xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯลั่นครม.ทหารไม่ได้โง่แม้วเย้ยบอกมาถ้าอยากให้ช่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯ แบะท่าปรับครม. หลังรัฐบาลทำงานครบ 1 ปี ระบุปรับทุกด้าน ดูทุกเหตุผล ทั้งอายุ สุขภาพ ผลงาน แจงแทนเพื่อรัก "พล.อ.ฉัตรชัย" เดินหน้าทำงาน ขอให้ดูที่ผลงาน ลั่นทหารไม่ได้โง่ พูดชัดนักการเมืองยังไม่ต้องมา ซัดอย่าวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล บอกรื้องานเก่าที่รัฐบาลก่อนทำไว้ เจอปัญหาอื้อ "วิษณุ"ชี้ ข่าวปรับครม. ทำรมต.มีชื่อหลุดแตกตื่น พวกแคนดิเดต ดี๊ด๊า เชื่อคำพูดนายกฯในงานแต่งลูก"สมคิด" ไม่มีนัยอะไร "คุณชายอุ๋ย"คอนเฟิร์ม"บิ๊กตู่"ไม่ได้ว่าอะไร หลังมีคลิปตำหนินายกฯไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ "ทักษิณ"บอกยินดีเป็นที่ปรึกษาศก.ให้รัฐบาล "บอกมา ถ้าอยากให้ช่วย"

เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (27 ก.ค.) ที่ตึกสินติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า การปรับครม.จะไม่ทำตามกระแสกดดัน และไม่มีใครสามารถมากดดันได้ จะทำตามวิจารณญาณของตนเอง

"การปรับครม.จะปรับเมื่อระยะเวลาที่เหมาะสม คือเมื่อทำไประยะหนึ่ง แล้วต้องมีระยะต่อไป ที่ต้องต่อเนื่องต้องมีปรับบ้าง แต่ไม่ได้ปรับเพราะมีความผิด หรือเพราะสังคมอะไรต่างๆ เราทำงานด้วยหลักการ สังคมอาจจะไม่ทันใจบ้างผมก็รับฟัง" นายกฯ กล่าว

การันตีผลงานรมว.พาณิชย์

เมื่อถามว่า ผลโพลที่สำรวจออกมาว่าสนับสนุนให้ปรับครม. มีผลในการตัดสินใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า "โพลบอกว่าต้องปรับใคร" โดยผู้สื่อข่าวกล่าวว่า "ตามโพลระบุ ว่าพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ " จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ห๊ะ เขาทำอะไรผิด เพราะว่าเขาเป็นทหาร ต้องเอาออก หรือไม่มีผลงาน หรืออย่างไร

ผู้สื่อข่าวกล่าวตอบว่า อาจเป็นเพราะอยู่กระทรวงพาณิชย์ โดยนายกฯ กล่าวตอบว่า ทุกคนไปมองว่าเศรษฐกิจมันแย่ แต่ไม่ฟังว่าแย่เพราะอะไร เมื่อถึงเวลานั้น เศรษฐกิจก็ต้องโดนทั้งหมด ถามว่าวันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย ไปค้าขายอะไร หรือไม่ ขณะนี้ก็บินไปประเทศแอฟริกา นั่งไปกว่า 20 ชั่วโมง ยังไม่ได้กลับ รู้กันบ้างหรือไม่ ว่าเขาทำงานกันอย่างไร มีใครอยากบินไปแอฟริกาเป็นเวลานานๆ หรือไม่ ที่ผ่านมาเขาทำงานไปขายของเพิ่มขึ้นตั้งเท่าไหร่ ทั้งผลไม้ ที่ขายให้กับญี่ปุ่น หรืออะไรต่างๆ ต้องดูตรงนั้น ดูที่งาน ไม่ใช่บอกว่าเขาไม่สนใจ มีแต่คนไทยที่ไม่ให้เกียรติคนของตัวเอง แล้วมาตีกันเอง ให้ที่แย่อยู่แล้วแย่กว่าเดิม

เมื่อถามต่อว่า จากผลสำรวจพบว่า มี 3 กระทรวง ที่ไม่น่าพอใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถามว่า "สำรวจจากใคร กลุ่มไหน อาชีพอะไร ถ้าแตกต่างกัน ผลสำรวจก็แตกต่างกัน คำตอบก็จะไม่เหมือนกัน ต้องถามว่า สำรวจคนทุกกลุ่มหรือไม่ แต่ตนก็รับฟัง ขณะเดียวกัน ก็รู้ว่า ครม.แต่ละคนทำงานกันอย่างไร"

ลั่นทหารทำงานเป็น ไม่ได้โง่

เมื่อถามย้ำว่า ห้วงเวลานี้สมควรที่จะปรับครม.แล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า "เมื่อใกล้ครบปีก็ต้องดูก่อนว่าสมควรหรือยัง แต่ไม่ใช่ว่าปรับหรือไม่ปรับ เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น ผมว่าเป็นความรู้สึกมากกว่า"

ถามต่อว่า หากปรับครม. จะปรับเฉพาะทีมเศรษฐกิจ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ปรับทุกทีมนั่นแหละ ผมจะดูของผมเอง ทำไมต้องเน้นเศรษฐกิจอย่างเดียว" ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับใหญ่หรือปรับเล็ก นายกฯ กล่าวว่า การปรับครม.ต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียน ดูทุกเหตุผลทั้งสุขภาพ อายุ ยืนยันว่าที่ผ่านมาทุกคนทำงานมาตลอด และเป็นการทำงานในช่วงที่ยากลำบาก ทุกคนเหนื่อย อย่าไปกดดันกันมากนัก"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะปรับครม.ในส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นทหารออก แล้วนำเอามืออาชีพมาทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ทำไม ใครที่เป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมามืออาชีพทำมาตั้งนานแล้ว แล้วได้อะไรขึ้นมาบ้าง ทหารมันโง่นักหรือไง วันนี้ต้องยอมรับว่า ทหารเข้ามาต้องเข้ามา ทหารไม่ได้โง่นักหรอก การทำงานที่ผ่านมาเขาก็ทำกันแบบนี้ ข่าราชการเขาก็ทำงาน ไปถามนักการเมืองด้วยว่าทำกันหรือเปล่า วันนี้สั่งงานทุกเม็ด แต่อยู่ที่ข้าราชการทำได้แค่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่ใครเข้ามามีฝีมือ หรือไม่มีฝีมือ ผมไม่เชื่อตรงนั้น เพราะคิดว่าไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรต่างกัน ใครเข้ามาใหม่ต้องทำแบบนี้ เพียงแต่วันนี้ กระแสการตอบรับประชาชนก็เขียนกันเข้าไป ก็เสียกันทุกคน วันหน้าก็เสียกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรดีสักอย่าง วันหน้าก็ต้องเตรียมรับสถานการณ์ ที่มันแย่แล้วกัน "

ปรับครม.เมื่อรัฐบาลทำงานครบ1ปี

เมื่อถามอีกว่า การปรับครม. จะมีความชัดเจนได้เมื่อไร นายกฯ กล่าวย้อนถามอีกว่า อยากเปลี่ยนใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ไปเลือกตั้งเข้ามาไหม ใครเขาอยากจะมาทำ อยากจะรู้ ไม่มีใครเขาอยากมาหรอก จะชัดเจนเมื่อไหร่ ก็เมื่อครบ 1 ปี นี่หนึ่งปีแล้วหรือยัง หรืออาจจะเร็วกว่านั้น

เมื่อถามว่า 1 ปีที่ผ่านมา มองว่าการทำงานพัฒนาไปเยอะหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพัฒนาไม่เยอะ คงไม่เดินหน้ามาขนาดนี้ วันนี้ทุกคนทำงานกัน ที่ผ่านไม่มีใครไปไล่ในเรื่องการทำงานเท่านี้ ทำกันขนาดนี้ยังได้แค่นี้เลย ถามว่าถ้าสถานการณ์เป็นแบบเดิม สิ่งต่างๆที่แก้จะเป็นแบบนี้หรือไม่ จะดีขึ้นหรือไม่ ส่วนเกรดจะดีขึ้นหรือไม่ไม่รู้ แต่ได้ทำ เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำเลย นี่คือความแตกต่าง วันนี้ลืมกันไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นมา เอาแต่อยากได้ อยากให้เร็ว ถามว่าเศรษฐกิจไม่ดีเพราะอะไร เพราะบริหารไม่เป็นหรือเพราะขายของไม่ได้ ซึ่งเศรษฐกิจโลกก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่าไปโทษเขามาก ต้องโทษตัวเอง ไปโทษคนบริหารเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ว่าเก่งๆ วันนี้ที่แย่เพราะอะไร ทั้งปัจจัยภายนอก ภายใน โรงงานต่างๆ ที่เริ่มล้าสมัย หากินกันมากี่ปี การเมืองเคยมาดูกันหรือไม่ เคยปรับโครงสร้างอะไรให้เข้มแข็งบ้าง หรือดูแต่เฉพาะที่อยากจะดู นี่แหละที่ล้มเหลว ขายของกันแบเดิมๆจะสู้เขาได้ไหม

ความเชื่อมั่นอยู่ที่นายกฯไม่ใช่สมคิด

เมื่อถามว่า ที่นายกฯคิดว่าเศรษฐกิจล้มเหลว แล้วมองว่าใครเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่คน ใครก็ได้ เมื่อถามว่า มีชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช. ด้านเศรษฐกิจ นายกฯ กล่าวว่า ก็มี แต่ตนไม่เคยพูดถึง สื่อไปเขียนกันเองทั้งนั้น แล้วนอกจากนี้ มีใครคนอื่นอีกหรือไม่ เสนอมาสิ จากนั้น สื่อกล่าวว่า คนที่มีชื่อดังสุดตอนนี้คือ นายสมคิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อ๋อเหรอ นี่ไปรับทางโน้นเขามาหรือเปล่า ถ้าเปล่าก็เฉยๆ ตนจะตั้งของตนเอง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่จะให้นายสมคิด เข้ามาเพราะต้องการเรียกความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดังอย่างมีอารมณ์ว่า "เชื่อมั่นผมนี่ เพราะผมเป็นคนทำ ทำไมต้องเชื่อมั่นคนโน้น คนนี้ ผมเป็นหัวหน้า ผมเป็นคนรับผิดชอบ ผมเป็นคนสั่งเขาทำ ถ้าไม่เชื่อมั่น ใครเลย แสดงว่า ไม่เชื่อผมด้วย และถ้าไม่เชื่อผม ผมก็จะทำแบบนี้ "

ยังไม่ถึงเวลาของนักการเมือง

เมื่อถามอีกว่า การปรับครม.ครั้งนี้จะไม่มีข้อจำกัดต้องเป็นคนกลุ่มการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงขึ้นอีกครั้งว่า "ไม่เกี่ยว ไม่สนใจเรื่องนี้ คนที่เป็นนักการเมือง อย่าเพิ่งเข้ามาตอนนี้ ชัดเจน อย่าไปเขียนกันให้เลอะเทอะ เวลาผมทักทายคน ก็ทักทายทั่วไป ไปเขียนกันเป็นเรื่องเป็นราว ว่าจะเอาคนนั้น คนนี้มา จะมารู้ใจผมได้อย่างไร ทุกอย่างผมทำด้วยหลักการ ต้องฟังทั้งหมด ไม่ได้ฟังจากสมองผมคนเดียว คนแนะนำและที่ปรึกษาเยอะไปหมด รัฐมนตรีต้องทำตามที่ผมสั่ง ช้าเร็วว่ามา ถ้าทำช้าต้องหาคนทำเร็วเข้ามา ก็แค่นั้น จะยากอะไร ผมไม่ได้ใช้อารมณ์อธิบายเพียงแต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับมนุษย์เขาหน่อย ถามว่าถ้าเข้ามาใหม่ไม่ดี จะไปโทษใครอีก โทษผมสิคราวนี้ เคยมีหลักการดูบ้าง ถ้าทุกอย่างทำมาแล้วผมไม่ต้องมาทำแบบนี้ เศรษฐกิจคงไม่เลวร้ายขนาดนี้"

เมื่อถามว่า อยากขอร้องให้คนหยุดมองในแง่ร้ายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ขอร้องอะไรทั้งนั้น รักชาติ ก็ทำเพื่อประเทศชาติกันบ้าง ตนไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง จึงไม่ต้องขอใครทั้งนั้น

"รวมถึงนักการเมืองที่มาวิพากษ์วิจารณ์ ถามว่ารู้หรือไม่ว่ารัฐบาลทำงานอย่างไร เศรษฐกิจวันนี้เป็นอย่างไร ผมต้องโทษกลับไปบ้าง เพราะผมมารื้อของเก่า จนเจอว่ามีปัญหาอย่างไร แล้วขณะนี้กำลังแก้ให้ดีขึ้น เราต้องใช้เวลาไม่ใช่เนรมิตให้ดีได้" นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มีเซฟเฮาส์ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า เซฟเฮาส์บ้าอะไร ไม่มี

บิ๊กตู่หลุดพูดถึงคนแดนไกล

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อค่ำวันที่ 25 ก.ค. ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมพิธีฉลองมงคลสมรส ระหว่าง นายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ บุตรชายนายสมคิด-นางอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ กับ น.ส.วณิศรา บุญยะลีพรรณ ลูกสาว นพ.เฉลิมชัย-พญ.สิรินันท์ บุญยะลีพรรณ (เจ้าของคลิป - Nares Pingkarawat)
มีใจความตอนหนึ่งว่า “ผมว่าเราต้องเดินหน้าประเทศไทยให้ได้ เพราะอยากได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้ ไม่อยากได้ยินเสียงที่น่ารำคาญ ผมจึงอยากให้ประเทศไทยมีกติกา และจับมือกันพัฒนาประเทศไทยให้เดินหน้าไปด้วยกัน”

“อยากให้คนรุ่นหลังที่ไปเรียนในเมืองนอกกลับมาพัฒนาประเทศไทย พร้อมฝากให้ตามคนไทยที่เรียนที่เมืองนอกให้กลับมาประเทศไทย แต่พวกที่หนีไปไม่ต้องตามกลับมานะ ถ้าบ้านเมืองไม่สงบ ผมตายไม่ได้ ที่ผมพูดไม่ใช่นักการเมือง แต่พูดจากใจทหารคนหนึ่ง”

อีกคำพูดหนึ่งเผยแพร่ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. โดยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์คลิปวิดีโอ ลงยังเฟซบุ๊ก มีใจความในคลิปตอนหนึ่งว่า

“ปีนี้ผมอายุ 66 แล้ว หมดเวลาเป็นห่วงตัวเอง ชีวิตจะเป็นอย่างไร จะอยู่ที่ไหนทุกข์สุขไม่ใช่เรื่องสำคัญ คิดถึงแต่ลูกหลานเราว่าจะอยู่กันอย่างไร อดีตมันก็คือประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว ย่อมหวนคืนวันไปแก้ไขมันไม่ได้ ควรใช้มันเป็นบทเรียน แต่ก็ไม่ควรไปหมกมุ่น รื้อฟื้นแต่เรื่องราวในอดีต จนลืมทำหน้าที่ตนเองในปัจจุบัน และไม่สร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับอนาคต ปัจจุบัน เป็นสิ่งที่จะต้องผ่านพ้นไป ไม่ควร Enjoy กับมันมากจนเกินไป อนาคต คือสิ่งที่สำคัญ ซึ่งหากเราตั้งเป้า และดำรงความมุ่งหมายที่แน่วแน่ วันที่ฝันซึ่งเราวาดไว้สำเร็จเป็นจริง เมื่อเราหันหลังมองกลับมา มันจะเป็นความภาคภูมิใจ ในทุกสิ่งที่เราได้สร้างเอาไว้ เมื่อปัจจุบันของวันก่อน”

คำพูดในงานแต่งลูกสมคิดไม่มีนัยยะ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับครม.ว่า ด้วยความสัตย์จริง จะปรับหรือไม่ปรับ ตนไม่รู้เรื่องเลย ส่วนที่มีข่าวว่าตนกำลังทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัตินั้น สื่อไปเขียนกันเอาเอง ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวเป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต้องไปถาม นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. อย่างไรก็ตาม การจะตั้ง หรือปรับใคร เป็นเรื่องของนายกฯ จะปรับก็ต้องปรับ ที่ตนบอกว่าข่าวปรับครม. ทำให้รัฐบาลมีแรงกระเพื่อมนั้น เพราะข่าวนี้ออกมา 2 ขยัก คือ จะปรับหรือไม่ปรับยังไม่รู้ สื่อเดากันไปว่าปรับ ซึ่งคงปรับเพราะใครๆก็พูดกัน แต่วันนี้เลยไปขยักที่ 2 คือ ปรับแล้วใครจะมา ใครจะไป ตรงนี้มันไปไกลแล้ว ทำให้การเมืองกระเพื่อม ยุ่งไปหมด คนที่เป็นอยู่ และมีชื่อจะถูกปรับออก ตื่นเต้นตกใจ ส่วนคนที่อยู่ข้างนอก มีข่าวว่าตัวเองจะได้เป็น ก็ตื่นเต้น เลยวุ่นไปหมด เอาเข้าจริง อาจจะจริง ไม่จริงก็ได้ เพราะดูแล้วจำนวนที่มีหน้าสื่อมันมาก ก็มีบางคนจริงและบางคนไม่จริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ไปร่วมงานพิธีมงคลสมรสบุตรชาย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิก คสช. และนายสมคิด ได้ตอบรับตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ตนก็อยู่ในงานนั้น ให้ตนเดาใจ คิดว่าสิ่งที่นายกฯพูดไม่มีอะไร เป็นการพูดธรรมดาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วในใจนายกฯคิดอย่างไร ตนจะไปรู้ได้อย่างไร แต่ให้เดาไม่มีอะไรหรอก นายกฯ ยืนบนเวทีก็ต้องเห็นคนร่วมงานทั้งนั้น และบังเอิญคนเหล่านั้นที่เอ่ยชื่อ นายกฯ ยืนคุยกันด้วยก่อนขึ้นเวที และคำว่า การปรับครม. ขึ้นอยู่กับนายกฯ ไม่ใช่เรื่องที่มาพูดกันเล่นๆ หรือพูดส่งเดช มันเป็นความจริง เลยไม่เข้าใจ จะไปนั่งถามคนอื่นอยู่ทำไม

รองนายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันไม่ใช่รัฐบาลผสม คำว่า อยู่ที่นายกฯ จึงค่อนข้างตรง ซึ่งถ้านายกฯ คิดปรับคงไม่ต้องมาถามตน เพราะไม่มีหน้าที่อะไร นายกฯจะปรับก็ต้องไปคุยกับเลขาธิการครม. เพื่อให้รู้ขั้นตอนกระบวนการ เพราะการตั้งใหม่ ต้องมีพระบรมราชโองการ ต้องขอเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ บางทีตั้งยังไม่สามารถเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ ค้างอยู่นาน คนใหม่ยังไม่เข้า ทำให้งานมีปัญหาได้ ต้องคิดใหม่แต่ต้น มันจะราบรื่นในช่วงใด ก็ทำในช่วงนั้น

เมื่อถามถึงข่าวว่า การปรับครม. มีชื่อ นายอำพน จะมาเป็นรัฐมนตรี นายวิษณุ กล่าวว่า จะมีชื่อนายอำพนหรือไม่ ตรงนี้ไม่รู้ แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เปิดให้ข้าราชการประจำ มาเป็นรัฐมนตรีได้อยู่แล้ว

"หม่อมอุ๋ย"ยัน"บิ๊กตู่"ไม่ได้ว่าอะไร

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี ถึงท่าทีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังมีข่าวคลิปตำหนินายกฯ ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ ว่า ตนยังงงกับข่าวเลย และตั้งแต่วันนั้นที่มีข่าวออกมา เรายังทำงานด้วยกันดี นายกฯ ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้พูดอะไรเลย อีกทั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.ค. ที่ออกข่าวออกมานายกฯ ก็นั่งทำงานคู่กับตนทั้งวัน ไม่เห็นมีอะไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าข่าวที่ออกมามาจากแหล่งข่าวเดียวกัน ส่วนที่ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ออกมาตอบโต้แทนตนนั้น ความจริงเขาไม่ได้ออกมาเพราะข่าวนั้น แต่เขากำลังจะออกมาอยู่แล้ว เรื่องนี้อย่าไปคิดอะไรมาก ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า "ไม่มีอะไรนะ ก็พยายามเช็กอยู่"

"มาร์ค"ติง"บิ๊กตู่"ยึดแนวอนุรักษ์เกิน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การปรับครม. ว่า เป็นดุลพินิจของนายกฯ แต่หวังว่าจะพิจารณาในเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพในเรื่องงานที่อาจจะไม่ทันใจ หรือไม่สามารถที่จะตอบสนองประชาชนได้ การจะปรับเปลี่ยนบุคคลหรือไม่ เป็นปัจจัย หรืออีกด้านคืออาจจะทบทวนแนวคิดวิธีการบริหารจัดการ ส่วนในเรื่องตัวบุคคลที่จะปรับนั้น ก็อยู่ที่นายกฯ

ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องให้ปรับทีมเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่หัวหน้าทีมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งานทางด้านเศรษฐกิจนั้น ก็เป็นงานที่น่าเห็นใจ เพราะมีปัจจัยที่เป็นลบอยู่หลายตัว และเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงยาก แต่ว่าต้องยอมรับความอึดอัด หรือความไม่พอในแง่ผลงานทางด้านงานเศรษฐกิจนั้นมี โดยเฉพาะในชนบท ที่ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และควรเร่งงานที่จะช่วยทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ หากคาดหวังเรื่องส่งออก หรือปัจจัยอื่นไม่ได้ ก็ต้องทำอย่างไรให้ประชาชนในชนบทโดยเฉพาะเกษตรกร มีเงินหมุนเวียน

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ควรเน้นมุ่งเรื่องงานในเชิงบริหาร เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นความคาดหวังของประชาชนมากกว่า อย่าไปให้น้ำหนักว่า เป็นพรรคการเมืองหรือไม่ใช่พรรคการเมือง เพราะถ้ามีเรื่องนักการเมืองเข้าไป ก็จะเป็นการไปเพิ่มปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีก ว่าทาง คสช.เองก็วางตัวมาโดยตลอดว่า เป็นรัฐบาลชั่วคราว ที่ไม่มีแนวคิดในการที่จะไปยื้อ ทอดอำนาจ แต่พอมีการเอานักการเมืองเข้ามา นักการเมืองบางคนบางคนอาจจะมาเป็นนักการเมืองในอนาคต ก็จะมีปัญหาเพิ่มขึ้น ตนมองว่า ควรมุ่งเรื่องการบริหารจะดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่าหากมีการนำอดีตนักการเมืองมาจริงจะทำให้ศรัทธาของคสช.ลดลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้อย่าไปยึดเรื่องคน ให้ยึดเรื่องงานจะดีกว่า และถ้ามีความจำเป็นต้องปรับคนแล้ว ให้งานดีขึ้น ท่านก็ต้องปรับ ถ้าเปลี่ยนคนแล้วงานยังเหมือนเดิม ก็ไม่ควรเปลี่ยน

"พูดรวมๆ ลักษณะแนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ยังเป็นแบบอนุรักษ์นิยมเกินไป ไปเกรงปัญหาเรื่องประชานิยมจนเกินไป ความจริงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องเป็นประชานิยม ยังเป็นแบบอนุรักษ์นิยม ถ้ามีวิธีการที่เหมาะสมถูกต้อง นอกจากนั้นยังมีงานบางด้านที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบจริงที่เกิดกับประชาชนระดับล่าง เพราะอาจจะเป็นความเชื่อในเรื่องกลไกตลาดบ้างสุดท้ายไม่ได้เข้ามาดูแลให้ประชาชนสามารถ ที่จะมีกำลังซื้อหรือไม่ต้องไปตกในภาวะที่มีหนี้สินสูง ในเรื่องภัยแล้ง รัฐบาลต้องมีความชัดเจนเลยว่า จะชดเชยประชาชนอย่างไร การไปให้รีรอ หรือชะลอเป็นการไปสร้างภาระให้ประชาชนได้ หากนายกฯ จะไม่ปรับบุคคล ก็อยากให้ประกาศเลยว่า ไม่ปรับ แล้วเร่งเดินหน้าทำงานต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

"แม้ว"ห่วงศก. "บอกมา ถ้าอยากให้ไปช่วย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่บ้านพัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ได้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 66 ปี อย่างเงียบๆ ภายในบ้าน โดยมี"โอ๊ค" นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโต และ"อุ๊งอิ๊ง" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก เดินทางไปร่วมงานด้วย พร้อมกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ต้อนรับคณะคนสนิทที่เดินทางไปจากประเทศไทย และได้รับของฝากจำนวนมาก ก่อนที่จะทยอยกันร่วมพิธีบายศรีเรียกขวัญ ผูกข้อมือให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผู้ร่วมงานได้รับแจกนาฬิกาเป็นของชำร่วยทุกคน
จากนั้น เวลา 18.30 น. ได้เริ่มงานเลี้ยง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่งตัวสบายๆ ในชุดเสื้อเชิ้ตลายแขนยาวสีม่วง กางเกงดำ ให้การต้อนรับแขกเหรื่ออย่างอบอุ่น ด้วยการจัดอาหารไทยอย่างดีไว้ต้อนรับ ก่อนที่จะร่วมเป่าเค็กในเวลา 21.30 น. และร่วมร้องเพลง “My Way” อย่างมีความสุข

โอกาสนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวว่า "วันเกิดปีนี้ค่อนข้างมีความสำคัญ เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เข้าใจว่าวันเกิดปีนี้ 66 น่าจะเป็นปีที่ดี เราก็ต้องบอกไว้ก่อน เพื่อให้จิตใจเราสบาย อย่างไรก็แล้วแต่ มั่นใจว่าเมื่อครบ 66 ปีแล้ว มันเห็นโลกมาเยอะ ถ้าเราคิดว่าเราจะอายุ 100 ปี ก็เหลืออีก 34 ปี ก็จะครบ 100 ปี เราเริ่มเคาต์ดาวน์ แต่เคาต์ดาวน์แบบมีอนาคต ไม่ใช่เคาต์ดาวน์ แบบไร้อนาคต ข้อสำคัญอย่าหลงประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์มีไว้ให้จดจำ ปัจจุบัน มีไว้เพื่อเอ็นจอย ไม่ใช่เอ็นจอยจนลืมอนาคต เพราะทุกคนต้องคิดถึงอนาคต โดยเฉพาะคนเป็นผู้นำ ถ้าไม่คิดถึงอนาคตแล้วคนที่เป็นผู้ตามก็ลำบาก" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นั่งร่วมรับประทานอาหารกับบรรดา ส.ส.เพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงประเทศไทย สงสารประชาชนที่ตกระกำลำบาก ยากจน อยู่ในขณะนี้ พร้อมกับอาสาเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยกล่าวสั้นๆว่า "บอกมา ถ้าอยากให้ไปช่วย"

ยัน"สุดารัตน์"ไม่ร่วม"ครม.บิ๊กตู่"แน่

นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. พูดถึงคุณหญิงสุดารัตน์ ในงานแต่งงานลูกชายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จนมีกระแสข่าวโยงใยต้องการผลักดันให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย ว่า ยังไม่เห็นท่าทีใดๆ จากคุณหญิงสุดารัตน์ ท่านยังเน้นการทำงานด้านสังคม พระพุทธศาสนา และยังมีภารกิจต้องทำต่อที่ประเทศเนปาล ที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวพันกับคุณหญิงสุดารัตน์ตลอด และเมื่อนายกฯ เอ่ยถึง ก็ทำให้ข่าวสอดคล้องกัน แต่ขอย้ำว่า ท่านยังไม่มีท่าทีใดๆ วันนี้ในพรรคเพื่อไทยเองก็ยังทำอะไรไม่ได้ ไม่สามารถประชุมกันได้ อีกทั้งกติการัฐธรรมนูญก็ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นต้องรอดูไปก่อน ในพรรคเพื่อไทย มีบุคลากรที่มีศักยภาพในการนำหลายคน แน่นอนว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ก็เป็นคนหนึ่ง แต่เรื่องนี้ยังเร็วเกินไป สำคัญคือกติกา และสถานการณ์ อาจจะเป็นตัวกำหนดบุคคล

นายอุดมเดช กล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวทำนองว่า คุณหญิงสุดารัตน์ สนิทสนมใกล้ชิดกับแกนนำคสช. และจะไปร่วมทำงานกันในอนาคต หรือแม้แต่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้นั้น เรื่องของความสนิทสนม รู้จักคนวงการต่างๆ นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เล่นการเมืองตั้งแต่ปี 2535 ถึงตอนนี้ก็ 20 กว่าปีแล้ว อีกทั้งบุคลิกก็เข้าได้กับคนทุกกลุ่ม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะรู้จักและสนิทสนมกับคนเยอะ แต่วันนี้ก็ยังไม่มีท่าทีอะไร ส่วนเรื่องที่จะไปร่วมครม.นั้น ตนคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น