ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุเทพ" แถลงเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชน ยันต้องการให้มีการปฏิรูปให้สำเร็จก่อนมีการเลือกตั้ง ระบุการขับเคลื่อนไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ มอบ "กษิต"ประสานงานด้านการต่างประเทศ คอยชี้แจงทำความเข้าใจกรณีเกิดความเข้าใจผิดต่อประเทศไทย คนเพื่อไทยดาหน้าซัด เจตนาลั่นกลองรบ ชี้ทำผิดกฎหมายจนเคยตัว "อ๋อย"ปูดเคลื่อนไหวใกล้โหวตรัฐธรรมนูญ หวังถ่วงเลือกตั้งยืดเยื้อ "ปึ้ง"ซัด "วิษณุ" กบในกะลาก้าวไม่พ้น "ทักษิณ" ด้าน "ไพบูลย์"เสนอปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง ขณะที่ สปช. นัดถกคำถามพ่วงประชามติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (30ก.ค.) ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ห้องพินนาเคิล ชั้น 4 อดีตแกนนำ กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานมูลนิธิฯ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิฯ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ผู้ช่วยเลขานุการฯ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส คณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว "มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" โดยมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วย อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นต้น
นายเอกนัฏ แถลงถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิ กปปส. มี 4 ข้อ ได้แก่ 1.สนับสนุนการศึกษาวิจัย สัมมนา หรือการประชุม รวบรวมความรู้ ความคิดเห็น ในรูปแบบต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 2.ติดตามศึกษารวบรวมและวิเคราะห์รายงานข้อมูล และสถานะของประเทศเป็นระยะ 3.ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ และ4.ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความเป็นกลาง
***พร้อมร่วมมือรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่า มูลนิธิ กปปส.ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ความร่วมมือกับ คสช. และรัฐบาล ในการรักษาความสงบของบ้านเมืองและขับเคลื่อนประเทศไทย โดยที่ผ่านมามูลนิธิ กปปส. ได้ดำเเนินการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการเสียสละเพื่อชาติและแผ่นดินทุกราย จัดเงินทุนให้ลูกกำพร้าทุกครอบครัว นำเงิน 2 ล้านบาท ไปฝากให้เป็นทุนการศึกษา เราไม่ทิ้งกัน โดยเงินทั้งหมดที่นำมาใช้เยียวยาเป็นเงินจากมวลมหาประชาชน ไม่ได้นำงบประมาณแผ่นดินมาใช้
ประการที่สอง ได้มีการรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนตระหนักคุณค่าวัฒนธรรมอันดีของชาติไทย โดยเฉพาะการบวช จัดบรรพชาอุปสมบทหมู่รวม 689 รูป จาก 58 จังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เราเทิดทูนบูชากันทั้งประเทศ
***ชวนประชาชนร่วมเป็นเจ้าของมูลนิธิ
นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่จะดำเนินการต่อจากนี้ไป ตนในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯ จะเริ่มงานทันที เชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้ที่มีอุดมการณ์ความคิดแบบเดียวกับพวกเรา มาร่วมกันเป็นเจ้าของมูลนิธิฯ ที่รักชาติรักแผ่นดิน โดยมูลนิธิฯ ของเราจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พวกตนเป็นกรรมการชุดเริ่มต้น แต่ต่อมาเมื่อมีประชาชนเข้าร่วมครบ 1 ปี ก็จะมีการจัดเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิฯ กันใหม่ โดยระหว่างนี้ เราจะฟังความคิดเห็นว่าจะดำเนินการมูลนิธิฯ อย่างไร เรียกว่าเป็นมูลนิธิฯ ของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพวกตนเพียง 11-12 คน
ทั้งนี้ การเป็นเจ้าของมูลนิธิฯ ไม่ใช่เป็นแต่ในนาม แต่ต้องสมัครใจแสดงความจำนง ทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าฐานะจะแตกต่างกันอย่างไร แต่จะได้มีสิทธิ มีเสียง เหมือนกันเท่ากัน ซึ่งการบริจาคให้มูลนิธิฯ จะเป็นไปตามรายได้ในหนึ่งวันของแต่ละคน บางคนอาจจะ 300 บาท บางคนอาจจะ 3 แสนบาท แต่ทุกคนจะมีเสียงเท่ากัน หากจังหวัดไหนมีสมาชิกเยอะ ก็จะมีการตั้งสาขา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานต่อไป
"เงินของเรามีที่มา ไม่ใช่มูลนิธิฯ ที่เงินมาจากไหนไม่รู้ ไม่ใช่เงินจากต่างประเทศ แต่เป็นเงินของคนไทยรักแผ่นดิน ไม่ต้องสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง มีแต่คนเบื้องหน้า มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน หากต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง เราจะทำ เช่น ต่างประเทศ หรือองค์กรต่างๆ ที่ไม่เข้าใจคนไทย สภาพของประเทศไทย เราก็จะส่งคนของเราไปชี้แจง หากประเทศใดเข้าใจผิด ตัดสินใจใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เราจะส่งตัวแทนไปอธิบายกับรัฐบาล กับสภา และสื่อมวลชน ของประเทศนั้น เราไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใครทั้งสิ้น แต่เรารักประเทศของเรา" นายสุเทพกล่าว
***ใช้โซเซียลเน็ตเวิร์กรวบรวมข้อเสนอ
ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า มูลนิธิฯ จะเป็นศูนย์รวมในการรวบรวมข้อเสนอแนะแนวทางสร้างสรรค์เพื่อการปฏิรูปประเทศ โดยเปิดให้ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น โดยเราจะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เปิดเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อีเมล์ ทุกวันนี้เราไม่สามารถเปิดเวทีพูดคุย ไม่ต้องการเป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะจะไปสร้างความวุ่นวายให้ คสช. เราพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. ที่เป็นกฎหมาย ใครจะมาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ เราอยู่ในประเทศนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศนี้ เราไม่ต้องการให้ใครกล่าวหาว่า คสช. สองมาตรฐาน ยืนยันว่า เราไม่มีผลประโยชน์ในทางการเมือง
สำหัรบแนวทางการปฏิรูปประเทศของเรา จะยึดธรรมของทุกศาสนาเป็นสรณะ อาจารย์พุทธาส กล่าวว่า ทุกศาสนาต้องร่วมมือกัน เพื่อให้รอดพ้นจากความครอบงำของวัตถุนิยม เช่น การปฏิรูปการศึกษา กรรมการมูลนิธิฯ เห็นว่า จะต้องผลักดันให้มีการผลิตคนออกมารับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ไม่เพียงแต่ทางวิชาการ วิชาชีพ แต่ต้องผลิตคนที่มีคุณธรรมออกมา ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ซึ่งมูลนิธิฯ จะดำเนินการ คือ จัดตั้งวิทยาลัยอาชีวะศึกษาภวนาโพธิคุณ ที่เกาะสมุย เป็นวิทยาลัยต้นแบบ ภายใน 12 เดือน โดยจะสอนวิชาชีพ ควบคู่กับการฝึกธรรมะ ทำให้รู้จักพอเพียงไม่ใช้จ่ายเกินตัว และพร้อมจะทำวิทยาลัยแบบนี้กับศาสนาคริสต์ และอิสลาม ต่อไป และหากหน่วยงานใด หรือรัฐบาลเห็นด้วย เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ
"อีกตัวอย่าง คือ สร้างชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยเราเลือกเกาะพะลวย หนึ่งในหมู่เกาะอ่างทอง มีประชาชน 200 ครอบครัว มีการทำอาชีพหลากหลาย เราจะทำเกาะนี้ ให้เป็นชุมชนต้นแบบ ทุกคนอยู่ด้วยความรักสามัคคี มีความสุขตามหลักพอเพียง" ประธานมูลนิธิฯ กล่าว
จากนั้นนายสุเทพ เปิดให้สื่อมวลชนซักถาม โดยกำชับว่า อย่าถามเรื่องนอกเหนือจากมูลนิธิมวลมหาประชาชน
***ยันต้องปฏิรูปให้จบก่อนมีเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า หากการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ตรงกับแนวทางของมูลนิธิฯ การเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า พวกเราสืบทอดเจตนารมย์ของมวลมหาประชาชน เราต้องการเห็นรัฐบาลนี้ปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ก่อนมีการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นว่าต้องใช้เวลาเท่าไร ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ คงตระหนักได้ว่า ประชาชนคาดหวังอะไร ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไร เราอยากเห็นท่านทำสำเร็จ แต่หากเห็นว่าท่านผลักดันไปในแนวทางไม่ถูกต้อง เราก็ต้องเสนอความเห็นไปยังท่าน เราจะไม่เดินขบวนไป แต่เราจะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสืออย่างเรียบร้อย
เมื่อถามว่า หากต้องทำประชามติรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ ต้องให้ประชาชนว่ากันเอง
***การทำงานไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์
เมื่อถามถึง การขับเคลื่อนของมูลนิธิฯ เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ และขอยืนยันว่า ไม่กลับไปเป็นนักการเมือง ไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ และต่อจากนี้แนวคิดของมูลนิธิฯ อาจไม่ตรงกับพรรคประชาธิปปัตย์ ฉะนั้นอย่าเคลือบแคลง แต่สมาชิกมูลนิธิฯ จะชอบพรรคไหน ก็เป็นสิทธิ
เมื่อถามว่า มองการบริหารงานของรัฐบาล เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า มวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้แม่น้ำหลายสายกำลังทำงานอยู่ เราขอไม่วิจารณ์ งานเขายังไม่เสร็จ แต่เมื่อไรหากมีความเห็นต่าง ก็จะยื่นหนังสือไป ซึ่งที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของ กปปส. ไม่เคยพูดเรื่องเวลา ไม่มีกรอบ เรานึกถึงผลสำเร็จเป็นสำคัญ ว่า ต้องปฏิรูปให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง เพราะมิเช่นนั้น เราจะได้นักการเมืองแบบเก่าเข้ามาอีก
***เผย"สุเทพ"พ้นสมาชิก ปชป. แล้ว
ภายหลังจากการแถลงข่าว นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวว่า ขณะนี้กรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีเพียงคนเดียว คือ นายสุเทพ ขณะที่กรรมการคนอื่นที่อุปสมบท ได้แก่ นายวิทยา แก้วภราดัย , นายอิสสระ สมชัย , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ ถือว่าพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพโดยอัตโนมัติ ส่วนกรรมการมูลนิธิฯ ที่ไมได้อุปสมบ ถือว่ายังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เนื่องจากยังไม่ได้ลาออก
***"กษิต"รับช่วยงานชี้แจงต่างชาติ
นายกษิต ภิรมย์ คณะทำงานของมูลนิธิฯ กล่าวว่า นายสุเทพ เป็นผู้ทาบทามให้ตนเข้าร่วมขับเคลื่อนงานของมูลนิธิฯ ในด้านการต่างประเทศ โดยภารกิจแรกของการขับเคลื่อน ตนยังให้รายละเอียดไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากต้องหารือกับคณะทำงานก่อน แต่มีกรอบการทำงาน คือ จะนำเสนอประเด็นปฏิรูป หรือแผนการพัฒนาในประเด็นต่างๆ เช่น แรงงานไทย , แรงงานต่างด้าว และกรณีปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นต้น แต่จะไม่เข้าไปแทรกแซงงานของข้าราชการประจำ หรือทำในส่วนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เนื่องจากมูลนิธิฯ ไม่ใช่กลไกที่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาล และ คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงข่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยมีทหารที่ คสช. ส่งมาสังเกตการณ์จากสังกัด พล.ม.2 จำนวน 13 นาย นำโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพร และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 20 นาย จาก สน.ปทุมวัน เข้าร่วมสังเกตุการณ์ในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
*** มึนวัตถุประสงค์มูลนิธิ กปปส.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยที่นำโดยนายสุเทพ เพื่อสานต่อภารกิจปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า เวลานี้สังคมไทยเกิดความสับสนหาหลักยึดไม่ได้ กรณีนี้ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความสับสนของสังคมไทยยุคนี้ ต้องนิยามความเห็นเรื่องการเมืองใหม่ว่าเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับการเมืองแค่ไหนที่จะกระทำมิได้ตามเงื่อนไขข้อบังคับของ คสช. หรือว่าขึ้นอยู่กับหน้าตาหล่อๆ ดำๆ แบบ กปปส. จะทำอะไรก็ได้ พวกเราต้องไปศึกษาระเบียบของมูลนิธิใหม่ที่แถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องการปฏิรูป ไม่ใช่เรื่องการเมือง
*** “อ๋อย”เหน็บทำอะไรผิดกม.จนเคยตัว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า คงไม่วิจารณ์อะไรคุณสุเทพมาก เพราะมักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่ถ้าพูดในแง่บ้านเมืองแล้ว ขณะนี้ไม่รู้ว่าเมื่อนายสุเทพมีความคงเส้นคงวาในเรื่องการเมืองแล้ว จะมีความคงเส้นคงวาในวิธีการเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ ถ้าคงเส้นคงวาวิธีการเคลื่อนไหว หมายความว่าอาจจะทำให้อะไรที่ขัดต่อกฎหมายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะมีภูมิต้านทานต่อกฎหมายสูง ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของคสช.ที่ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนายสุเทพเรื่อยมา จะต้องไปพิจารณาหาทางดูแล หากจะเป็นปัญหาในอนาคต
** เชื่อเคลื่อนไหวช่วงใกล้โหวตรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองถึงสาเหตุที่นายสุเทพ เลือกออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้อย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ถ้าจะดูจากสถานการณ์ในขณะนี้ มันเป็นช่วงใกล้เวลาที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็หมายถึงถ้าผ่านต้องนำไปสู่การลงประชามติ แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะทำให้ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมกับนายสุเทพที่ต้องการให้ปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้งนั้น อาจหมายถึงการทำให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปก็ได้ เพราะฉะนั้น ในช่วงนี้สิ่งที่น่าติดตามจริงๆ อาจเป็นเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สุดท้ายแล้วจะไม่มีการแก้ไขอะไรให้แตกต่างจากต้นร่าง และจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ทำให้บ้านเมืองจมปลักกับความขัดแย้ง ความไร้เสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ และจะทำให้คนทั้งประเทศเสียโอกาสอย่างมาก ถ้าหากปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ออกมา บ้านเมืองก็จะเสียหายอย่างนี้ไปอีกนาน
** “เหวง” ชี้เจตนาลั่นกลองรบชัดเจน
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การประกาศเปิดตัวมูลนิธิของสุเทพ ไม่ต่างอะไรกับการกระหน่ำรัวตีกลองศึก ว่าต่อไปนี้มวลมหาประชาชน กปปส.จะขับเคลื่อนทัพการเมืองรุดไปข้างหน้าเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งให้ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเคลื่อนไหวอันซ่อนเร้นอำพรางของ กปปส.ภายใต้การอำนวยการของนายสุเทพกันต่อไป เพราะที่บอกว่าไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง เป็นเรื่องหลงละเมอเพ้อพก เพราะปฏิรูปทางการเมืองของสุเทพ มีใครเห็นด้วยกี่คน คนที่ไม่เห็นด้วยก็ก่อรูปเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับนายสุเทพ ตั้งแต่นายสุเทพประกาศตั้งมูลนิธิแล้ว
*** หวด“วิษณุ”กบในกะลาก้าวไม่พ้นทักษิณ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เสนอให้คำปรึกษารัฐบาลด้านเศรษฐกิจ โดยบอกว่าแค่ไม่พูดให้ร้ายประเทศก็พอแล้วนั้นว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก้าวข้ามทุกอย่างหมดแล้ว พร้อมให้อภัยไม่ยึดติดอดีต และมองไปยังอนาคต สิ่งใดช่วยเหลือประเทศได้ก็พร้อมจะช่วย แต่ยังมีคนไม่น้อยตีความแบบผิดๆ เอาอคติตนเองเป็นที่ตั้ง จิตใจหมกมุ่น ก้าวไม่พ้น ปล่อยวางไม่ได้ พวกนี้เรียกว่าเหล่ากบในกะลา
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายวิษณุด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอดีตนายกฯ คนไหนคิดทำร้ายประเทศ ไปด่าประเทศตัวเองให้คนต่างชาติฟัง แบบนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นถามว่าคนฟังจะคิดอย่างไร เราไปอยู่บ้านเขาแล้วด่าประเทศตัวเอง พอลับหลังแล้วจะไม่ด่าประเทศเขาหรือ ฉะนั้นจึงไม่อยากให้นายวิษณุคิดอย่างนั้น แต่ถ้าจะคิดจริงๆ ก็เป็นเรื่องของนายวิษณุ
***ซัด“บิ๊กตู่”เด็กน้อยทำเป็นลืมชื่อ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าทีกลบเกลื่อนว่าลืมชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ดูเหมือนเด็กๆ ตนมองว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมของเด็กมากกว่า ไม่ควรเป็นของผู้นำประเทศ
*** "ไพบูลย์"ชงปฏิรูป 2 ปี ก่อนเลือกตั้ง
นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ ออกมาย้ำเรื่องต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า ขณะนี้มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการเรื่องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับนายสุเทพ แต่แนวทางดังกล่าว มีความสอดคล้องกันแนวทางของตน ซึ่งการปฏิรูปถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้อง และสอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยเรื่องดังกล่าวถือเป็นงานหลักของ สปช. ตนในฐานะที่เป็น สปช. กำลังศึกษาข้อมูล เพื่อเสนอเป็นคำถามเพื่อนำไปทำประชามติ โดยจะถามประชาชน ว่า ควรจะให้มีการดำเนินการปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เข้าสู่ที่ประชุม สปช. พิจารณาในสัปดาห์หน้าต่อไป
***หารือกำหนดคำถามประกอบทำประชามติ
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวว่า วันที่ 6 ส.ค.นี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ได้นัดประชุมวิปสปช. เพื่อพิจารณาในวาระสำคัญ คือ การกำหนดแนวทางการหารือของ สปช. ต่อประเด็นการกำหนดคำถาม จำนวน 1 คำถาม ประกอบการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้สิทธิ สปช. สามารถตั้งคำถามเพื่อนำไปทำประชามติได้ เบื้องต้นคาดว่า หลังจากงานส่งมอบพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศ ในวันที่ 13 ส.ค. แล้ว สปช. จะมีการนัดประชุมเพื่อหามติร่วมกันว่า สปช. จะร่วมส่งคำถามเพื่อนำไปสู่การทำประชามติหรือไม่ ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบด้วย จะมีการนัดประชุมอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันเดียวกันกับที่มีการลงมติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญที่ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่งให้ สปช.พิจารณา เพื่อให้เสนอคำถามและให้สมาชิก สปช. ลงมติตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (30ก.ค.) ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ห้องพินนาเคิล ชั้น 4 อดีตแกนนำ กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานมูลนิธิฯ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการมูลนิธิฯ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ผู้ช่วยเลขานุการฯ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส คณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว "มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" โดยมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วย อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นต้น
นายเอกนัฏ แถลงถึงวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิ กปปส. มี 4 ข้อ ได้แก่ 1.สนับสนุนการศึกษาวิจัย สัมมนา หรือการประชุม รวบรวมความรู้ ความคิดเห็น ในรูปแบบต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 2.ติดตามศึกษารวบรวมและวิเคราะห์รายงานข้อมูล และสถานะของประเทศเป็นระยะ 3.ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ และ4.ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความเป็นกลาง
***พร้อมร่วมมือรัฐบาลขับเคลื่อนประเทศ
นายสุเทพ กล่าวว่า มูลนิธิ กปปส.ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ความร่วมมือกับ คสช. และรัฐบาล ในการรักษาความสงบของบ้านเมืองและขับเคลื่อนประเทศไทย โดยที่ผ่านมามูลนิธิ กปปส. ได้ดำเเนินการดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการเสียสละเพื่อชาติและแผ่นดินทุกราย จัดเงินทุนให้ลูกกำพร้าทุกครอบครัว นำเงิน 2 ล้านบาท ไปฝากให้เป็นทุนการศึกษา เราไม่ทิ้งกัน โดยเงินทั้งหมดที่นำมาใช้เยียวยาเป็นเงินจากมวลมหาประชาชน ไม่ได้นำงบประมาณแผ่นดินมาใช้
ประการที่สอง ได้มีการรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนตระหนักคุณค่าวัฒนธรรมอันดีของชาติไทย โดยเฉพาะการบวช จัดบรรพชาอุปสมบทหมู่รวม 689 รูป จาก 58 จังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เราเทิดทูนบูชากันทั้งประเทศ
***ชวนประชาชนร่วมเป็นเจ้าของมูลนิธิ
นายสุเทพกล่าวว่า สิ่งที่จะดำเนินการต่อจากนี้ไป ตนในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯ จะเริ่มงานทันที เชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้ที่มีอุดมการณ์ความคิดแบบเดียวกับพวกเรา มาร่วมกันเป็นเจ้าของมูลนิธิฯ ที่รักชาติรักแผ่นดิน โดยมูลนิธิฯ ของเราจะดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พวกตนเป็นกรรมการชุดเริ่มต้น แต่ต่อมาเมื่อมีประชาชนเข้าร่วมครบ 1 ปี ก็จะมีการจัดเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิฯ กันใหม่ โดยระหว่างนี้ เราจะฟังความคิดเห็นว่าจะดำเนินการมูลนิธิฯ อย่างไร เรียกว่าเป็นมูลนิธิฯ ของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพวกตนเพียง 11-12 คน
ทั้งนี้ การเป็นเจ้าของมูลนิธิฯ ไม่ใช่เป็นแต่ในนาม แต่ต้องสมัครใจแสดงความจำนง ทุกคนที่เข้ามาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าฐานะจะแตกต่างกันอย่างไร แต่จะได้มีสิทธิ มีเสียง เหมือนกันเท่ากัน ซึ่งการบริจาคให้มูลนิธิฯ จะเป็นไปตามรายได้ในหนึ่งวันของแต่ละคน บางคนอาจจะ 300 บาท บางคนอาจจะ 3 แสนบาท แต่ทุกคนจะมีเสียงเท่ากัน หากจังหวัดไหนมีสมาชิกเยอะ ก็จะมีการตั้งสาขา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานต่อไป
"เงินของเรามีที่มา ไม่ใช่มูลนิธิฯ ที่เงินมาจากไหนไม่รู้ ไม่ใช่เงินจากต่างประเทศ แต่เป็นเงินของคนไทยรักแผ่นดิน ไม่ต้องสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลัง มีแต่คนเบื้องหน้า มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน หากต้องมีการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง เราจะทำ เช่น ต่างประเทศ หรือองค์กรต่างๆ ที่ไม่เข้าใจคนไทย สภาพของประเทศไทย เราก็จะส่งคนของเราไปชี้แจง หากประเทศใดเข้าใจผิด ตัดสินใจใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เราจะส่งตัวแทนไปอธิบายกับรัฐบาล กับสภา และสื่อมวลชน ของประเทศนั้น เราไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใครทั้งสิ้น แต่เรารักประเทศของเรา" นายสุเทพกล่าว
***ใช้โซเซียลเน็ตเวิร์กรวบรวมข้อเสนอ
ประธานมูลนิธิฯ กล่าวว่า มูลนิธิฯ จะเป็นศูนย์รวมในการรวบรวมข้อเสนอแนะแนวทางสร้างสรรค์เพื่อการปฏิรูปประเทศ โดยเปิดให้ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น โดยเราจะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เปิดเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อีเมล์ ทุกวันนี้เราไม่สามารถเปิดเวทีพูดคุย ไม่ต้องการเป็นอภิสิทธิ์ชน เพราะจะไปสร้างความวุ่นวายให้ คสช. เราพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. ที่เป็นกฎหมาย ใครจะมาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ เราอยู่ในประเทศนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศนี้ เราไม่ต้องการให้ใครกล่าวหาว่า คสช. สองมาตรฐาน ยืนยันว่า เราไม่มีผลประโยชน์ในทางการเมือง
สำหัรบแนวทางการปฏิรูปประเทศของเรา จะยึดธรรมของทุกศาสนาเป็นสรณะ อาจารย์พุทธาส กล่าวว่า ทุกศาสนาต้องร่วมมือกัน เพื่อให้รอดพ้นจากความครอบงำของวัตถุนิยม เช่น การปฏิรูปการศึกษา กรรมการมูลนิธิฯ เห็นว่า จะต้องผลักดันให้มีการผลิตคนออกมารับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ไม่เพียงแต่ทางวิชาการ วิชาชีพ แต่ต้องผลิตคนที่มีคุณธรรมออกมา ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม ซึ่งมูลนิธิฯ จะดำเนินการ คือ จัดตั้งวิทยาลัยอาชีวะศึกษาภวนาโพธิคุณ ที่เกาะสมุย เป็นวิทยาลัยต้นแบบ ภายใน 12 เดือน โดยจะสอนวิชาชีพ ควบคู่กับการฝึกธรรมะ ทำให้รู้จักพอเพียงไม่ใช้จ่ายเกินตัว และพร้อมจะทำวิทยาลัยแบบนี้กับศาสนาคริสต์ และอิสลาม ต่อไป และหากหน่วยงานใด หรือรัฐบาลเห็นด้วย เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ
"อีกตัวอย่าง คือ สร้างชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยเราเลือกเกาะพะลวย หนึ่งในหมู่เกาะอ่างทอง มีประชาชน 200 ครอบครัว มีการทำอาชีพหลากหลาย เราจะทำเกาะนี้ ให้เป็นชุมชนต้นแบบ ทุกคนอยู่ด้วยความรักสามัคคี มีความสุขตามหลักพอเพียง" ประธานมูลนิธิฯ กล่าว
จากนั้นนายสุเทพ เปิดให้สื่อมวลชนซักถาม โดยกำชับว่า อย่าถามเรื่องนอกเหนือจากมูลนิธิมวลมหาประชาชน
***ยันต้องปฏิรูปให้จบก่อนมีเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า หากการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ตรงกับแนวทางของมูลนิธิฯ การเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า พวกเราสืบทอดเจตนารมย์ของมวลมหาประชาชน เราต้องการเห็นรัฐบาลนี้ปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ก่อนมีการเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นว่าต้องใช้เวลาเท่าไร ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ คงตระหนักได้ว่า ประชาชนคาดหวังอะไร ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไร เราอยากเห็นท่านทำสำเร็จ แต่หากเห็นว่าท่านผลักดันไปในแนวทางไม่ถูกต้อง เราก็ต้องเสนอความเห็นไปยังท่าน เราจะไม่เดินขบวนไป แต่เราจะส่งตัวแทนไปยื่นหนังสืออย่างเรียบร้อย
เมื่อถามว่า หากต้องทำประชามติรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ ต้องให้ประชาชนว่ากันเอง
***การทำงานไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์
เมื่อถามถึง การขับเคลื่อนของมูลนิธิฯ เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ และขอยืนยันว่า ไม่กลับไปเป็นนักการเมือง ไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ และต่อจากนี้แนวคิดของมูลนิธิฯ อาจไม่ตรงกับพรรคประชาธิปปัตย์ ฉะนั้นอย่าเคลือบแคลง แต่สมาชิกมูลนิธิฯ จะชอบพรรคไหน ก็เป็นสิทธิ
เมื่อถามว่า มองการบริหารงานของรัฐบาล เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า มวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้แม่น้ำหลายสายกำลังทำงานอยู่ เราขอไม่วิจารณ์ งานเขายังไม่เสร็จ แต่เมื่อไรหากมีความเห็นต่าง ก็จะยื่นหนังสือไป ซึ่งที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของ กปปส. ไม่เคยพูดเรื่องเวลา ไม่มีกรอบ เรานึกถึงผลสำเร็จเป็นสำคัญ ว่า ต้องปฏิรูปให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง เพราะมิเช่นนั้น เราจะได้นักการเมืองแบบเก่าเข้ามาอีก
***เผย"สุเทพ"พ้นสมาชิก ปชป. แล้ว
ภายหลังจากการแถลงข่าว นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวว่า ขณะนี้กรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีเพียงคนเดียว คือ นายสุเทพ ขณะที่กรรมการคนอื่นที่อุปสมบท ได้แก่ นายวิทยา แก้วภราดัย , นายอิสสระ สมชัย , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ ถือว่าพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพโดยอัตโนมัติ ส่วนกรรมการมูลนิธิฯ ที่ไมได้อุปสมบ ถือว่ายังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เนื่องจากยังไม่ได้ลาออก
***"กษิต"รับช่วยงานชี้แจงต่างชาติ
นายกษิต ภิรมย์ คณะทำงานของมูลนิธิฯ กล่าวว่า นายสุเทพ เป็นผู้ทาบทามให้ตนเข้าร่วมขับเคลื่อนงานของมูลนิธิฯ ในด้านการต่างประเทศ โดยภารกิจแรกของการขับเคลื่อน ตนยังให้รายละเอียดไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากต้องหารือกับคณะทำงานก่อน แต่มีกรอบการทำงาน คือ จะนำเสนอประเด็นปฏิรูป หรือแผนการพัฒนาในประเด็นต่างๆ เช่น แรงงานไทย , แรงงานต่างด้าว และกรณีปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นต้น แต่จะไม่เข้าไปแทรกแซงงานของข้าราชการประจำ หรือทำในส่วนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เนื่องจากมูลนิธิฯ ไม่ใช่กลไกที่อยู่ภายใต้อาณัติของรัฐบาล และ คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงข่าวเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยมีทหารที่ คสช. ส่งมาสังเกตการณ์จากสังกัด พล.ม.2 จำนวน 13 นาย นำโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพร และยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวน 20 นาย จาก สน.ปทุมวัน เข้าร่วมสังเกตุการณ์ในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
*** มึนวัตถุประสงค์มูลนิธิ กปปส.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยที่นำโดยนายสุเทพ เพื่อสานต่อภารกิจปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า เวลานี้สังคมไทยเกิดความสับสนหาหลักยึดไม่ได้ กรณีนี้ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความสับสนของสังคมไทยยุคนี้ ต้องนิยามความเห็นเรื่องการเมืองใหม่ว่าเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับการเมืองแค่ไหนที่จะกระทำมิได้ตามเงื่อนไขข้อบังคับของ คสช. หรือว่าขึ้นอยู่กับหน้าตาหล่อๆ ดำๆ แบบ กปปส. จะทำอะไรก็ได้ พวกเราต้องไปศึกษาระเบียบของมูลนิธิใหม่ที่แถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องการปฏิรูป ไม่ใช่เรื่องการเมือง
*** “อ๋อย”เหน็บทำอะไรผิดกม.จนเคยตัว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า คงไม่วิจารณ์อะไรคุณสุเทพมาก เพราะมักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่ถ้าพูดในแง่บ้านเมืองแล้ว ขณะนี้ไม่รู้ว่าเมื่อนายสุเทพมีความคงเส้นคงวาในเรื่องการเมืองแล้ว จะมีความคงเส้นคงวาในวิธีการเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ ถ้าคงเส้นคงวาวิธีการเคลื่อนไหว หมายความว่าอาจจะทำให้อะไรที่ขัดต่อกฎหมายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะมีภูมิต้านทานต่อกฎหมายสูง ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของคสช.ที่ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนายสุเทพเรื่อยมา จะต้องไปพิจารณาหาทางดูแล หากจะเป็นปัญหาในอนาคต
** เชื่อเคลื่อนไหวช่วงใกล้โหวตรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองถึงสาเหตุที่นายสุเทพ เลือกออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้อย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ถ้าจะดูจากสถานการณ์ในขณะนี้ มันเป็นช่วงใกล้เวลาที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็หมายถึงถ้าผ่านต้องนำไปสู่การลงประชามติ แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะทำให้ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมกับนายสุเทพที่ต้องการให้ปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้งนั้น อาจหมายถึงการทำให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปก็ได้ เพราะฉะนั้น ในช่วงนี้สิ่งที่น่าติดตามจริงๆ อาจเป็นเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สุดท้ายแล้วจะไม่มีการแก้ไขอะไรให้แตกต่างจากต้นร่าง และจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ทำให้บ้านเมืองจมปลักกับความขัดแย้ง ความไร้เสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ และจะทำให้คนทั้งประเทศเสียโอกาสอย่างมาก ถ้าหากปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ออกมา บ้านเมืองก็จะเสียหายอย่างนี้ไปอีกนาน
** “เหวง” ชี้เจตนาลั่นกลองรบชัดเจน
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การประกาศเปิดตัวมูลนิธิของสุเทพ ไม่ต่างอะไรกับการกระหน่ำรัวตีกลองศึก ว่าต่อไปนี้มวลมหาประชาชน กปปส.จะขับเคลื่อนทัพการเมืองรุดไปข้างหน้าเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งให้ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเคลื่อนไหวอันซ่อนเร้นอำพรางของ กปปส.ภายใต้การอำนวยการของนายสุเทพกันต่อไป เพราะที่บอกว่าไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง เป็นเรื่องหลงละเมอเพ้อพก เพราะปฏิรูปทางการเมืองของสุเทพ มีใครเห็นด้วยกี่คน คนที่ไม่เห็นด้วยก็ก่อรูปเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับนายสุเทพ ตั้งแต่นายสุเทพประกาศตั้งมูลนิธิแล้ว
*** หวด“วิษณุ”กบในกะลาก้าวไม่พ้นทักษิณ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เสนอให้คำปรึกษารัฐบาลด้านเศรษฐกิจ โดยบอกว่าแค่ไม่พูดให้ร้ายประเทศก็พอแล้วนั้นว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก้าวข้ามทุกอย่างหมดแล้ว พร้อมให้อภัยไม่ยึดติดอดีต และมองไปยังอนาคต สิ่งใดช่วยเหลือประเทศได้ก็พร้อมจะช่วย แต่ยังมีคนไม่น้อยตีความแบบผิดๆ เอาอคติตนเองเป็นที่ตั้ง จิตใจหมกมุ่น ก้าวไม่พ้น ปล่อยวางไม่ได้ พวกนี้เรียกว่าเหล่ากบในกะลา
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายวิษณุด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอดีตนายกฯ คนไหนคิดทำร้ายประเทศ ไปด่าประเทศตัวเองให้คนต่างชาติฟัง แบบนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นถามว่าคนฟังจะคิดอย่างไร เราไปอยู่บ้านเขาแล้วด่าประเทศตัวเอง พอลับหลังแล้วจะไม่ด่าประเทศเขาหรือ ฉะนั้นจึงไม่อยากให้นายวิษณุคิดอย่างนั้น แต่ถ้าจะคิดจริงๆ ก็เป็นเรื่องของนายวิษณุ
***ซัด“บิ๊กตู่”เด็กน้อยทำเป็นลืมชื่อ
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าทีกลบเกลื่อนว่าลืมชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ดูเหมือนเด็กๆ ตนมองว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมของเด็กมากกว่า ไม่ควรเป็นของผู้นำประเทศ
*** "ไพบูลย์"ชงปฏิรูป 2 ปี ก่อนเลือกตั้ง
นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ ออกมาย้ำเรื่องต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งว่า ขณะนี้มีความเหมาะสมที่จะดำเนินการเรื่องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับนายสุเทพ แต่แนวทางดังกล่าว มีความสอดคล้องกันแนวทางของตน ซึ่งการปฏิรูปถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้อง และสอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยเรื่องดังกล่าวถือเป็นงานหลักของ สปช. ตนในฐานะที่เป็น สปช. กำลังศึกษาข้อมูล เพื่อเสนอเป็นคำถามเพื่อนำไปทำประชามติ โดยจะถามประชาชน ว่า ควรจะให้มีการดำเนินการปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เข้าสู่ที่ประชุม สปช. พิจารณาในสัปดาห์หน้าต่อไป
***หารือกำหนดคำถามประกอบทำประชามติ
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวว่า วันที่ 6 ส.ค.นี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ได้นัดประชุมวิปสปช. เพื่อพิจารณาในวาระสำคัญ คือ การกำหนดแนวทางการหารือของ สปช. ต่อประเด็นการกำหนดคำถาม จำนวน 1 คำถาม ประกอบการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้สิทธิ สปช. สามารถตั้งคำถามเพื่อนำไปทำประชามติได้ เบื้องต้นคาดว่า หลังจากงานส่งมอบพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศ ในวันที่ 13 ส.ค. แล้ว สปช. จะมีการนัดประชุมเพื่อหามติร่วมกันว่า สปช. จะร่วมส่งคำถามเพื่อนำไปสู่การทำประชามติหรือไม่ ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบด้วย จะมีการนัดประชุมอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันเดียวกันกับที่มีการลงมติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญที่ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่งให้ สปช.พิจารณา เพื่อให้เสนอคำถามและให้สมาชิก สปช. ลงมติตัดสิน