xs
xsm
sm
md
lg

เยาวชนทวงกม.ห้ามขายเหล้า 300ม.รอบสถาบันการศึกษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มเยาวชนฯทวง กฎหมายห้ามขายเหล้าในรัศมี 300 เมตรรอบสถาบันการศึกษา วอนรัฐอย่าเกรงใจทุนน้ำเมา

เมื่อเวลา13.00 น. วานนี้ (3 ก.ค.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งสำนักงานก.พ.) นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ นำนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ อาทิ ม.รามคำแหง ม.ราชพฤกษ์ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ม.หอการค้าไทย มรฎ.จันทรเกษม มรฎ.สวนดุสิต และโรงเรียนมัธยมวัดมกุฎกษัตริย์ กว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือถึง นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยมีนายสาธิต สุทธิเสริม เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานมวลชน เป็นตัวแทนรับหนังสือ เพื่อทวงถามความคืบหน้า กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัย และสถาบันอาชีวะรัศมี 300 เมตร เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามไปแล้ว แต่ยังไม่ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงไม่มีผลบังคับใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการชุมนุม ทางเครือข่ายฯได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ชื่อชุด“ช่วยหนูด้วย”โดยนำกล่องติดข้อความร้านเหล้า ผับ บาร์ จำนวนมาก มาวางทับร่างนักเรียนนักศึกษาที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ

นายธีรภัทร์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รอบมหาวิทยาลัย และอาชีวศึกษา ทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ ในรัศมี 300 เมตร และต่อมานายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในประกาศฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 ก.ค. จนกระทั่งมีกระแสข่าวปรากฏทางสื่อมวลชนว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่มีการประกาศใช้ หรืออาจจะมีการทบทวนแก้ไข ซึ่งในเรื่องนี้เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อรัฐบาล และคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดังต่อไปนี้

1. เครือข่ายฯยังเชื่อมั่นในความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเด็กและเยาวชน และขอให้กำลังใจในการทำงานของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับนิด้าโพลล์ที่ระบุว่าประชาชนกว่า 90% สนับสนุน รัฐบาลจึง ไม่ควรหวั่นไหวกับอิทธิพลของกลุ่มผู้เสียประโยชน์ รวมถึงบรรดานายทุนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แสดงจุดยืนคัดค้านมาตรการนี้โดยตลอด และไม่เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะถูกทำแท้งในมือของรัฐบาลตามที่ปรากฏเป็นข่าว

2. แม้กฎหมายฉบับนี้จะลงนามแล้วโดยนายกรัฐมนตรี แต่ระหว่างที่ยังไม่ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา จึงเสนอว่าถ้าจำเป็นต้องมีการทบทวนปรับปรุงระยะเวลาในการบังคับใช้กฎหมายนี้ออกไป ให้มากกว่า 30 วัน แต่ทั้งนี้ไม่ควรเกิน 1 ปี โดยเนื้อหาอื่นในกฎหมายให้คงไว้เช่นเดิม เพราะจากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาของผู้ประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจและเห็นปัญหาในการปรับตัว

3. ประกาศฯ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามขายรอบสถานศึกษา 300 เมตร ไม่ขัดแย้งกับ คำสั่งคสช. ที่ 22/2558 ในเรื่องการแก้ปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา แต่จะสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องใช้ดุลยพินิจ ที่อาจแตกต่างกันว่า ใกล้สถานศึกษาคือเท่าใด และทำให้การบังคับใช้ เพื่อปกป้องเยาวชนจริงจังขึ้นในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยอาชีวะ

4. ขอเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.สถานบริการ และพ.ร.บ.สุรา ซึ่งปัจจุบันกฎหมายฉบับนี้จะถูกรวมเป็นประมวลกฎหมายสรรพสามิต อยู่ระหว่างเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ในการปกป้องเด็กและเยาวชนจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของรัฐบาล และเพื่อความยั่งยืนของ คำสั่ง คสช. ที่ 22 /2558 ที่จำเป็นต้องวางหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในทางปฏิบัติไว้ใน พ.ร.บ.ดังกล่าว " หากกฎหมายดังกล่าวถูกสั่งระงับ ไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงน่าเสียดาย เพราะเป็นประเด็นที่เยาวชนส่งเสียงสะท้อนปัญหามากว่า 7 ปี ใน 4 รัฐบาล ซึ่งเราพยายามยื่นข้อมูลสถานการณ์ปัญหาและข้อเสนอแนะอย่างเป็นรูปธรรมมาตลอดทุกรัฐบาล แต่ทำได้แค่สนใจรับฟัง ไม่มีมาตรการใดออกมาให้เห็น เสียงของเด็กและเยาวชนจึงเป็นเสียงที่ผู้ใหญ่รับฟัง แต่ไม่ได้ยิน ไม่ใส่ใจ ทั้งๆที่น้ำเมาทำให้เยาวชน เสียชีวิต เสียอนาคตมากมายแล้ว และทำลายสมองเยาวชน ซึ่งคือสมองของชาติ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ความสูญเสียของเพื่อนนักศึกษาม.รังสิต ทำให้สังคมตื่นตัวและรัฐบาลชุดนี้โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หาแนวทางป้องกันและแก้ไขโดยด่วน อย่างไรก็ตามหวังอย่างยิ่งว่า เด็กและเยาวชนจะได้รับของขวัญชิ้นสำคัญที่รัฐบาลจะมอบให้ในการปกป้องลูกหลานจากภัยน้ำเมา" นายธีรภัทร์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น