xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ร่วมกัน“แสดงความรัก”ให้มากๆนะ เมื่อนักท่องเที่ยวจีน 9 แสนคนจะมาเที่ยวไทย ต.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รายงานสุดสัปดาห์

เมื่อเช้าวันหยุด 12 ส.ค. รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด”ส่งข่าวทางสังคมออนไลน์ ชี้แจงว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยยังสดใสต่อเนื่อง โดยนับจาก ม.ค ถึง 31 ก.ค 58

มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 17.5 ล้านคน นำเงินตราเข้าประเทศ 818,439 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 29-30 ล้านคน มากกว่าเป้าหมายที่กระทรวงการท่องเที่ยวตั้งไว้ที่ 28.8 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศราว 1.6-1.8 ล้านล้านบาท สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1.4 ล้านล้านบาท

"และในช่วงวันที่ 1-7 ต.ค ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวเฉลิมฉลองวันชาติจีน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นเป็นเท่าตัว จากเฉลี่ยเดือนละ 500,000-600,000 คน เพิ่มเป็น 800,000-900,000 คน รวมทั้งการที่ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ทำให้เป็นปัจจัยบวกกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้ตัดสินใจมาประเทศไทยง่ายขึ้น และเมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่เริ่มฟื้นตัว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันมาเยือนประเทศไทยราว 1,200,000 คน จากปกติประมาณ 700,000 คนต่อปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มักจะพำนักในประเทศไทยประมาณ 14-15 วัน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยและผู้ประกอบการไทย"

สำหรับตัวเลขการท่องเที่ยวภายในประเทศของพี่น้องประชาชนคนไทยในช่วง 7 เดือนแรกอยู่ที่ 139 ล้านครั้ง คิดเป็นมูลค่าด้านการท่องเที่ยว 400,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะยังไม่เป็นตามเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 800,000 ล้านบาท

"อยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านได้ร่วมท่องเที่ยวในประเทศ และใช้สิทธินำค่าใช้จ่ายในการพักโรงแรม หรือการจองโปรแกมนำเที่ยวกับบริษัททัวร์ มาหักลดหย่อนภาษี ได้ 15,000 บาท ซึ่งยังสามารถใช้สิทธ์ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. นี้

นอกจากนี้อยากกระตุ้นให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมมือกันปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลด้วยการจัดอบรมสัมมนา ดูงานภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบต่อไป

ต่อเนื่องมาจากการประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 11 ส.ค. มีการอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอ โดยมี การปรับปรุงแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2550 ในส่วนอำนาจของ “คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์” โดยเพิ่มให้มีผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการ และแก้ไขตำแหน่งกรรมการจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว

ตลอดจนปรับปรุงวัตถุประสงค์ของกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว, เพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้เข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย รวมถึงการควบคุมการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ให้มีมาตรฐานทัดเทียมนานาชาติ และสอดคล้องกับภารกิจของกรมการท่องเที่ยวในการพัฒนาผู้ประกอบการด้านธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์, แก้ไขการกำหนดหลักเกณฑ์และลักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ ให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด

เพิ่มเติมการจัดทำเอกสารโฆษณาหรือชี้ชวนเกี่ยวกับการนำเที่ยว ให้มีรายการกำหนดจำนวนมัคคุเทศก์หรือผู้นำเที่ยวด้วย, เพิ่มเติมการยกเลิกการเดินทางภายหลังการชำระค่าบริการแล้วให้รวมถึงเหตุกรณีการยกเลิกการเดินทางโดยมิใช่ความผิดของนักท่องเที่ยวหรือเหตุสุดวิสัยให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจ่ายเงินคืนให้แก่นักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่าอัตราตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด, แก้ไขเพิ่มเติมห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจัดบริการนำเที่ยวโดยไม่ได้รับค่าบริการหรือรับค่าบริการในอัตราที่เห็นได้ว่าไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการประกาศกำหนดให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ,

แก้ไขเพิ่มเติมให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ได้แก่ กรณีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 12(3) กรณีการก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง เป็นต้น, แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ยังมิได้ชำระค่าธรรมเนียม ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและเงินเพิ่มตามวรรคสอง มาตรา 35 ให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุด, กำหนดเหตุให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสิ้นสุด ได้แก่ การไม่ชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามที่กำหนด, กำหนดโทษทางปกครองและโทษทางอาญา

ทั้ง 2 ประเด็น เรื่อง ทัวร์จีนเตรียมเข้าไทยเพิ่มขึ้น 8-9 แสนคน และจะมีกฎหมายมาคุ้มครองนักท่องเที่ยวในอนาคต

แม้ทัวร์จีนจะเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น แต่ยังมีกำลังซื้อน้อยและส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวตลาดล่างถึงระดับกลางเห็นหลัก เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวยุโรปที่จะใช้จ่ายมากกว่า รวมทั้ง "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ของธุรกิจทัวร์จีน

หลายวันก่อน “นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาให้ความเห็นถึง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หรือ ธุรกิจท่องเที่ยวแบบครบวงจรของกลุ่มทัวร์ ที่เงินทอง รายได้แทบจะไม่ตกถึงคนท้องถิ่น และนักลงทุนไทยว่า

“ไม่ได้ผิดกฎหมาย เป็นลักษณะของทัวร์จีนที่เกิดขึ้นกับการเดินทางไปท่องเที่ยวในทุกประเทศ”**
ดังนั้น จึงไม่สามารถไปเปลี่ยนพฤติกรรมได้ เมื่อใดที่สัดส่วนของนักท่องเที่ยว จีนที่เดินทางมาด้วยตัวเองสูงขึ้น เรื่องของทัวร์ศูนย์เหรียญก็จะลดลง

ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเป็นเรื่องที่ไม่ได้แอบพูด เป็นเรื่องพูดกันบนโต๊ะ เป็นการค้าขายหรือทำธุรกิจแบบคนจีนที่ยอมขายทัวร์ขาดทุน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้มาอยู่ในมือก่อน แล้วไปหากำไรเอาข้างหน้า เหมือนค่ายรถยอมขายรถยนต์ขาดทุน หรือค่ายโทรศัพท์มือถือที่ยอมขายเครื่องขาดทุน แล้วค่อยไปหากำไรจากการให้บริการ

“ในแง่ของค่าใช้จ่ายของทัวร์จีนที่นำมาใช้จ่ายในไทยก็ถือว่าไม่มีปัญหา และทัวร์จีนก็มีคุณภาพมากขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น สิ่งที่เราจะทำได้คือต้องหาทางให้ได้เม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากที่สุด ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเอง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่จะไปปฏิเสธกรุ๊ปทัวร์ไม่ได้ และนักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์ ก็มักจะมาเป็นครั้งแรก ซึ่งคนที่มาครั้งแรกก็จะมีความจดจำและประทับใจ ที่รัฐบาลต้องทำก็คือการเสนอให้ไปแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆให้มากขึ้น”

ดังนั้น เรื่องของ “การใช้บริการรถทัวร์ของนักธุรกิจจีนที่มาลงทุนในไทย” ก็ต้องยอมรับว่าธุรกิจไทยมีรถทัวร์ไม่เพียงพอรองรับคณะทัวร์จีนที่มาเป็นจำนวนมาก ส่วนรถทัวร์ที่ใช้บริการ ถูกกำหนดให้พานักท่องเที่ยวไปแวะซื้อสินค้าตามที่บริษัทรถทัวร์กำหนดเท่านั้น

อย่างกรณีที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดเรียกมาประชุมขอความร่วมมือให้พานักท่องเที่ยวไปแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ก็ได้รับความร่วมมือดี รวมถึงกรณี “บริษัทรถทัวร์สองรายใหญ่” ที่เป็นเจ้าของร้านจิวเวลรี่ในกรุงเทพฯก็มีการพูดคุยกันเป็นอย่างดี

มีการยกตัวอย่างกรณีของนักธุรกิจจีนที่มาใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินีบริษัททัวร์ในไทย เพื่อรองรับทัวร์จีนทั้งระบบ ทั้งเปิดโรงแรม ร้านจิวเวลรี่ และร้านขายสินค้าต่างๆนั้น ทางกรมการท่องเที่ยวได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและพบว่า บริษัทที่พูดกันว่าเป็นนอมินี ก็จดทะเบียนธุรกิจถูกต้อง มีชื่อคนไทยถูกต้อง และบางรายเป็นการร่วมทุนทำธุรกิจกันจริงๆ
“ขอยืนยันว่ายังบริหารจัดการนักท่องเที่ยวจีนได้”รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุเอาไว้

โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็เชื่อว่า จะผลักดันให้นักท่องเที่ยวจีนเป็นทัวร์คุณภาพมากขึ้น โดยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีรายได้เฉลี่ย 2-6 หมื่นเหรียญสหรัฐ/ปี เทียบจากที่ผ่านมาคนจีนที่เดินทางมาไทยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวตลาดล่างถึงระดับกลางเป็นหลัก

โดย ททท.เตรียมรุกตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยครั้งแรกเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้สูงขึ้น โดยตั้งเป้าการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวจีนปีหน้า เฉลี่ย 5.01 หมื่นบาท/ทริป เทียบกับปีนี้ 4.48 หมื่นบาท/ทริป จะขยายฐานนักท่องเที่ยวในแถบจีนตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและบางส่วนยังไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งในปีหน้าตั้งเป้าคนจีนเดินทางมาไทยปีหน้า 8 ล้านคน สร้างรายได้ 4.01 แสนล้านบาท เทียบกับปีนี้ 7.5 ล้านคน สร้างรายได้ 3.3 แสนล้านบาท

วันก่อนรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของไทย ไปพูดแสดงความรักทางการทูตกับรมต.ต่างประเทศจีน ในเวทีอาเซียน ตอนนี้เชื่อว่ารัฐบาลกำลังแสดงความรักผ่านประชาชนคนจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นรายได้จากการท่องเที่ยว จากคนจีนที่จะเข้ามายังไทยในเดือนตุลาคมนี้ 8-9 แสนคน โดยหวังจะมีเงินสะพัดกว่า 4.01 แสนล้านบาท

ในช่วงเดือนหน้านี้ต่อเดือนหน้ารัฐบาลคงกำลังจะฝากไปถึงคนไทยเจ้าของประเทศว่า ให้ร่วมกัน“แสดงความรักนักท่องเที่ยวจีนให้ได้”มากๆนะ


กำลังโหลดความคิดเห็น