ASTV ผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"เผยผลสำรวจราคาอาหารจานด่วนทั่วประเทศ พบราคาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5-10 บาทต่อเมนู เผยภาคใต้นำโด่งแพงกว่าภาคอื่น 5-20 บาท เหตุราคาพุ่งช่วงยางแพง แต่ยางลดกลับไม่ลดตาม แถมได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง และส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่วนภาคเหนือราคาอาหารต่ำสุด ตามด้วยภาคกลางและภาคอีสาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า กรมการค้าภายในได้ทำการสำรวจราคาสินค้าอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ทั่วประเทศ พบว่า ขณะนี้ราคาอาหารจานด่วน มีราคาปรับเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5-10 ต่อจาน/ชาม โดยภาคใต้มีราคาแพงสุดและแพงกว่าภาคอื่นๆ เฉลี่ย 5-20 บาท/จาน เนื่องจากราคาอาหารเคยปรับขึ้นสูงในช่วงราคายางพาราแพง แต่เมื่อยางพาราลดลง 4-5 เท่าตัว พ่อค้าไม่ได้มีการปรับราคาอาหารลงตาม ประกอบกับภาคใต้มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ในหลายๆ พื้นที่มีค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เป็นต้น ส่วนภาคที่ราคาอาหารจานด่วนต่ำสุด คือ ภาคเหนือ รองลงมาเป็นภาคกลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับราคาอาหารตามภูมิภาคต่างๆ เช่น กับข้าวสำเร็จรูป เช่น แกงเขียวหวาน ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 15-50 บาท/ถุง ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยภาคเหนือต่ำสุด ราคา 15-30 บาท/ถุง ภาคใต้แพงสุดราคา 25-50 บาท/ถุง , ข้าวผัดใส่หมูใส่ไข่ราคาเฉลี่ย 25-50 บาท/จาน เพิ่ม 5 บาท โดยภาคภาคใต้แพงสุด ราคา 30-50 บาท/จาน และภาคเหนือและภาคกลางราคาต่ำสุด 25-35 บาท/จาน , ก๋วยเตี๋ยวหมูธรรมดาตามร้านอาหารทั่วไป ราคา 25-40 บาท/ชาม เพิ่มขึ้น 5-10 บาท โดยภาคใต้และตะวันออกเฉียงเหนือราคาแพงสุด 30-40 บาท/ชาม ภาคกลางและภาคเหนือราคาต่ำสุด 25-35 บาท/ชาม
อาหารกลางวัน ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง ราคา 25-50 บาท/จาน เพิ่มขึ้น 5-10 บาท โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือราคาสูงสุด 30-50 บาท/จาน ภาคกลางและภาคเหนือราคาต่ำสุด 25-35 บาท/จาน , ก๋วยเตี่ยวราดหน้า หมู ไก่ เนื้อ ราคา 25-50 บาทเท่ากับปีก่อน โดยภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือราคาสูงสุด 30-50 บาท/จาน ภาคเหนือต่ำสุด 25-35 บาท/จาน และข้าวผัดกระเพรา หมู ไก่ เนื้อ ราคา 25-50 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและใต้สูงสุด 30-50 บาท/จาน ภาคเหนือและภาคกลางต่ำสุด ราคา 25-35 บาท/จาน
ทั้งนี้ ราคาอาหารในภาคใต้ จากการสำรวจเฉพาะรายการ พบว่า จังหวัดกระบี่ในบางพื้นที่ กับข้าวสำเร็จรูป แกงเขียวหวานราคาเพิ่มสูงสุดจากปีที่ผ่านมาในระดับ 16-28% , ข้าวราดแกงกับข้าว 1 อย่าง ราคาเพิ่ม 20-33% , ข้าวผัดกระเพราหมู ไก่ เนื้อ เพิ่ม 14-25% ส่วนจังหวัดสงขลา บางพื้นที่พบว่า กับข้าวสำเร็จรูปเพิ่ม 25% , ข้าวผัดหมูใส่ไข่ เพิ่ม 14-16% , ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง เพิ่ม 10-20% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาอาหารในภาคใต้ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับขึ้นแรง ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ค่าครองชีพในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวและใกล้เคียง มีการปรับราคาอาหารตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้กล่าวถึงการดูแลราคาอาหารจานด่วนว่า กรมฯ ได้หารือกับห้างสรรพสินค้า โดยขอให้ห้างดำเนินโครงการหนูณิชย์ พาชิม ในพื้นที่ของศูนย์อาหารภายในห้างไปจนถึงสิ้นเดือนพ.ย.2558 เพื่อดูแลราคาอาหารจานด่วนให้กับประชาชนได้มีทางเลือกในการบริโภคอาหารภายในห้าง
ขณะที่การดูแลราคาอาหารจานด่วนนอกห้าง มีแผนจะขยายสาขาของร้านหนูณิชย์ พาชิม ไปทั่วประเทศ โดยได้มีการหารือกับหอการค้าไทย เพื่อร่วมกันขยายเครือข่ายของร้านหนูณิชย์ พาชิม ตั้งเป้าจากนี้ไป 1 ปี จะมีสาขาหนูณิชย์ พาชิม 1 หมื่นร้าน จากปัจจุบันที่มีร้านหนูณิชย์ พาชิม 3,000 ร้าน โดยยึดโมเดลหนูณิชย์ พาชิม ที่ไปเปิดที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างร้านค้าภายในจังหวัด กับร้านอาหารปรุงสำเร็จ ที่จำหน่ายวัตถุดิบให้ในราคาถูก เพื่อให้ขายอาหารจานด่วนได้ในราคาถูก มาเป็นตัวอย่างในการขยายสาขาไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการทานอาหารจานด่วยราคาไม่เกิน 35 บาท/จาน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า กรมการค้าภายในได้ทำการสำรวจราคาสินค้าอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ทั่วประเทศ พบว่า ขณะนี้ราคาอาหารจานด่วน มีราคาปรับเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5-10 ต่อจาน/ชาม โดยภาคใต้มีราคาแพงสุดและแพงกว่าภาคอื่นๆ เฉลี่ย 5-20 บาท/จาน เนื่องจากราคาอาหารเคยปรับขึ้นสูงในช่วงราคายางพาราแพง แต่เมื่อยางพาราลดลง 4-5 เท่าตัว พ่อค้าไม่ได้มีการปรับราคาอาหารลงตาม ประกอบกับภาคใต้มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ในหลายๆ พื้นที่มีค่าครองชีพสูง โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ สงขลา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เป็นต้น ส่วนภาคที่ราคาอาหารจานด่วนต่ำสุด คือ ภาคเหนือ รองลงมาเป็นภาคกลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับราคาอาหารตามภูมิภาคต่างๆ เช่น กับข้าวสำเร็จรูป เช่น แกงเขียวหวาน ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 15-50 บาท/ถุง ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยภาคเหนือต่ำสุด ราคา 15-30 บาท/ถุง ภาคใต้แพงสุดราคา 25-50 บาท/ถุง , ข้าวผัดใส่หมูใส่ไข่ราคาเฉลี่ย 25-50 บาท/จาน เพิ่ม 5 บาท โดยภาคภาคใต้แพงสุด ราคา 30-50 บาท/จาน และภาคเหนือและภาคกลางราคาต่ำสุด 25-35 บาท/จาน , ก๋วยเตี๋ยวหมูธรรมดาตามร้านอาหารทั่วไป ราคา 25-40 บาท/ชาม เพิ่มขึ้น 5-10 บาท โดยภาคใต้และตะวันออกเฉียงเหนือราคาแพงสุด 30-40 บาท/ชาม ภาคกลางและภาคเหนือราคาต่ำสุด 25-35 บาท/ชาม
อาหารกลางวัน ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง ราคา 25-50 บาท/จาน เพิ่มขึ้น 5-10 บาท โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือราคาสูงสุด 30-50 บาท/จาน ภาคกลางและภาคเหนือราคาต่ำสุด 25-35 บาท/จาน , ก๋วยเตี่ยวราดหน้า หมู ไก่ เนื้อ ราคา 25-50 บาทเท่ากับปีก่อน โดยภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือราคาสูงสุด 30-50 บาท/จาน ภาคเหนือต่ำสุด 25-35 บาท/จาน และข้าวผัดกระเพรา หมู ไก่ เนื้อ ราคา 25-50 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและใต้สูงสุด 30-50 บาท/จาน ภาคเหนือและภาคกลางต่ำสุด ราคา 25-35 บาท/จาน
ทั้งนี้ ราคาอาหารในภาคใต้ จากการสำรวจเฉพาะรายการ พบว่า จังหวัดกระบี่ในบางพื้นที่ กับข้าวสำเร็จรูป แกงเขียวหวานราคาเพิ่มสูงสุดจากปีที่ผ่านมาในระดับ 16-28% , ข้าวราดแกงกับข้าว 1 อย่าง ราคาเพิ่ม 20-33% , ข้าวผัดกระเพราหมู ไก่ เนื้อ เพิ่ม 14-25% ส่วนจังหวัดสงขลา บางพื้นที่พบว่า กับข้าวสำเร็จรูปเพิ่ม 25% , ข้าวผัดหมูใส่ไข่ เพิ่ม 14-16% , ข้าวราดแกงกับข้าว 2 อย่าง เพิ่ม 10-20% เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาอาหารในภาคใต้ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับขึ้นแรง ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ค่าครองชีพในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวและใกล้เคียง มีการปรับราคาอาหารตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้กล่าวถึงการดูแลราคาอาหารจานด่วนว่า กรมฯ ได้หารือกับห้างสรรพสินค้า โดยขอให้ห้างดำเนินโครงการหนูณิชย์ พาชิม ในพื้นที่ของศูนย์อาหารภายในห้างไปจนถึงสิ้นเดือนพ.ย.2558 เพื่อดูแลราคาอาหารจานด่วนให้กับประชาชนได้มีทางเลือกในการบริโภคอาหารภายในห้าง
ขณะที่การดูแลราคาอาหารจานด่วนนอกห้าง มีแผนจะขยายสาขาของร้านหนูณิชย์ พาชิม ไปทั่วประเทศ โดยได้มีการหารือกับหอการค้าไทย เพื่อร่วมกันขยายเครือข่ายของร้านหนูณิชย์ พาชิม ตั้งเป้าจากนี้ไป 1 ปี จะมีสาขาหนูณิชย์ พาชิม 1 หมื่นร้าน จากปัจจุบันที่มีร้านหนูณิชย์ พาชิม 3,000 ร้าน โดยยึดโมเดลหนูณิชย์ พาชิม ที่ไปเปิดที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างร้านค้าภายในจังหวัด กับร้านอาหารปรุงสำเร็จ ที่จำหน่ายวัตถุดิบให้ในราคาถูก เพื่อให้ขายอาหารจานด่วนได้ในราคาถูก มาเป็นตัวอย่างในการขยายสาขาไปยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการทานอาหารจานด่วยราคาไม่เกิน 35 บาท/จาน
