ตำรวจ สน.วิภาวดี 71 ผู้ต้องหาซิ่งจักรยานยนต์ส่งศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อยื่นฟ้องและมีคำพิพากษา
ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (10 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วิภาวดี และทหาร ได้นำตัวผู้ต้องหาคดีเด็กแว้นจำนวน 71 คน กรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลังได้ปิดล้อมจับกุมกลุ่มผู้ขับขี่จักรยานยนต์จำนวนหลายร้อยคนพร้อมรถที่มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณถ.วิภาวดีฯ ฝั่งขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ที่อ้างว่าได้นัดหมายรวมตัวกันเพื่อไปทำกิจกรรมเกี่ยวกับการกุศลและท่องเที่ยวที่ จ.นครนายก ไม่มีเจตนาจะสร้างความเดือดร้อนหรือก่อให้เกิดความรำคาญ
โดยวันนี้ผู้ต้องหาที่มีอายุกว่า 18 ปี จำนวน 71 คน ถูกนำตัวขึ้นรถโดยสารประจำทางสาย 3 รวม 2 คัน เดินทางมายังศาลเพื่อให้พนักงานอัยการคดีศาลแขวงพระนครเหนือยื่นฟ้องต่อศาล ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 39 คนนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ไม่สวมหมวกนิรภัย (กันน็อก) อุปกรณ์จักรยานยนต์ไม่ครบถ้วน ทั้งนี้โทษของการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(8) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ คาดว่าศาลจะมีคำพิพากษาได้ในช่วงบ่าย เนื่องจากต้องรอให้พนักงานอัยการดำเนินการยื่นฟ้องและต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากมีผู้ต้องหาจำนวนมาก
ขณะที่นายวิเชษฐ์ หว่านพืช อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 (รัชดา) กล่าวว่า คดีนี้ให้เจ้าหน้าที่อัยการไปยื่นฟ้องผู้ต้องหากว่า 70 รายต่อศาล เมื่อเวลา 15.00 น. โดยแยกฟ้องผู้ต้องหาแต่ละราย เนื่องจากกระทำความผิดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ต้องหากระทำผิดข้อหาอื่นๆ เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ หรือมีใบอนุญาตแต่ไม่ได้นำติดตัวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่, ขับรถโดยไม่มีใบเสียภาษี ส่วนจักรยานยนต์บางคันที่ไม่มีทะเบียนก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งยึดของกลางด้วย ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ตำรวจนำตัวมาฟ้องเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ทั้งหมด ไม่ได้ฟ้องคนซ้อนท้าย เนื่องจากตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาแข่งจักรยานยนต์บนทางสาธารณะแต่อย่างใด
ต่อมาที่ห้องเวรชี้ ศาลแขวงพระนครเหนือ เวลาประมาณ 17.00 น.ศาลได้พิเคราะห์คำฟ้องแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องที่พนักงานอัยการศาลแขวงพระนครเหนือ จึงมีคำพิพากษาว่า พวกจำเลยกระทำผิดฐานขี่ จยย.อันก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สิน ขับขี่ จยย.โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและขับขี่ จยย.โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่จากนายทะเบียน ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ กรณีเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่พวกจำเลยได้ขี่จยย. ไปตาม ถ.วิภาวดี ขาออก เต็มพื้นที่เป็นกลุ่มใหญ่ เร่งเครื่อง ส่งเสียงดังรำคาญ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทาง และแก่บุคคลทั่วไป
ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน ปรับคนละตั้งแต่ 500–3,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาและให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ภายหลังฟังคำพิพากษา บรรดา พ่อแม่ ผู้ปกครองของกลุ่มนักซิ่ง ได้นำเงินมาจ่ายค่าปรับแล้วรับบุตรหลานกลับบ้าน แต่มีผู้ปกครองหลายรายได้โอดครวญ เนื่องจากรถ จักรยานยนต์บางคันที่ถูกยึดเป็นรถใหม่ที่ลูกเอาไปใช้