ตำรวจ สน.วิภาวดี 71 ผู้ต้องหาซิ่งจักรยานยนต์ส่งศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อยื่นฟ้อง โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน ปรับคนละตั้งแต่ 500-3,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาและให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง "ยงยุทธ" รับ ม.44 แก้ปัญหา"เด็กแว้น"ไม่ได้หมด เรียกร้องสังคมช่วยแนะใช้พลังในทางบวก ไม่เห็นด้วยใช้ไม้แข็ง หวั่นเกิดแรงต้านสะท้อนกลับได้
วานนี้ (10 ส.ค.) ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.00 นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี และทหาร ได้นำตัวผู้ต้องหาคดีเด็กแว้นจำนวน 71 คน กรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลังได้ปิดล้อมจับกุมกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์จำนวนหลายร้อยคนพร้อมรถที่มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณถ.วิภาวดีฯ ฝั่งขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ที่อ้างว่าได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อไปทำกิจกรรมเกี่ยวกับการกุศลและท่องเที่ยวที่ จ.นครนายก ไม่มีเจตนาจะสร้างความเดือดร้อนหรือก่อให้เกิดความรำคาญ
โดยวันนี้ผู้ต้องหาที่มีอายุกว่า 18 ปี จำนวน 71 คน ถูกนำตัวขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 3 รวม 2 คัน เดินทางมายังศาลเพื่อให้พนักงานอัยการคดีศาลแขวงพระนครเหนือยื่นฟ้องต่อศาล ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 39 คนนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ไม่สวมหมวกนิรภัย (กันน็อก) อุปกรณ์จักรยานยนต์ไม่ครบถ้วน ทั้งนี้โทษของการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(8) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่นายวิเชษฐ์ หว่านพืช อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 (รัชดา) กล่าวว่า คดีนี้ให้เจ้าหน้าที่อัยการไปยื่นฟ้องผู้ต้องหากว่า 70 รายต่อศาล เมื่อเวลา 15.00 น. โดยแยกฟ้องผู้ต้องหาแต่ละราย เนื่องจากกระทำความผิดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ต้องหากระทำผิดข้อหาอื่นๆ เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ หรือมีใบอนุญาตแต่ไม่ได้นำติดตัวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่, ขับรถโดยไม่มีใบเสียภาษี ส่วนจักรยานยนต์บางคันที่ไม่มีทะเบียนก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งยึดของกลางด้วย ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ตำรวจนำตัวมาฟ้องเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ทั้งหมด ไม่ได้ฟ้องคนซ้อนท้าย เนื่องจากตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาแข่งจักรยานยนต์บนทางสาธารณะแต่อย่างใด
ต่อมาที่ห้องเวรชี้ ศาลแขวงพระนครเหนือ เวลาประมาณ 17.00 น.ศาลได้พิเคราะห์คำฟ้องแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องที่พนักงานอัยการศาลแขวงพระนครเหนือ จึงมีคำพิพากษาว่า พวกจำเลยกระทำผิดฐานขี่ จยย.อันก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับขี่ จยย.โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและขับขี่ จยย.โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่จากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ กรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่พวกจำเลยได้ขี่จยย. ไปตาม ถ.วิภาวดี ขาออก เต็มพื้นที่เป็นกลุ่มใหญ่ เร่งเครื่อง ส่งเสียงดังรำคาญ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทาง และแก่บุคคลทั่วไป
ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน ปรับคนละตั้งแต่ 500-3,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาและให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ภายหลังฟังคำพิพากษา บรรดา พ่อแม่ ผู้ปกครองของกลุ่มนักซิ่ง ได้นำเงินมาจ่ายค่าปรับแล้วรับบุตรหลานกลับบ้าน แต่มีผู้ปกครองหลายรายได้โอดครวญ เนื่องจากรถ จักรยานยนต์บางคันที่ถูกยึดเป็นรถใหม่ที่ลูกเอาไปใช้
ใช้ม.44 แก้ปัญหาไม่หมด
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ กล่าวถึงการนัดรวมตัวกันของบรรดาเด็กแว้น ที่บริเวณถนนวิภาวดี จำนวนนับร้อยคันเพื่อจะเดินทางไปยังน้ำตกวังตะไคร้ จ.นครนายก ว่า เด็กเหล่านี้จะมีพลัง มีแรงเยอะ และต้องการท้าทาย ซึ่งก็ต้องพยายามดูแล โดยเฉพาะครอบครัวต้องช่วยดูด้วย เพราะถ้ามาคุมทีหลัง มันจะยาก ซึ่งที่ผ่านมาทางภาครัฐพยายามทำให้เด็กเหล่านี้ใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์ ซึ่งก็ต้องใจเย็นๆ และทุกสังคมก็จะมีปัญหาแบบนี้ ไม่ใช่แค่สังคมไทย ต้องดูว่าทำอย่างไรจะให้เขาใช้พลังไปในทางบวกได้
" คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตาม ม.44 ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมดหรอก แค่กำชับได้นิดหน่อย และถ้าจะใช้ไม้แข็งกับเด็กเหล่านี้ ก็ต้องดูเหมือนกัน เพราะอาจจะใช้ได้แค่ชั่วคราว หรืออาจจะมีแรงสะท้อน หรือแรงต้านกลับมาก็ได้" รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะนำเด็กเหล่านี้มาอบรม น่าจะทำให้ดีขึ้นหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า หากเป็นเด็กที่ต้องคดี ก็คงจำเป็น
วานนี้ (10 ส.ค.) ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.00 นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี และทหาร ได้นำตัวผู้ต้องหาคดีเด็กแว้นจำนวน 71 คน กรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลังได้ปิดล้อมจับกุมกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์จำนวนหลายร้อยคนพร้อมรถที่มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณถ.วิภาวดีฯ ฝั่งขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ที่อ้างว่าได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อไปทำกิจกรรมเกี่ยวกับการกุศลและท่องเที่ยวที่ จ.นครนายก ไม่มีเจตนาจะสร้างความเดือดร้อนหรือก่อให้เกิดความรำคาญ
โดยวันนี้ผู้ต้องหาที่มีอายุกว่า 18 ปี จำนวน 71 คน ถูกนำตัวขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 3 รวม 2 คัน เดินทางมายังศาลเพื่อให้พนักงานอัยการคดีศาลแขวงพระนครเหนือยื่นฟ้องต่อศาล ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 39 คนนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ไม่สวมหมวกนิรภัย (กันน็อก) อุปกรณ์จักรยานยนต์ไม่ครบถ้วน ทั้งนี้โทษของการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(8) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่นายวิเชษฐ์ หว่านพืช อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 (รัชดา) กล่าวว่า คดีนี้ให้เจ้าหน้าที่อัยการไปยื่นฟ้องผู้ต้องหากว่า 70 รายต่อศาล เมื่อเวลา 15.00 น. โดยแยกฟ้องผู้ต้องหาแต่ละราย เนื่องจากกระทำความผิดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ต้องหากระทำผิดข้อหาอื่นๆ เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ หรือมีใบอนุญาตแต่ไม่ได้นำติดตัวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่, ขับรถโดยไม่มีใบเสียภาษี ส่วนจักรยานยนต์บางคันที่ไม่มีทะเบียนก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งยึดของกลางด้วย ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ตำรวจนำตัวมาฟ้องเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ทั้งหมด ไม่ได้ฟ้องคนซ้อนท้าย เนื่องจากตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาแข่งจักรยานยนต์บนทางสาธารณะแต่อย่างใด
ต่อมาที่ห้องเวรชี้ ศาลแขวงพระนครเหนือ เวลาประมาณ 17.00 น.ศาลได้พิเคราะห์คำฟ้องแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องที่พนักงานอัยการศาลแขวงพระนครเหนือ จึงมีคำพิพากษาว่า พวกจำเลยกระทำผิดฐานขี่ จยย.อันก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับขี่ จยย.โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและขับขี่ จยย.โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่จากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ กรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่พวกจำเลยได้ขี่จยย. ไปตาม ถ.วิภาวดี ขาออก เต็มพื้นที่เป็นกลุ่มใหญ่ เร่งเครื่อง ส่งเสียงดังรำคาญ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทาง และแก่บุคคลทั่วไป
ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน ปรับคนละตั้งแต่ 500-3,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาและให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ภายหลังฟังคำพิพากษา บรรดา พ่อแม่ ผู้ปกครองของกลุ่มนักซิ่ง ได้นำเงินมาจ่ายค่าปรับแล้วรับบุตรหลานกลับบ้าน แต่มีผู้ปกครองหลายรายได้โอดครวญ เนื่องจากรถ จักรยานยนต์บางคันที่ถูกยึดเป็นรถใหม่ที่ลูกเอาไปใช้
ใช้ม.44 แก้ปัญหาไม่หมด
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ กล่าวถึงการนัดรวมตัวกันของบรรดาเด็กแว้น ที่บริเวณถนนวิภาวดี จำนวนนับร้อยคันเพื่อจะเดินทางไปยังน้ำตกวังตะไคร้ จ.นครนายก ว่า เด็กเหล่านี้จะมีพลัง มีแรงเยอะ และต้องการท้าทาย ซึ่งก็ต้องพยายามดูแล โดยเฉพาะครอบครัวต้องช่วยดูด้วย เพราะถ้ามาคุมทีหลัง มันจะยาก ซึ่งที่ผ่านมาทางภาครัฐพยายามทำให้เด็กเหล่านี้ใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์ ซึ่งก็ต้องใจเย็นๆ และทุกสังคมก็จะมีปัญหาแบบนี้ ไม่ใช่แค่สังคมไทย ต้องดูว่าทำอย่างไรจะให้เขาใช้พลังไปในทางบวกได้
" คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตาม ม.44 ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมดหรอก แค่กำชับได้นิดหน่อย และถ้าจะใช้ไม้แข็งกับเด็กเหล่านี้ ก็ต้องดูเหมือนกัน เพราะอาจจะใช้ได้แค่ชั่วคราว หรืออาจจะมีแรงสะท้อน หรือแรงต้านกลับมาก็ได้" รองนายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะนำเด็กเหล่านี้มาอบรม น่าจะทำให้ดีขึ้นหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า หากเป็นเด็กที่ต้องคดี ก็คงจำเป็น