xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมใช้วิธีพิเศษคัดรับเหมารถไฟไทย-จีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -"คมนาคม"เล็งใช้วิธีพิเศษ เลือกผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟทางคู่ ไทย-จีน "ประจิน" เผยต้องเร่งงานก่อสร้าง และอาจะต้องแบ่งซอยงานก่อสร้างช่วงละ 30-40 กม. สั่งร.ฟ.ท. ทำทีโออาร์ เพื่อเร่งสรุป เสนอครม.อนุมัติ ยอมรับหนัก ใจการเวนคืนและEIA ส่อทำวางศิลาฤกษ์ไม่ทัน 23 ต.ค.นี้

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาด รางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) เส้นทางกรุงเทพ- แก่งคอย ,แก่งคอย-มาบตาพุด ,แก่งคอย -โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม.ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ร่างทีโออาร์ในการก่อสร้างงานโยธา (Civil Work) เพื่อแบ่งช่วงการก่อสร้างในแต่ละตอนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับระยะเวลา ซึ่งจะแบ่งในตอนที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. และตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม.ก่อน พร้อมกันนี้จะพิจารณาว่าจะสามารถใช้วิธีพิเศษในการคัดเลือกผู้รับเหมาได้หรือไม่ เนื่องจากขณะนี่ ผู้รับเหมารายใหญ่ที่จะสามารถก่อสร้างทางรถไฟระยะทางยาวๆ ได้มีประมาณ 8-9 บริษัทเท่านั้น

ขณะที่รายเล็กลงไปมีอีกหลายสิบบริษัท ดังนั้นจะต้องดูเนื้องานก่อนว่าเป็นอย่างไรเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม หากเลือกวิธีพิเศษจะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป โดยวิธีพิเศษจะเป็นการเชิญผู้รับเหมาที่มีขีดความสามารถที่2-3 ราย มาเสนอราคาแข่งขัน ซึ่งจะรวดเร็ว แต่จะต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา ขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องหาวิธีที่เหมาะสมและทำให้การก่อสร้างรวดเร็วที่สุด

"อาจแบ่งก่อสร้างช่วงละ 30-40 กม. หรือตอนที่ 1 จะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 5 ช่วง เป็นต้น ดังนั้นวิธีพิเศษ คือแต่ละช่วงจะเรียกผู้รับเหมา 2-3 รายมายื่นราคาแข่งกัน ตอนนี้ต้องรอให้ ร.ฟ.ท. แบ่งช่วงการก่อสร้างออกมาก่อน ซึ่งหลักจะแบ่งตามระยะทาง ซึ่งการแบ่งซอยช่วงก่อสร้างจะมากหรือน้อยมีทั้งข้อดี ข้อเสีย เช่น
แบ่งซอยมากจะมีบริษัทหลายรายเข้ามาก่อสร้างได้พร้อมๆกัน แต่ในการกำกับการก่อสร้างจะต้องมีจำนวนบุคลากรที่มากพอ และอาจจะมีปัญหาในการเปรียบเทียบคุณภาพงานช่วงรอยต่อ ที่เป็นเส้นทางเดียวกัน ดังนั้นต้องพิจารณาให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ"รมว.รมคมนาคมกล่าว

สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ย. ที่กรุงเทพฯนั้น จะมีความชัดเจนเรื่องการร่วมทุนรวมไปถึงมูลค่าโครงการ อันตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เหมาะสม แนวคิดในความร่วมมือต่างๆ ส่วนการเซ็นสัญญากรอบการทำงานร่วมกัน (Framework Agreement) หรือจะเป็นการลงนามสัญญา เพื่อลงมือก่อสร้างได้มอบหมายให้ร.ฟ.ท.และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำข้อมูลใน Framework Agreement หากเนื้อหาไม่ต่าวจากสัญญา จะเลือกลงนามสัญญาไปเลยเพื่อความรวดเร็ว โดย จะนำรายละเอียดสัญญาการร่วมมือแบบ จีทูจี และเสนอเข้ากระบวนการพิจารณา เช่น กฤษฎีกา และครม.

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กรอบการทำงานในการออกแบบ การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขออนุมัติจากสผ. การออกกฎหมายเวนคืนที่ดินที่มีขั้นตอนพิจารณามาก จะเป็นปัญหาอุปสรรคที่อาจทำให้เป้าหมายที่กำหนดวางศิลาฤกษ์ หรือเริ่มต้นโครงการในวันที่ 23 ต.ค. (วันปิยมหาราช) ซึ่งเป็นบิดารถไฟไทย อาจไม่ทัน และจะต้องขยับไปเป็นวันที่1-10ธ.ค. 2558 (จะเป็นวันแห่งการก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่ในรัชกาลที่ 9) แทน

สำหรับของโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน นั้นมีมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยมีค่าก่อสร้างงานโยธา 2 ใน 5 หรือประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งไทยจะจัดหาแหล่งเงินเอง โดย มีการหารือกับสถาบันการเงินในประเทศบ้างแล้ว ที่เหลืออีก 3 ใน 5 หรือประมาณ 2.4 แสนล้านบาท เป็นงานระบบรถ อาณัติสัญญาณ การซ่อมบำรุง ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนระหว่างไทย-จีนซึ่งจะตั้ง SPV ขึ้นมา โดยกำลังพิจารณาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากจีนและสัดส่วนการร่วมทุนที่เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น