**อย่าได้แปลกใจกับอาการที่บรรดาพรรคเพื่อไทย และบรรดาเหล่าสมุนคนรับใช้ ทักษิณ ชินวัตร ต่างออกมาแสดงอาการที่เรียกว่า "ดิ้นกันพล่าน" กับข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยืดเวลาออกไปอีก เพื่อทำการปฏิรูปเรื่องสำคัญให้แล้วเสร็จ"ก่อนเลือกตั้ง" ไม่ว่าจะเสนอสารพัดวิธี เช่น เสนอให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อจะได้มีการยกร่างกันใหม่ ตั้งสภาปฏิรูปฯ ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้รัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีเวลาบริหารบ้านเมือง มีเวลาในการปฏิรูปให้สำเร็จ
แม้ว่าจะต้องแยกออกมาเป็นสองส่วน ทั้งในเรื่องความเหมาะสม และความคุ้มค่ากับการที่ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ และภารกิจปฏิรูป ที่คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกไม่น้อยกว่า 1-2 ปี และกระแสยี้ ที่จะต้องตามมาภายหลัง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ สาเหตุที่ทำให้บรรดาเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ต้องออกโวยวายกับข้อเสนอแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอของ อดีตแกนนำ กปปส. ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างแถลงเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ที่เรียกร้องให้ทำการปฏิรูปให้เสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากทำแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า การเลือกตั้งที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีขึ้นในปลายปีหน้า (ตามโรดแมปเดิม) ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่น้อยกว่า 1-2 ปี ดังกล่าว
แน่นอนว่าสำหรับ พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ย่อมโดนเข้าไปเต็มๆ โดนเข้าไปทั้งนาย ทั้งบ่าว เนื่องจากต้องเข้าใจกันแล้วว่า หากต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ก็มีทางเดียวเท่านั้นคือ ต้องผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งพวกเขายังมั่นใจว่า ยังมีเพียงวิธีการแบบนี้ที่ยังพอมีลุ้น และเชื่อว่าในการเลือกตั้งคราวหน้าหากจะมีขึ้น จะต้องมีการ "ทุ่มสุดตัว" เพราะถ้าได้อำนาจรัฐกลับมาอยู่ในมือ ทุกอย่างยังสามารถพลิกกลับมาได้อีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่ยังค้างคาในศาลสารพัด ยังมีสิทธิ์ลุ้นให้เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงเครือข่ายอำนาจที่อยู่ในรูปแบบข้าราชการในทุกหน่วยงาน ที่กำลังซุ่มซ่อนรอจังหวะกันอยู่จะกลับมาอีกรอบ
** ที่สำคัญคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร กำลังโดนหนัก ทั้งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และคดีอาญาและจะตามมาด้วยคดีแพ่งในกรณีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวไม่น้อยกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปตามขั้นตอนปกติ รับรองว่า "โดนแน่" นี่ว่ากันเฉพาะเรื่องคุกตะราง ยังไม่นับเรื่องอนาคตทางการเมืองที่ต้องถูกปิดตายตลอดชีวิตจาก "คุณสมบัติต้องห้าม" ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ได้เห็นพวกเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ที่ออกอาการดิ้นกันพล่าน เมื่อมีข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืดเวลา"อยู่ต่อ" เพื่อทำภารกิจปฏิรูปให้เสร็จสิ้นเสียก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี ถ้าในมุมมองอีกด้าหนึ่งมันก็มีความเสี่ยงไม่น้อยเหมือนกัน หากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง (1-2 ปี) เพราะเมื่อพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมากว่าหนึ่งปี ต้องบอกตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมกันเลยว่า "ยังไม่น่าประทับใจ" ผิดไปจากความคาดหวังในเรื่องผลงาน เพราะผลที่ออกมาในเวลานี้ไม่ต่างจากลักษณะของรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำในอดีต อีกทั้งฝีมือของรัฐมนตรีหลายคนเริ่มมองออกแล้วว่า มีฝีมืองั้นๆ หรือต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งที่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมสรรพกว่า
ที่สำคัญ ภารกิจปฏิรูปในเรื่องสำคัญกลับไม่มีความชัดเจน แม้จะพยายามอ้างว่าเป็นเรื่องพิจารณาของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยังไม่เสร็จสิ้น แต่ถ้าลองถามใครเวลานี้กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่ที่เห็นชัดก็คือการ "ปฏิรูปตำรวจ" ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นแล้ว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยแสดงท่าทีชัดเจนว่า "ไม่ทำ" โดยอ้างว่าทำไม่ทัน ซึ่งสร้างความผิดหวังกับสังคมที่ตื่นตัว และเรียกร้องให้ดำเนินการเป็นอันดับต้นๆ
ดังนั้นเห็นแนวโน้มแบบนี้มันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันว่าหากให้ต่ออายุออกไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีหลักประกันในเรื่องการปฏิรูปว่าจะสำเร็จหรือไม่มันก็ดูจะไม่คุ้มค่าและเสียเวลาเปล่า อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ก็น่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้มีการประกาศให้ชัดไปเลยว่าจะต้องมีการเรียงลำดับการปฏิรูปเรื่องสำคัญก่อนหลังและใช้เวลากี่เดือนกี่วัน ไม่ใช่ปล่อยให้ล่องลอยเรื่อยเปื่อยแบบนี้
**แม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการยืดเวลาปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็คนละความหมายกับพวกเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร เพราะพวกนั้นเขาคิดจะใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือกลับคืนสู่อำนาจ เพื่อมาฟอกความผิด อย่างไรก็ดี ถ้ามีการรับประกันว่าจะมีการปฏิรูปเรื่องใดบ้าง ต้องทำให้สำเร็จมีการกำหนดระยะเวลาให้ชัดแบบนี้มันก็น่าจะพูดคุยกันได้ !!
แม้ว่าจะต้องแยกออกมาเป็นสองส่วน ทั้งในเรื่องความเหมาะสม และความคุ้มค่ากับการที่ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ และภารกิจปฏิรูป ที่คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกไม่น้อยกว่า 1-2 ปี และกระแสยี้ ที่จะต้องตามมาภายหลัง
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ สาเหตุที่ทำให้บรรดาเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ต้องออกโวยวายกับข้อเสนอแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอของ อดีตแกนนำ กปปส. ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างแถลงเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ที่เรียกร้องให้ทำการปฏิรูปให้เสร็จสิ้นก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากทำแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า การเลือกตั้งที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีขึ้นในปลายปีหน้า (ตามโรดแมปเดิม) ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่น้อยกว่า 1-2 ปี ดังกล่าว
แน่นอนว่าสำหรับ พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ย่อมโดนเข้าไปเต็มๆ โดนเข้าไปทั้งนาย ทั้งบ่าว เนื่องจากต้องเข้าใจกันแล้วว่า หากต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ก็มีทางเดียวเท่านั้นคือ ต้องผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งพวกเขายังมั่นใจว่า ยังมีเพียงวิธีการแบบนี้ที่ยังพอมีลุ้น และเชื่อว่าในการเลือกตั้งคราวหน้าหากจะมีขึ้น จะต้องมีการ "ทุ่มสุดตัว" เพราะถ้าได้อำนาจรัฐกลับมาอยู่ในมือ ทุกอย่างยังสามารถพลิกกลับมาได้อีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่ยังค้างคาในศาลสารพัด ยังมีสิทธิ์ลุ้นให้เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงเครือข่ายอำนาจที่อยู่ในรูปแบบข้าราชการในทุกหน่วยงาน ที่กำลังซุ่มซ่อนรอจังหวะกันอยู่จะกลับมาอีกรอบ
** ที่สำคัญคดีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร กำลังโดนหนัก ทั้งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และคดีอาญาและจะตามมาด้วยคดีแพ่งในกรณีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวไม่น้อยกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งถ้าปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปตามขั้นตอนปกติ รับรองว่า "โดนแน่" นี่ว่ากันเฉพาะเรื่องคุกตะราง ยังไม่นับเรื่องอนาคตทางการเมืองที่ต้องถูกปิดตายตลอดชีวิตจาก "คุณสมบัติต้องห้าม" ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ได้เห็นพวกเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ที่ออกอาการดิ้นกันพล่าน เมื่อมีข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืดเวลา"อยู่ต่อ" เพื่อทำภารกิจปฏิรูปให้เสร็จสิ้นเสียก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี ถ้าในมุมมองอีกด้าหนึ่งมันก็มีความเสี่ยงไม่น้อยเหมือนกัน หากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง (1-2 ปี) เพราะเมื่อพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมากว่าหนึ่งปี ต้องบอกตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมกันเลยว่า "ยังไม่น่าประทับใจ" ผิดไปจากความคาดหวังในเรื่องผลงาน เพราะผลที่ออกมาในเวลานี้ไม่ต่างจากลักษณะของรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำในอดีต อีกทั้งฝีมือของรัฐมนตรีหลายคนเริ่มมองออกแล้วว่า มีฝีมืองั้นๆ หรือต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งที่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมสรรพกว่า
ที่สำคัญ ภารกิจปฏิรูปในเรื่องสำคัญกลับไม่มีความชัดเจน แม้จะพยายามอ้างว่าเป็นเรื่องพิจารณาของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ยังไม่เสร็จสิ้น แต่ถ้าลองถามใครเวลานี้กลับไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่ที่เห็นชัดก็คือการ "ปฏิรูปตำรวจ" ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นแล้ว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยแสดงท่าทีชัดเจนว่า "ไม่ทำ" โดยอ้างว่าทำไม่ทัน ซึ่งสร้างความผิดหวังกับสังคมที่ตื่นตัว และเรียกร้องให้ดำเนินการเป็นอันดับต้นๆ
ดังนั้นเห็นแนวโน้มแบบนี้มันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกันว่าหากให้ต่ออายุออกไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีหลักประกันในเรื่องการปฏิรูปว่าจะสำเร็จหรือไม่มันก็ดูจะไม่คุ้มค่าและเสียเวลาเปล่า อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ก็น่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้มีการประกาศให้ชัดไปเลยว่าจะต้องมีการเรียงลำดับการปฏิรูปเรื่องสำคัญก่อนหลังและใช้เวลากี่เดือนกี่วัน ไม่ใช่ปล่อยให้ล่องลอยเรื่อยเปื่อยแบบนี้
**แม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการยืดเวลาปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็คนละความหมายกับพวกเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร เพราะพวกนั้นเขาคิดจะใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือกลับคืนสู่อำนาจ เพื่อมาฟอกความผิด อย่างไรก็ดี ถ้ามีการรับประกันว่าจะมีการปฏิรูปเรื่องใดบ้าง ต้องทำให้สำเร็จมีการกำหนดระยะเวลาให้ชัดแบบนี้มันก็น่าจะพูดคุยกันได้ !!