า สำนักงานประกันสังคมจะให้การดูแลอย่างเต็มที่ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องดูแลผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างเต็มที่

***มอบเงินเยียวยาเหยื่อบึ้มราชประสงค์


ที่ห้องประชุมไชยานุกิจ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม มอบหมายให้ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหาย

พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวว่า ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตเป็นกรณีพิเศษ 2 ราย คือ 1.กรณีนายยุทธณรงค์ สิงห์รอ (ผู้เสียชีวิต) ทายาทผู้รับเงิน ประกอบด้วย ด.ช.ศุภวิชญ์ สิงห์รอ และด.ช.ณัฐวุฒิ สิงห์รอ เป็นเงิน 1 แสนบาท และ2.กรณีน.ส.วรารัตน์ ช่างทำ (ผู้เสียชีวิต) ทายาทผู้รับเงิน คือ ร้อยโทประเวศ ช่างทำ (พี่ชาย) เป็นเงิน 1 แสนบาท ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะได้รับเงินเยียวยาจากกรมคุ้มครองสิทธิฯ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งจะได้เงินจากการทำประกันชีวิตกลุ่มอีกรายละ 3 แสนบาท ซึ่งจะเร่งจ่ายเงินเยียวยาก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศ

ทั้งนี้ ยังได้เดินทางไปยังสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย คือ 1.นายเนียว ไจจุน ชาวมาเลเซีย 2.นายลี เท เซียง ชาวมาเลเซีย 3.นางเลอ ไล ถิ้ง ชาวอินโดนีเซีย 4.น.ส.ลิม ซอ เส็ก ชาวมาเลเซีย และ5.นางลี โกนิ่ง ซาน ชาวมาเลเซีย รายละ 1 แสนบาท

***ศพเหยื่อบึ้มราชประสงค์ถึงเชียงคาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (19 ส.คง) ได้มีการนำศพของ น.ส.สุดชาดา นิสีดา อายุ 32 ปี พนักงานธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ถึงภูมิลำเนาที่ อ.เชียงคาน จ.เลย โดยทันทีที่โลงศพถูกยกลงจากรถ เสียงร่ำไห้ก็ดังระงมไปทั่วบ้าน โดยเฉพาะพ่อและแม่ของ น.ส.สุดชาดาร้องไห้แทบลมจับ เพราะยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกสาวที่ยังอยู่ในวัยทำงานเป็นเสาหลักของบ้าน ที่สำคัญเมื่อเธอจากไปแล้วลูกสาววัย 9 ขวบใครจะทำงานหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูและเรียนหนังสือ

***เผยหนุ่มราชบุรีเตรียมแต่งงานปลายปี

ส่วนที่ จ.ราชบุรี มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันอีก 1 ราย คือ นายสุวรรณ สัตย์มั่น หรืออ๊อด อายุ 30 ปี ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา นายบุญส่ง และนางขันทอง สัตย์มั่น พ่อและแม่ของนายสุวรรณ ได้เดินทางไปรับศพลูกชายจากโรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่ช่วงเช้า และกลับมายังบ้านที่ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าและมีเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวมาร่วมแสดงความเสียใจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายบุญส่ง และนางขันทอง สัตย์มั่น พ่อและแม่ของนายสุวรรณ ทั้งคู่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าและยังมีอาการช็อก เพราะรับไม่ได้กับการสูญเสียลูกชายที่เป็นเสาหลักของบ้านไปอย่างกะทันหัน

นางแสวง แก้วทองศรี อายุ 52 ปี อาของนายสุวรรณ กล่าวว่า ผู้ตายมีแผนจะแต่งงานในปลายปีนี้ และล่าสุดเพิ่งจะเดินทางมาหาพ่อแม่เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้มีลางบอกเหตุว่าจะมาจบชีวิตด้วยเหตุการณ์ระเบิด

***ญาติหญิงชาวอินโดฯเดินทางรับศพ


ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีญาติผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติมาติดต่อรับศพครบทั้งหมดแล้ว ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้ คือ การรับศพกลับไปยังประเทศบ้านเกิด

พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีจำนวน 20 รายเท่าเดิม

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ค่าชดเชยที่รัฐบาลจะจ่ายให้สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นต่างชาติ ไม่มีปัญหา เนื่องจากผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว แต่ที่มีปัญหา คือ ค่าใช้จ่ายในการส่งศพ ซึ่งบางประเทศมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและระยะทางไกล ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลและประสานกับสถานทูตต่างๆ ถึงกระบวนการค่าใช้จ่าย และจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับศพชาวต่างชาติที่ถูกส่งมอบให้กับทางญาติได้เป็นศพแรก หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนทางเอกสาร คือ Mrs.Lioe Lie Tging ชาวอินโดนีเซีย ซึ่งจะดำเนินการจัดส่งกลับไปยังบ้านเกิดโดยบริษัทเอกชน ซึ่งศพถูกลำเลียงออกจากสถาบันนิติเวชวิทยาในเวลา 12.00 น.7000 เคาะ ต่อหน้า 11
กำลังโหลดความคิดเห็น