xs
xsm
sm
md
lg

“ภูมิธรรม” ซัด “สุเทพ” ทำสังคมสับสน “อ๋อย” หวังทหารให้กลุ่มอื่นได้สิทธิเท่า “เหวง” ชี้ชัดรัวกลองศึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)
รักษาการเลขาธิการเพื่อไทย ชี้ กรณีเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชน แสดงให้เห็นความสับสนของสังคม ต้องนิยามความเห็นทางการเมืองใหม่ จี้กลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว อ้างอดทนรอเวลาตามโรดแมป ด้าน “จาตุรนต์” หวังกลุ่มอื่นได้สิทธิเท่าเทียม กปปส. ชู “สุเทพ” มุ่งมั่นปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่คนไทยยังเห็นต่างโดยไม่มีวิถีหาข้อยุติ เตือน คสช. ปล่อยจะเจอปัญหาในอนาคต ขณะที่ แกนนำ นปช. บอก รัวกลองศึก แนะเตรียมรับมือการเคลื่อนไหวอำพรางซ่อนเร้น

วันนี้ (30 ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ เพื่อสานต่อภารกิจปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ว่า เวลานี้สังคมไทยเกิดความสับสนหาหลักยึดไม่ได้ กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความสับสนของสังคมไทยยุคนี้ ต้องนิยามความเห็นเรื่องการเมืองใหม่ว่าเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับการเมืองแค่ไหนที่จะกระทำมิได้ตามเงื่อนไขข้อบังคับของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือว่าขึ้นอยู่กับหน้าตาหล่อ ๆ ดำ ๆ แบบ กปปส. จะทำอะไรก็ได้ พวกเราต้องไปศึกษาระเบียบของมูลนิธิใหม่ที่แถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องการปฏิรูป ไม่ใช่เรื่องการเมือง จากนี้เป็นต้นไปทุกฝ่ายคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คงมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกมากมายเกินกว่าจะคาดเดาได้ จากนี้เป็นต้นไปต้องจับตาดูอย่าให้มีเงื่อนไขใด ๆ มากระทบสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าใครก็ตามต้องไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองโดยไม่สนใจประเทศชาติ เพราะปัญหาของประเทศไม่อาจรอได้ และที่สำคัญกว่านั้นทุกข์ของประชาชนที่รอการคลี่คลาย ไม่ควรช้าสักวินาทีเดียว

“วันนี้สิ่งที่ทุกคนต้องคิด คือ ประเทศกำลังแย่ เศรษฐกิจตกต่ำ ต่างชาติไม่ยอมรับ ต้องกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว ตอนนี้ คสช. กำลังทำการปฏิรูป เราก็อดทนเฝ้ารอรอเวลาตามโรดแมปที่วางเอาไว้ ทุกฝ่ายพยายามไม่สร้างเงื่อนไขให้ประเทศเกิดปัญหาและสะดุด เพราะต้องการให้คืนสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ปัญหาของประเทศคลี่คลายและปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไข” นายภูมิธรรม ระบุ

ด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การแถลงข่าวของนายสุเทพ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพอยู่แล้ว ไม่ควรไปตำหนิ คสช. ที่ปล่อยให้มีการแถลง ถ้าจะมีปัญหาก็อยู่ที่การไปห้ามองค์กรหรือกลุ่มอื่นไม่ให้มีการแถลงข่าวในช่วงที่ผ่านมามากกว่า หวังว่า ต่อไปบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่น ควรมีสิทธิเสรีภาพในการแถลงข่าวเช่นเดียวกัน ส่วนการตั้งมูลนิธิก็เป็นสิทธิตามกฎหมายสามารถทำได้ ดูจากวัตถุประสงค์แล้ว หลายเรื่องเป็นงานที่เหมาะสมกับการใช้มูลนิธิทำงาน เพียงแต่ว่ามีบางส่วนที่อาจจะเป็นเรื่องการเมืองได้ ก็จะไม่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยมูลนิธิ แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะไปเคร่งครัดอะไรมาก ตราบใดที่เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ใช้สิทธิเสรีภาพทางหนึ่ง ส่วนเรื่องการปฏิรูปที่บอกว่า จะสนับสนุนให้ปฏิรูปให้สำเร็จก่อนมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไรก็ตาม แสดงให้เห็นถึงความคงเส้นคงวาของนายสุเทพ ซึ่งมีความมุ่งหมายอย่างนี้มาตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร แต่ความมุ่งหมายนี้ ถ้าคนไทยยังเห็นต่างกันอยู่มากเรื่องการปฏิรูป คือ มีทั้งที่เห็นว่าการปฏิรูปที่กำลังทำกันอยู่เป็นเรื่องดี ควรทำให้สำเร็จก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าไม่ควรเรียกว่าการปฏิรูป จะทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อความเห็นที่แตกต่างนี้ สังคมไทยยังไม่มีวิถีการหาข้อยุติโดยสันติให้ได้ก่อน

“ผมคงไม่วิจารณ์อะไรคุณสุเทพมาก เพราะมักจะมีอะไรที่เหนือความคาดหมาย แต่ถ้าพูดในแง่บ้านเมืองแล้ว ขณะนี้ไม่รู้ว่าเมื่อนายสุเทพมีความคงเส้นคงวาในเรื่องการเมืองแล้ว จะมีความคงเส้นคงวาในวิธีการเคลื่อนไหวด้วยหรือไม่ ถ้าคงเส้นคงวาวิธิการเคลื่อนไหว หมายความว่า อาจจะทำให้อะไรที่ขัดต่อกฎหมายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เพราะมีภูมิต้านทานต่อกฎหมายสูง ซึ่งเรื่องนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของ คสช. ที่ใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนายสุเทพ เรื่อยมา จะต้องไปพิจารณาหาทางดูแล หากจะเป็นปัญหาในอนาคต” นายจาตุรนต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองถึงสาเหตุที่นายสุเทพ เลือกออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้อย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ถ้าจะดูจากสถานการณ์ในขณะนี้ มันเป็นช่วงใกล้เวลาที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็หมายถึงถ้าผ่านต้องนำไปสู่การลงประชามติ แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะทำให้ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมกับนายสุเทพที่ต้องการให้ปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง นั้น อาจหมายถึงการทำให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไปก็ได้ เพราะฉะนั้น ในช่วงนี้สิ่งที่น่าติดตามจริง ๆ อาจเป็นเนื้อหาสาระร่างรัฐธรรมนูญ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สุดท้ายแล้วจะไม่มีการแก้ไขอะไรให้แตกต่างจากต้นร่าง และจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ทำให้บ้านเมืองจมปลักกับความขัดแย้ง ความไร้เสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ และจะทำให้คนทั้งประเทศเสียโอกาสอย่างมาก ถ้าหากปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้ออกมา บ้านเมืองก็จะเสียหายอย่างนี้ไปอีกนาน

ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การประกาศเปิดตัวมูลนิธิของสุเทพ ไม่ต่างอะไรกับการกระหน่ำรัวตีกลองศึก ว่า ต่อไปนี้มวลมหาประชาชน กปปส. จะขับเคลื่อนทัพการเมืองรุดไปข้างหน้าเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งให้ได้ ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเคลื่อนไหวอันซ่อนเร้นอำพรางของ กปปส. ภายใต้การอำนวยการของนายสุเทพ กันต่อไป ที่น่าสนใจในการวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ กปปส. คือ ประโยคที่ว่า “แนวทางการทำงานของมูลนิธิ ในการสนับสนุนการปฏิรูปตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนสู่สาธารณชนในการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง เพื่อสานต่อภารกิจผลักดันการปฏิรูปอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยจะไม่มีการสร้างเงื่อนไขใด ๆ ที่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง” ซึ่งส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงแค่เครื่องเคียง สิ่งประดับ ที่ตกแต่งให้ดูเพลิดเพลินเจริญใจเพื่ออำพรางซ่อนเร้นแก่นดังกล่าว

“ที่บอกว่าไม่สร้างความขัดแย้งทางการเมือง เป็นเรื่องหลงละเมอเพ้อพก เพราะปฏิรูปทางการเมืองของสุเทพ มีใครเห็นด้วยกี่คน คนที่ไม่เห็นด้วยก็ก่อรูปเป็นฝ่ายตรงข้าม หรือเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับนายสุเทพ ตั้งแต่นายสุเทพประกาศตั้งมูลนิธิแล้ว” นายเหวง ระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น