ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยการส่งออกเนื้อไก่ไทยเริ่มดีขึ้นหลังเดือนเม.ย.เป็นต้นมา จากปัจจัยบวกค่าเงินที่อ่อนลง และกลุ่มผู้นำเข้าที่ได้รับไลเซนส์จากประเทศแถบยุโรป ต้องเร่งนำเข้าเนื้อไก่ให้ตรงตามเวลา รวมทั้งศักยภาพทางการแข่งขันที่ยังคงได้เปรียบคู่แข่ง เชื่อถึงสิ้นปีมูลค่ารวมสูงถึง 8 หมื่นล้าน จากตัวเลขการส่งออก 6 แสนตัน
นางฉวีวรรณ คำพา ประธานกรรมการ บริษัท ฉวีวรรณฟาร์ม จำกัด ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยถึงสถานการณ์การส่งออกเนื้อไก่ ทั้งเนื้อไก่ดิบ และเนื้อไก่ปรุงสุกจากไทยไปยังประเทศคู่ค้าว่า แม้การส่งออกในช่วงไตรมาสแรกจะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าจนเกินไป รวมทั้งผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศแถบยุโรป ที่ทำให้ยอดรวมการส่งออกลดน้อยลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 20% แต่นับจากเดือนเมษายนเป็นต้นมา พบว่า สถานการณ์การส่งออก และความต้องการเนื้อไก่จากไทยเริ่มพุ่งสูงขึ้น
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง และการควบคุมโรคไข้หวัดนกไม่ให้กลับมาแพร่ระบาด รวมทั้งผู้ประกอบการยังมีการพัฒนาการผลิตที่สามารถพัฒนารสชาติได้ตรงต่อความต้องการของประเทศคู่ค้า รวมทั้งพัฒนารูปแบบการผลิตที่หลากหลาย และใช้ระบบความปลอดภัยซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก
“ปัจจัยบวกที่เชื่อว่าน่าจะเป็นตัวส่งให้ตัวเลขการส่งออกเนื้อไก่จากไทยไปยังประเทศคู่ค้า เติบโตได้จนถึงช่วงปลายปี 2558 และน่าจะทำให้มีตัวเลขการส่งออกรวมไม่น้อยกว่า 6 แสนตัน มีมูลค่าการส่งออกรวมไม่น้อยกว่า 8 หมื่นล้านบาท ก็คือ การหยุดแกว่งตัวของค่าเงินบาท และการอ่อนค่าลงของค่าเงินบาท รวมทั้งการได้รับไลเซนส์ของผู้นำเข้าเนื้อไก่ในประเทศแถบยุโรป ที่ต้องเร่งสั่งซื้อสินค้าให้ทันตามกำหนดเวลาเพื่อป้องกันการถูกปรับ ทำให้ขณะนี้คำสั่งซื้อเนื้อไก่จากไทยพุ่งสูงขึ้น แต่จะได้กำไรมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเจรจาทางการค้าของผู้ประกอบการแต่ละราย”
แต่ปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตเนื้อไก่ไทยไม่สามารถพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันสู้กับคู่แข่งได้ โดยเฉพาะประเทศบราซิล ที่ขณะนึ้มีการผลิตเนื้อไก่ส่งออกเป็นจำนวนมาก คือ ต้นทุนการผลิตของไทยที่สูงจากราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะธัญพืช และแม้ขณะนี้ตลาดคู้ค้าใหม่อย่างรัสเซีย และเกาหลี ที่มีความนิยมบริโภคเนื้อไก่จากไทย แต่ผู้ส่งออกก็ยังต้องประสบปัญหาด้านการถูกกดราคา
“แม้วันนี้บราซิลจะผลิตเนื้อไก่เพื่อการส่งออกจำนวนมาก แต่ก็ยังมีปัญหาด้านคุณภาพ และการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ ที่ในวันนี้ผู้ประกอบการจากไทยยังคงได้เปรียบอยู่ ดังนั้น แม้ภาวะตลาดจะเริ่มดีดกลับ แต่สิ่งที่ผู้ผลิตเนื้อไก่ควรระวัง คือ การเพิ่มกำลังผลิตที่เกินความจำเป็น ที่อาจมีผลกระทบด้านราคาในอนาคตได้ สิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลในขณะนี้ คือ นอกจากคำชื่นชมที่สามารถทำให้สถานการณ์ของประเทศกลับสู่ความสงบสุข จนต่างประเทศเริ่มมั่นใจในเสถียรภาพทางการเมืองของไทย แต่ขอให้รัฐบาลควบคุมราคาอาหารสัตว์ให้ถูกลงด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน”