เรายอมรับการเข้ามายึดอำนาจของทหาร เพราะบ้านเมืองไม่มีทางออก แต่ผมคิดว่าไม่มีใครอยากให้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะแบบนี้ไปตลอดกาล
ในขณะที่โรดแมปของ คสช. ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เราน่าจะเลือกตั้งปลายปี 59 หรือต้นปี 60 นับจากนี้ไปก็อีกปีกว่า เท่ากับเราอยู่ภายใต้ระบอบทหารประมาณ 3 ปี 3 ปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะปฏิรูปประเทศก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งว่าไปแล้ว 3 ปีถ้าจะทำจริงก็น่าจะเพียงพอไม่ต้องบอกว่าให้ปฏิรูปเสร็จหรอกแค่วางหลักการ วางกรอบกติกา สร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะเอาเข้าจริงๆ ไม่มีใครตอบได้หรอกว่า ปฏิรูปเสร็จคืออะไร เพราะทุกอย่างมันต้องปรับปรุงแก้ไขไปตามยุคสมัย คำว่า “ปฏิรูป” นั้นมันไม่มีจุดจบของมัน เพราะต้องทำไปตลอดตราบที่โลกยังไม่หยุดหมุน
ว่าไปแล้วคำว่า “ปฏิรูป” มันเป็น “อกาลิโก” นั่นแหละ
แต่ปัญหาก็คือ เราเอาความกลัวที่จะสู้พรรคของทักษิณไม่ได้มาผสมด้วย ทำให้เราไม่อยากเลือกตั้ง จนบอกว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ไม่ต้องมีเงื่อนไขของเวลา แต่คนที่พูดคำนี้ก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” นั้นจะวัดผลกันอย่างไร ทำแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ปฏิรูป
ทิดสุเทพออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปไปเรื่อยๆ ไม่จำกัดเวลา พูดเหมือนกับว่า นักการเมืองเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายซึ่งก็อาจจะจริง ถ้าเราย้อนมองกลับไปตอนที่ทิดสุเทพเป็นนักการเมือง แต่นั่นก็เป็นแค่เสียงหนึ่ง แต่เราฟังเสียงใครคนใดคนหนึ่งมากำหนดชะตากรรมของประเทศได้ไหมไม่ได้หรอก เราไม่เอาทักษิณ แต่เราไม่เอามวลชนของทักษิณไม่ได้ เพราะพวกเขาก็เป็นประชาชนที่มีสิทธิและเสียงเท่ากับทิดสุเทพเหมือนกัน
เรารู้ว่าทักษิณชั่ว แต่ถ้าเรากลัวทักษิณ เราก็ควรทำให้คนที่หลงใหลทักษิณมองเห็นถึงพิษภัยของทักษิณ หรืออย่างน้อยพรรคคู่แข่งของทักษิณก็ต้องปรับปรุงพัฒนาตัวเองเพื่อให้สู้กับทักษิณได้ แต่นี่เรายังไม่เห็นใครทำอย่างที่ว่ามาเลย ดังนั้นถ้าเอาว่า ยังไม่ควรเลือกตั้งเพราะกลัวแพ้ทักษิณเป็นตัวตั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะได้เลือกตั้งมั้ย
แต่ความเป็นประเทศนี่มันคงเอาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาเป็นตัวตั้งหรือคนกำหนดคงไม่ได้ เพราะเราควรจะต้องศรัทธาในความคิดที่ว่า ประชาชนมีความเท่าเทียมกัน และอำนาจของประชาชนเป็นใหญ่ มันเป็นสิทธิของตัวเราเอง เราจะปล่อยให้ทหารอยู่ไปเรื่อยๆ จนไม่กำหนดเวลาโดยลิดรอนสิทธิของตัวเราเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
ผมเห็น สปช. บางคนออกมาเรียกร้องให้ยืดอายุรัฐบาลทหารไปเรื่อยๆ โดยอ้างคำว่า “ปฏิรูป” พวกเขาไม่ได้หวังปฏิรูปอะไรจริงจังหรอก เพราะเอาเข้าจริงก็ตอบไม่ได้ว่าปฏิรูปอย่างไร ที่เอ็นจอยความเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะถ้าทหารยังอยู่ในอำนาจตัวเองมีตำแหน่งมีอำนาจอยู่เท่านั้นเอง
พวกนี้น่ากลัวกว่าเผด็จการทหารและทักษิณอีก เพราะคิดแต่ประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่
3 ปีตามโรดแมปที่รัฐบาลทหารตั้งไว้ก็ควรจะเพียงพอแล้ว ตอนปฏิวัติบิ๊กบัง 2549 นั่นก็น้อยเกินไปยังไม่ทันจัดการบ้านเมืองให้เข้าที่เข้าทางแค่ปีเดียวก็เร่งรัดให้มีการเลือกตั้งแล้ว สุดท้ายบ้านเมืองก็กลับสู่วิกฤตอีกครั้ง เป็นการปฏิวัติที่สูญเปล่า แล้วต่อมาหัวหน้าปฏิวัติก็แสดงออกมาชัดเจนว่ายืนอยู่ฝั่งเดียวกับทักษิณที่ตัวเองโค่นล้มจากอำนาจ
สิ่งที่ได้จากรัฐบาลทหารก็คือ ความขัดแย้งถูกสยบลงชั่วคราว แต่เราอย่าไปคาดหวังว่าความขัดแย้งในบ้านเมืองของเราจบลงแล้ว แท้จริงมันเพียงแต่ถูกกดเอาไว้ แน่นอนว่า ถ้าเรากลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเหมือนเดิม แม้การเลือกตั้งจะไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด แต่เราก็หนีไม่พ้น เพราะนั่นเป็นอำนาจของประชาชนที่แท้จริงที่จะกำหนดชะตากรรมของประเทศด้วยมือของเรา ความแตกต่างทางการเมืองของคนในชาติเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าขั้วไหนได้อำนาจรัฐทางรัฐบาลไม่ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมประชาชนอีกฝ่ายก็ออกมาขับไล่ไม่ได้ ดูรัฐบาลยิ่งลักษณ์สิถ้าไม่ใช้เสียงข้างมากในสภาฯ อย่างลุแก่อำนาจออก พ.ร.บ.นิรโทษฯ ลักหลับจะมีเงื่อนไขใดที่จะปลุกให้ประชาชนออกมาขับไล่ได้หรือไม่ อย่างเก่งก็ต้องจำทนอยู่ภายใต้การนำนายกรัฐมนตรีที่ไร้ปัญญาไปเรื่อยๆ
ระบอบทหารจึงเป็นเพียงสิ่งจำเป็นในห้วงเวลาหนึ่งที่จะแก้ไขวิกฤตบ้านเมืองให้เข้ารูปเข้ารอยเท่านั้น ไม่ควรเป็นระบอบถาวรที่หลายคนเรียกร้องกัน ทหารไม่ได้เรียนมาเพื่อปกครองประเทศแต่เรียนมาเพื่อป้องกันประเทศ ไม่ได้หมายความว่าทหารจะไม่มีความสามารถนะ แต่เราจะอยู่ภายใต้ระบอบที่ประชาชนไม่มีสิทธิที่จะแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ต้องทำตามคำสั่งของคณะรัฐประหารไปตลอดไม่ได้หรอก เพราะบ้านเมืองไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน คนไทยควรมีสิทธิที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้าด้วยความคิดสติปัญญาร่วมกัน ไม่ใช่คำสั่งบังคับบัญชาของคณะใดคณะหนึ่ง
ผมดีใจนะครับที่ได้ยินพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะพูดย้ำๆ ว่าจะทำตามโรดแมป แม้ว่าบางคนที่อยากสอพลอทหารเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจพยายามจะออกมาเรียกร้องหาทางให้ทหารสืบทอดอำนาจต่อไปนานๆ ด้วยข้ออ้างว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ทั้งที่ปฏิรูปมันเป็นเรื่องที่ต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดจบ และประชาชนนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายกำหนดชะตากรรมของตัวเองว่าจะปฏิรูปประเทศไปในทิศทางไหน ไม่ใช่ให้ใครมาสั่งซ้ายหันหรือขวาหันแบบเกาหลีเหนือที่ใครดูหนังจะถูกประหารชีวิต จะฟังเพลงก็ฟังได้แต่เพลงที่อวยผู้นำ และต้องคิดแบบที่ผู้นำอนุญาตให้คิด
ผมไม่คาดหวังว่า รัฐบาลทหารจะทำโน่นทำนี่หรอกครับ คนที่คาดหวังถึงตอนนี้ก็คงรู้อยู่แล้วว่า เขาไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปพลังงานหรือปฏิรูปอะไรก็ตามแต่ ว่าไปแล้วเขากลับจะทำอย่างที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำนั่นแหละคือ เมกะโปรเจกต์ตอนที่ยิ่งลักษณ์จะกู้ 2 ล้านล้านก็ค้านกันระงม แต่รัฐบาลนี้บอกจะกู้ 3 ล้านล้านแล้วเป็นไงล่ะเงียบกริบเลย ก็อย่างที่ว่าไว้ว่านั่นแหละขอแค่รัฐบาลประคับประคองประเทศฝ่าข้ามวิกฤตไปก็พอไม่ต้องทำอะไรมากแค่วางหลักการ วางกรอบกติกา สร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพก็เพียงพอแล้ว แล้วให้ประชาชนเขาตัดสินเมื่อถึงเวลารัฐบาลที่เขาเลือกเอง
อย่าไปท้อแท้ว่าระบอบประชาธิปไตยมันชั่วช้านะครับ ระบอบมันไม่ได้เลวร้ายหรอก แต่เพราะเราเลือกคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ ปัญหาตอนนี้ก็คือว่า คนจำนวนมากยังนิยมทักษิณ เราก็ต้องทำให้เขาเข้าใจความชั่วร้ายของทักษิณไม่ใช่ปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยเพราะกลัวว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่พรรคของทักษิณก็มาอีก แล้วบอกว่าอยู่ภายใต้ระบอบทหารตลอดไปแบบนี้ก็ดีแล้ว
ลองนึกจากมุมเล็กๆ ใกล้ตัวว่า ถ้าเราจะทำอะไรในหมู่บ้านหรือชุมชนของเรา เรามีใครคนใดคนหนึ่งมาคอยชี้นิ้วตัดสินในทุกเรื่อง หรือว่า เรามาแสดงความเห็นร่วมกันแล้วมาหาคำตอบอย่างไหนจะดีกว่ากัน
ในขณะที่โรดแมปของ คสช. ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า เราน่าจะเลือกตั้งปลายปี 59 หรือต้นปี 60 นับจากนี้ไปก็อีกปีกว่า เท่ากับเราอยู่ภายใต้ระบอบทหารประมาณ 3 ปี 3 ปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะปฏิรูปประเทศก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งว่าไปแล้ว 3 ปีถ้าจะทำจริงก็น่าจะเพียงพอไม่ต้องบอกว่าให้ปฏิรูปเสร็จหรอกแค่วางหลักการ วางกรอบกติกา สร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะเอาเข้าจริงๆ ไม่มีใครตอบได้หรอกว่า ปฏิรูปเสร็จคืออะไร เพราะทุกอย่างมันต้องปรับปรุงแก้ไขไปตามยุคสมัย คำว่า “ปฏิรูป” นั้นมันไม่มีจุดจบของมัน เพราะต้องทำไปตลอดตราบที่โลกยังไม่หยุดหมุน
ว่าไปแล้วคำว่า “ปฏิรูป” มันเป็น “อกาลิโก” นั่นแหละ
แต่ปัญหาก็คือ เราเอาความกลัวที่จะสู้พรรคของทักษิณไม่ได้มาผสมด้วย ทำให้เราไม่อยากเลือกตั้ง จนบอกว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ไม่ต้องมีเงื่อนไขของเวลา แต่คนที่พูดคำนี้ก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” นั้นจะวัดผลกันอย่างไร ทำแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ปฏิรูป
ทิดสุเทพออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปไปเรื่อยๆ ไม่จำกัดเวลา พูดเหมือนกับว่า นักการเมืองเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายซึ่งก็อาจจะจริง ถ้าเราย้อนมองกลับไปตอนที่ทิดสุเทพเป็นนักการเมือง แต่นั่นก็เป็นแค่เสียงหนึ่ง แต่เราฟังเสียงใครคนใดคนหนึ่งมากำหนดชะตากรรมของประเทศได้ไหมไม่ได้หรอก เราไม่เอาทักษิณ แต่เราไม่เอามวลชนของทักษิณไม่ได้ เพราะพวกเขาก็เป็นประชาชนที่มีสิทธิและเสียงเท่ากับทิดสุเทพเหมือนกัน
เรารู้ว่าทักษิณชั่ว แต่ถ้าเรากลัวทักษิณ เราก็ควรทำให้คนที่หลงใหลทักษิณมองเห็นถึงพิษภัยของทักษิณ หรืออย่างน้อยพรรคคู่แข่งของทักษิณก็ต้องปรับปรุงพัฒนาตัวเองเพื่อให้สู้กับทักษิณได้ แต่นี่เรายังไม่เห็นใครทำอย่างที่ว่ามาเลย ดังนั้นถ้าเอาว่า ยังไม่ควรเลือกตั้งเพราะกลัวแพ้ทักษิณเป็นตัวตั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้จะได้เลือกตั้งมั้ย
แต่ความเป็นประเทศนี่มันคงเอาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาเป็นตัวตั้งหรือคนกำหนดคงไม่ได้ เพราะเราควรจะต้องศรัทธาในความคิดที่ว่า ประชาชนมีความเท่าเทียมกัน และอำนาจของประชาชนเป็นใหญ่ มันเป็นสิทธิของตัวเราเอง เราจะปล่อยให้ทหารอยู่ไปเรื่อยๆ จนไม่กำหนดเวลาโดยลิดรอนสิทธิของตัวเราเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
ผมเห็น สปช. บางคนออกมาเรียกร้องให้ยืดอายุรัฐบาลทหารไปเรื่อยๆ โดยอ้างคำว่า “ปฏิรูป” พวกเขาไม่ได้หวังปฏิรูปอะไรจริงจังหรอก เพราะเอาเข้าจริงก็ตอบไม่ได้ว่าปฏิรูปอย่างไร ที่เอ็นจอยความเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะถ้าทหารยังอยู่ในอำนาจตัวเองมีตำแหน่งมีอำนาจอยู่เท่านั้นเอง
พวกนี้น่ากลัวกว่าเผด็จการทหารและทักษิณอีก เพราะคิดแต่ประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่
3 ปีตามโรดแมปที่รัฐบาลทหารตั้งไว้ก็ควรจะเพียงพอแล้ว ตอนปฏิวัติบิ๊กบัง 2549 นั่นก็น้อยเกินไปยังไม่ทันจัดการบ้านเมืองให้เข้าที่เข้าทางแค่ปีเดียวก็เร่งรัดให้มีการเลือกตั้งแล้ว สุดท้ายบ้านเมืองก็กลับสู่วิกฤตอีกครั้ง เป็นการปฏิวัติที่สูญเปล่า แล้วต่อมาหัวหน้าปฏิวัติก็แสดงออกมาชัดเจนว่ายืนอยู่ฝั่งเดียวกับทักษิณที่ตัวเองโค่นล้มจากอำนาจ
สิ่งที่ได้จากรัฐบาลทหารก็คือ ความขัดแย้งถูกสยบลงชั่วคราว แต่เราอย่าไปคาดหวังว่าความขัดแย้งในบ้านเมืองของเราจบลงแล้ว แท้จริงมันเพียงแต่ถูกกดเอาไว้ แน่นอนว่า ถ้าเรากลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเหมือนเดิม แม้การเลือกตั้งจะไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด แต่เราก็หนีไม่พ้น เพราะนั่นเป็นอำนาจของประชาชนที่แท้จริงที่จะกำหนดชะตากรรมของประเทศด้วยมือของเรา ความแตกต่างทางการเมืองของคนในชาติเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าขั้วไหนได้อำนาจรัฐทางรัฐบาลไม่ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมประชาชนอีกฝ่ายก็ออกมาขับไล่ไม่ได้ ดูรัฐบาลยิ่งลักษณ์สิถ้าไม่ใช้เสียงข้างมากในสภาฯ อย่างลุแก่อำนาจออก พ.ร.บ.นิรโทษฯ ลักหลับจะมีเงื่อนไขใดที่จะปลุกให้ประชาชนออกมาขับไล่ได้หรือไม่ อย่างเก่งก็ต้องจำทนอยู่ภายใต้การนำนายกรัฐมนตรีที่ไร้ปัญญาไปเรื่อยๆ
ระบอบทหารจึงเป็นเพียงสิ่งจำเป็นในห้วงเวลาหนึ่งที่จะแก้ไขวิกฤตบ้านเมืองให้เข้ารูปเข้ารอยเท่านั้น ไม่ควรเป็นระบอบถาวรที่หลายคนเรียกร้องกัน ทหารไม่ได้เรียนมาเพื่อปกครองประเทศแต่เรียนมาเพื่อป้องกันประเทศ ไม่ได้หมายความว่าทหารจะไม่มีความสามารถนะ แต่เราจะอยู่ภายใต้ระบอบที่ประชาชนไม่มีสิทธิที่จะแสดงความเห็นทางการเมือง ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ต้องทำตามคำสั่งของคณะรัฐประหารไปตลอดไม่ได้หรอก เพราะบ้านเมืองไม่ใช่ของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน คนไทยควรมีสิทธิที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้าด้วยความคิดสติปัญญาร่วมกัน ไม่ใช่คำสั่งบังคับบัญชาของคณะใดคณะหนึ่ง
ผมดีใจนะครับที่ได้ยินพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะพูดย้ำๆ ว่าจะทำตามโรดแมป แม้ว่าบางคนที่อยากสอพลอทหารเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจพยายามจะออกมาเรียกร้องหาทางให้ทหารสืบทอดอำนาจต่อไปนานๆ ด้วยข้ออ้างว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ทั้งที่ปฏิรูปมันเป็นเรื่องที่ต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดจบ และประชาชนนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายกำหนดชะตากรรมของตัวเองว่าจะปฏิรูปประเทศไปในทิศทางไหน ไม่ใช่ให้ใครมาสั่งซ้ายหันหรือขวาหันแบบเกาหลีเหนือที่ใครดูหนังจะถูกประหารชีวิต จะฟังเพลงก็ฟังได้แต่เพลงที่อวยผู้นำ และต้องคิดแบบที่ผู้นำอนุญาตให้คิด
ผมไม่คาดหวังว่า รัฐบาลทหารจะทำโน่นทำนี่หรอกครับ คนที่คาดหวังถึงตอนนี้ก็คงรู้อยู่แล้วว่า เขาไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปพลังงานหรือปฏิรูปอะไรก็ตามแต่ ว่าไปแล้วเขากลับจะทำอย่างที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำนั่นแหละคือ เมกะโปรเจกต์ตอนที่ยิ่งลักษณ์จะกู้ 2 ล้านล้านก็ค้านกันระงม แต่รัฐบาลนี้บอกจะกู้ 3 ล้านล้านแล้วเป็นไงล่ะเงียบกริบเลย ก็อย่างที่ว่าไว้ว่านั่นแหละขอแค่รัฐบาลประคับประคองประเทศฝ่าข้ามวิกฤตไปก็พอไม่ต้องทำอะไรมากแค่วางหลักการ วางกรอบกติกา สร้างกลไกที่มีประสิทธิภาพก็เพียงพอแล้ว แล้วให้ประชาชนเขาตัดสินเมื่อถึงเวลารัฐบาลที่เขาเลือกเอง
อย่าไปท้อแท้ว่าระบอบประชาธิปไตยมันชั่วช้านะครับ ระบอบมันไม่ได้เลวร้ายหรอก แต่เพราะเราเลือกคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ ปัญหาตอนนี้ก็คือว่า คนจำนวนมากยังนิยมทักษิณ เราก็ต้องทำให้เขาเข้าใจความชั่วร้ายของทักษิณไม่ใช่ปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยเพราะกลัวว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่พรรคของทักษิณก็มาอีก แล้วบอกว่าอยู่ภายใต้ระบอบทหารตลอดไปแบบนี้ก็ดีแล้ว
ลองนึกจากมุมเล็กๆ ใกล้ตัวว่า ถ้าเราจะทำอะไรในหมู่บ้านหรือชุมชนของเรา เรามีใครคนใดคนหนึ่งมาคอยชี้นิ้วตัดสินในทุกเรื่อง หรือว่า เรามาแสดงความเห็นร่วมกันแล้วมาหาคำตอบอย่างไหนจะดีกว่ากัน
