รายงานการเมือง
จบภารกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.ชียงใหม่ ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของ “นช.แม้ว” และพวกพ้องที่ใช้เป็นบันไดก้าวสู่อำนาจ
การลงพื้นที่ของ “บิ๊กตู่” ครั้งนี้ พกพาความหวังของขุนทหารไปด้วย เพราะอย่างน้อยคงทำให้ประชาชนในพื้นที่สีแดง ปันใจจากคนรักเก่ามาให้คนรักใหม่ไม่มากก็น้อย
ช่วงเวลา 2 วันบนพื้นที่สีแดง จึงถูกจับจ้องว่าจะมีความเคลื่อนไหวต่อต้าน หรือสนับสนุนมากน้อยเพียงใด ผลก็ออกมาให้เห็นตามหน้าสื่อว่ากลุ่มต้านมีเพียงนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัว “14 นักศึกษา” ขณะที่ “กลุ่มคนเสื้อแดง” กลับเก็บตัวเงียบไม่ออกมาโวยวาย หรือแสดงสัญลักษณ์อะไร
วรรคทองที่ “บิ๊กตู่” สื่อสารกับคนเชียงใหม่ คือ “”ประเทศไทยเป็นรัฐเดียว ไม่สามารถแบ่งแยกได้ และขอให้ทุกคนรักกัน เลิกทะเลาะ เลิกเกลียดกัน ใครชวนไปตีกันก็อย่าไป”
ตีความได้ว่าต้องการสื่อให้ “คนเชียงใหม่” เห็นภาพบรรยากาศความสงบ จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ ถือเป็นคำพูดที่สื่อออกมาอย่างมีความหมายแฝงในทางการเมือง
แต่ก้าวที่พลาดของ “บิ๊กตู่” คือ การที่ไม่ยอมอนุมัติโครงการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ที่ทางผู้ว่าฯ ชงเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระบบการจราจร ที่คนเชียงใหม่อยากเห็น เพราะวันนี้รถติดไม่แพ้ กทม. ด้วยความที่เมืองท่องเที่ยวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
งานนี้ “บิ๊กตู่” ไม่ยอมที่จะเปลี่ยนใจ เพราะเคยออกปากไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่อนุมัติโครงการที่ชงจากจังหวัดทั้งสิ้น โดยให้มีการเสนอตามช่องทางปกติ และบรรจุไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่านั้น เพื่อให้มีการกลั่นกรองตามลำดับชั้น
เหมือน “นายกฯ ตู่” แกล้งลืมไปว่าสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งของงานการเมืองคือ “ซื้อใจประชาชน”
น่าจะเลือกอนุมัติโครงการที่เห็นว่าจำเป็นสัก 1-2 โครงการ ก็ไม่น่าเกลียด ให้สมกับการออกมาประชุมนอกสถานที่ แต่นี่เลือกที่จะไม่อนุมัติแม้แต่โครงการเดียว ทำให้ ครม.สัญจรแอ่วเจียงใหม่รอบนี้ มีวาระไม่ต่างจากที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะมีแต่เรื่องจากส่วนกลาง เหมือนแค่มาใช้สถานที่ สัมผัสบรรยากาศที่ จ.เชียงใหม่ เท่านั้น
รวมทั้งเรื่องการลงพื้นที่ก็ลืมไปเลย คณะของ “บิ๊กตู่” แวะแค่ 2 ที่ คือวันแรกขึ้นไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ กับบริเวณหน้าศาลากลางที่มีการจัดตลาดนัดไทยช่วยไทยซึ่งมีเพียงกลุ่มข้าราชการ และมวลชนที่จัดตั้งมาเพียงเล็กน้อย
ถือว่าไม่ได้สัมผัสความรู้สึกของ “คนเชียงใหม่” จริง
ส่วนวันที่ 2 ก็ตรงดิ่งเข้าห้องประชุม เสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปลงพื้นที่ดูปัญหาภัยแล้งที่ จ.พิษณุโลก ก่อนจับเครื่องกลับ กทม.ทันที
เช่นเดียวกับบรรดาคณะรัฐมนตรี ก็ต่างจองไฟลต์บินกลับ กทม.ช่วงบ่ายสองโมงโดยพร้อมเพรียง จึงเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของรัฐมนตรีหลายคนที่รีบจ้ำอ้าวออกจากศูนย์ประชุมฯ เพื่อให้ทันขึ้นเครื่องกลับ กทม.
บรรยากาศ “ครม.ตู่สัญจร” จึงแตกต่างจากบรรยากาศ “ครม.แม้ว-ครม.ปู” ที่ลงไปเอาใจชาวบ้านแบบดรามาแวะไปเรื่อย แถมยังอนุมัติโครงการเป็นว่าเล่น เหมือนเป็นช่วงนาทีทอง ลดแลกแจกแถมไม่ยั้ง
ตามสถิติที่บันทึกไว้ ครม.แม้วออกสัญจรไปทั้งหมด 14 ครั้ง ใน 14 จังหวัด เริ่มครั้งแรกที่ จ.ภูเก็ต ต่อด้วยประจวบคีรีขันธ์ หนองคาย ตาก อุบลราชธานี บุรีรัมย์ พะเยา จันทบุรี พังงา กาฬสินธุ์ นครสวรรค์ สุโขทัย เลย เชียงใหม่ อนุมัติโครงการทั้งหมด หลักหลายหมื่นล้าน สร้างบรรยากาศคึกคักทำให้ประชาชนในพื้นที่หลงคารม เคลิ้ม กันไปทั่ว
ต่อมาปี ครม.ปูแดง จัด ครม.สัญจรไป 9 ครั้ง เริ่มที่ จ.เชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต กาญจนบุรี ชลบุรี สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี อุตรดิตถ์ และฉะเชิงเทรา อนุมัติไปทั้งสิ้น 289 โครงการ ใช้งบประมาณไปราว 7 พันล้านบาท
ส่วน “ครม.บิ๊กตู่” จัดครม.สัญจรไปแล้ว 2 ครั้ง ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เชียงใหม่ ยังไม่มีการอนุมัติงบ ให้คนในพื้นที่ได้ชื่นใจแม้แต่บาทเดียว
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ “ครม.บิ๊กตู่” ต้องตกอยู่ในอาาการ “ควักไม่ออก” อาจเป็นเพราะงบประมาณแผ่นดินโดน “ครม.แม้ว-ปู” ควักมาละเลงจนเกือบหมดคลังแล้ว อีกเหตุผลหนึ่ง อาจเป็นเพราะบรรดากลุ่มทุนที่ย้ายทุนหนีออกไป ทำให้รัฐบาลขาดสภาพคล่องพอสมควร
บทสรุปของการลงพื้นที่เจาะ “ไข่แดง” ของฝ่ายตรงข้ามของบิ๊กตู่ในครั้งนี้จึงมีบทสรุปว่า ไม่ประสบความสำเร็จในการซื้อใจประชาชนผ่านการอนุมัติงบประมาณ เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาพื้นที่ แต่อาจจะมีคำพูดที่เท่ แต่กินไม่ได้ คือ “ขอให้คนไทยรักกัน”
อย่างไรก็ตาม มีคนแอบเมาท์กันว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ สิ่งที่ “บิ๊กตู๋” ประสบความสำเร็จอย่างสูง คือมีชื่อของ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ที่กำลังคั่วตำแหน่ง ผบ.ทบ. ปรากฏให้รับรู้ รวมทั้งเจ้าตัวก็ไปปรากฏตัว ตรวจตราความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ที่ “พี่ตู่” จะต้องไป เป็นคนวางหมาก-วางกำลัง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งหมด ในฐานะที่เคยดูแลพื้นที่ภาค 3 และจ.เชียงใหม่มาก่อน
เหมือนส่งสัญญาณให้เห็นว่า “ว่าที่ ผบ.ทบ.” คนใหม่สามารถประสาน “กลุ่มการเมือง” ในพื้นที่ได้แบบ “เอาอยู่” จนไร้เงากลุ่มต้าน คสช.มาเพ่นพ่านให้รำคาญตา
งานมวลชนของ “บิ๊กติ๊ก” ถือว่าเข้าตาขุนทหาร ตอบโจทย์ ผบ.ทบ.คนต่อไป ที่ต้องดูแลพื้นที่สีแดงให้ได้
แต่สำหรับ “บิ๊กตู่” แล้ว งานนี้ไม่ตอบโจทย์ชาวเชียงใหม่ ที่ร้อยทั้งร้อยหวังเห็นการพัฒนา แก้ปัญหาให้ เลยต่างผิดหวังที่ไม่อนุมัติให้แม้แต่โครงการเดียว
แถมมีแต่เสียงซุบซิบว่าที่มาเชียงใหม่ครั้งนี้ก็เพื่อไปทำพิธีเล่นของ แก้มนต์ดำฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเอง