xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กตู่สักการะพระธาตุฯ ขอให้คนในชาติรักกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯขึ้นเชียงใหม่ สักการะพระธาตุดอยสุเทพ ขอคนไทยร่วมสวดมนต์อธิษฐานให้คนในชาติรักกัน เตรียมประชุมครม.แก้ปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ โหรคสช. ชี้ดวงเมืองทำ"บิ๊กตู่" เจออุปสรรค รอเข้าส.ค.ถึงจะคลี่คลาย แนะเปลี่ยนบริวารที่ทำงานไม่เข้าเป้า จัดคนเสริมทัพรัฐบาลแก้ปัญหา ด้าน ผู้ว่าฯเชียงใหม่ เบรกประชาชนยื่นเรื่องถึงมือนายกฯโดยตรง แนะร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ยันพร้อม 100% จัดประชุม ครม. ยอมรับอาจมีขบวนการต้านในพื้นที่บ้าง แต่มีหน่วยติดตามอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (29 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน และคณะ เดินทางจากฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยัง จ.เชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภารกิจ โดยในเวลา 16.55 น. นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จ.เชียงใหม่ และ เวลา 17.50 น. นายกรัฐมนตรี จะได้เยี่ยมชมตลาดหน้าศาลากลาง ตำบลช้างเผือก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 2/2558 ที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 30 มิ.ย.

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวก่อนออกเดินทาง ถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งว่า การประชุมครม.ครั้งนี้ จะเน้นดูแลเรื่องแหล่งน้ำ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ตอนบนลงสู่ตอนล่าง ซึ่งขณะนี้การแก้ปัญหาภัยแล้ง ได้ดำเนินการไปจำนวนมาก โดยเฉพาะการขุดบ่อบาดาล ซึ่งจุดประสงค์หลักคือ การใช้ในสำหรับอุปโภค บริโภค ไม่ใช่ใช้สำหรับการเกษตรเพียงอย่างเดียว จึงขอความร่วมมือประชาชนว่า อย่ายึดติดกับการใช้น้ำบาดาล เพราะหากหลังจากนี้มีฝนตกลงมา รัฐบาลก็จะยุติการช่วยเหลือด้วยการขุดเจาะบ่อบาดาล เพราะน้ำใต้ดินเป็นน้ำที่หายาก ขณะเดียวกันในส่วนของความคืบหน้า แก้ปัญหาภัยแล้งของแต่ละหน่วยงาน ได้มีการรายงานให้รับทราบแล้ว แต่ละพื้นที่ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน แต่ในส่วนของพื้นที่ไหน ที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน ต้องหางานหรืออาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้ให้แก่คนเหล่านั้นเป็นการทดแทน โดยยืนยันว่า รัฐบาลพยายามเร่งรัด และช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และเต็มกำลังความสามารถ

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกรณีการจับกุม 14 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ โดยระบุว่า เมื่อสื่อมวลชน มีสิทธิ์ที่จะถามคำถาม ตนเองก็มีสิทธิ์ที่จะตอบ หรือไม่ตอบ ก็ได้

นายกฯสักการะพระธาตุดอยสุเทพ

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จ.เชียงใหม่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ โดยเมื่อเดินทางมาถึงนายกรัฐมนตรี ได้สักการะท้าวเวสสุวรรณ บริเวณประตูทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ จากนั้น นายกฯ เดินขึ้นไปบริเวณองค์พระธาตุ เพื่อจุดธุปเทียน วางพุ่มดอกบัวสักการะ และลงนามบนผ้าห่มองค์พระธาตุ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระธรรมเสนาบดี (ธงชัย สุวณฺณสิริ ป.ธ.7) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร และ รองเจ้าคณะภาค 7 ซึ่งในระหว่างสนทนาธรรม พระธรรมเสนาบดีได้ให้พรนายกฯว่า ขอให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ และนำพาประเทศชาติให้มีแต่ความสงบสุข พร้อมกันนี้ได้ขอให้รัฐบาลสานต่อโครงการหมู่บ้านศีล 5 เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน และมีความสามัคคี มีศีลธรรมใช้หลักธรรมเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ต้องการให้คนไทยรักกัน ให้เกิดความสงบสุขทั่วประเทศ จึงขอให้ช่วยกันสวดมนต์อธิษฐาน เพื่อให้คนไทยรักกันให้มากๆ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศไทย

ขอคนไทยในชาติรักกัน

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เวียนเทียบรอบพระธาตุดอยสุเทพ 3 รอบ ก่อนออกมาทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับ โดยระบุว่า ขอขอบคุณที่มาให้การต้อนรับ อยากฝากให้มีความสามัคคีรักกัน เพราะประเทศไทยทั้ง 77 จังหวัด แบ่งไม่ได้ ที่พวกตนเข้ามาก็มาทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ จึงอยากขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของประเทศส่วนรวม อย่าง จ.เชียงใหม่ หากประเทศสงบ และมีการพัฒนาที่ดี ก็จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนจะรักใคร ไม่ว่ากัน แต่อยากทำให้เกิดความขัดแย้ง

ในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า "ผมรู้ว่าท่านรักใคร หรืออาจจะเกลียดผมก็ได้ " ทำให้ประชาชนที่มารอต้อนรับกล่าวว่า " รักท่านนายกฯเหมือนกัน" ซึ่งนายกฯได้กล่าวตอบว่า "ขอให้รักชาติมากกว่ารักผม" ก่อนออกเดินทางไปศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมงานแสดงสินค้า พืชผัก ผลไม้ ของดีเมืองเหนือต่อไป

"นายกฯตู่"ชมตลาดนัดชุมชนทันที

เวลา 18.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมตลาดนัดชุมชน ตามโครงการ "ตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้" ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดฯ

โดยตลาดนัดชุมชนฯนี้ จัดขึ้นระหว่าง 29-30 มิ.ย. เป็นการเตรียมความพร้อม รองรับการตรวจเยี่ยมงานตามโครงการของรัฐบาลด้วย ซึ่งมีผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ OTOPและสินค้าชุมชน ฯลฯ มาร่วมแสดงและจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 178 ราย ที่ยังคงปักหลักเปิดร้านแสดง และจำหน่ายสินค้า แม้ว่า จะเจอฝนตกกระหน่ำอย่างหนักเป็นระยะ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาก็ตาม

สำหรับโครงการ "ตลาดนัดชุมชน ไทยช่วยไทย คนไทยยิ้มได้" ของจังหวัดเชียงใหม่นั้น ได้ดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ทั้งในระดับจังหวัด และอำเภอ รวมทั้งสิ้น จำนวน 32 แห่ง แยกเป็น ระดับอำเภอ 31 แห่ง และระดับจังหวัด 1 แห่ง ดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.57 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และได้กำหนดจัดเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกเดือนๆ ละ 2 ครั้ง ได้แก่ ทุกวันจันทร์-อังคารแรกของเดือน และวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน

นศ.โผล่สวมหน้ากากอ่าน จม.ตำหนิรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี และ ครม.เดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มนักศึกษาราว 10 คนบางคนสวมใส่เสื้อยืดสกรีนอักษร "เราคือเพื่อนกัน" ใช้หน้ากากกระดาษที่มีรูปการ์ตูน ปิดบังใบหน้า มายืนรวมตัวกันย่านตลาดวโรส อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่ออ่านจดหมายตำหนิรัฐบาลคสช. ที่จับกุม 14 นักศึกษากลุ่มดาวดิน

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารเดินทางมาตรวจสอบทำให้นักศึกษากลุ่มดังกล่าว แยกย้ายกันไปรมตัวกันทำกิจกรรมที่บริเวณริมแม่น้ำปิง ข้างสะพานนครพิงค์ อ.เมืองเชียงใหม่ คนละฝั่งถนนกับสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับอ่านจดหมายดังกล่าวที่มีเนื้อหาสื่อถึง 14 นักศึกษากลุ่มดาวดินที่ถูกจับกุม

ในทำนองว่า “เป็นยามค่ำคืนที่มืดมิด และนี่คือฝันร้าย เพราะรัฐเห็นเยาวชนของชาติที่ยึดถือหลักการ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม การมีส่วนร่วมและสันติวิธีว่าเป็นบุคคลที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศชาติ”

โหรชี้ดวงเมืองทำ"บิ๊กตู่"เจออุปสรรค

นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคมช. กล่าวถึงการเดินทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่และประชุมครม. จ.เชียงใหม่ ว่า เท่าที่ดูวาระงาน คงไม่ได้มีโอกาสพบกับนายกฯ และเป็นการมาทำงานไม่ได้มาเป็นการส่วนตัว กำหนดการยาวเหยียดคงไม่ได้มีโอกาสพบกัน ส่วนการบริหารงานของนายกฯ ที่ต้องเจอทั้งปัญหาภัยแล้งและการเคลื่อนไหวทางการเมือง ถือเป็นเรื่องปกติของการดูแลชาติบ้านเมือง ซึ่งท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาล ทุกอย่างก็ต้องอยู่ที่ท่านในการทำงานก็ต้องมีบ้างที่จะต้องมีอุปสรรคและปัญหาต่างๆ แต่ก็จะหลุดพ้นไปได้ อย่างว่าคนที่ได้รับความเดือดร้อนก็อยากได้รับการแก้ไขปัญหา การเคลื่อนไหวจึงถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติของความคิดเห็นที่แตกต่างกันในสังคม ก็ต้องมีบ้าง แต่หลังจากทำความเข้าใจกันแล้วก็น่าจะผ่านพ้นไปได้ ไม่น่ามีอะไรที่เป็นปัญหาให้รัฐบาลสั่นคลอน ซึ่งดูจากการตรวจดวงชะตาการแก้ไขปัญหาจะผ่านพ้นไปได้

โหรวารินทร์ กล่าวต่อว่า เรื่องของดวงเมืองมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะผ่านพ้นไปได้ ถึงแม้จะมีความวุ่นวายอยู่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ซึ่งในเดือนมิ.ย.จนถึงเดือนก.ค.จะเกิดความวุ่นวายบ้าง แต่เมื่อพ้นเดือนก.ค.เข้าสู่เดือนส.ค.ทุกอย่าง ก็จะคลี่คลาย ไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าแรง และไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ เวลานี้เป็นหน้าที่ของนายกฯและทีมงานที่พยายามตั้งใจทำงาน แต่การจะให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ผ่านไปอย่างง่ายมันก็คงจะยัง ต้องเหนื่อยอีกระยะหนึ่ง ถึงจะผ่านพ้น ส่วนเรื่องของบริวาร ก็จะต้องมีการปรับกับคนพี่ทำงานไม่เข้าเป้า เปลี่ยนเอาตัวช่วยเข้ามาโดยเฉพาะในส่วนของทีมงานนายกฯ งานก็จะลุล่วงด้วยดี

ไม่ให้ยื่นเรื่องถึงมือนายกฯ โดยตรง

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (29 มิ.ย.) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนสหพันธุ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.)ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาที่ สกน. และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ได้เคยเรียกร้องไว้ อาทิ การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายป่าไม้ 4 ฉบับ และผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. สิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ ในรูปแบบโฉนดชุมชน และ ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน เป็นต้น

นายสุริยะ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า สำหรับเรื่องสกน.ที่ได้ร้องเรียนมา ทางจังหวัดได้ประสานเรื่องไปยังปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอแจ้งผลความคืบหน้ากลับมา โดยบางเรื่องต้องเข้าใจว่า ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ อย่างข้อกฎหมาย ที่ต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ จึงขอให้ภาคประชาชนเข้าใจขั้นตอนการทำงานของหน่วยราชการด้วย

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ จะไม่มีการนำข้อเสนอของสกน.เข้าสู่วาระที่ประชุม เนื่องจากยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ แต่หากมีโอกาสนำเรียนนายกรัฐมนตรีโดยตรงถึงข้อเรียกร้องของสกน. เพื่อเร่งรีบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป หากมีความคืบหน้าใดๆ ทางจังหวัดจะเร่งแจ้งให้ทราบทันที รวมทั้งยินดีที่จะเปิดเวทีเพื่อให้ภาคประชาชนนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่างๆ ด้วย

ขณะที่ตัวแทน สกน. กล่าวว่าจะไปชี้แจงกับประชาชนและเกษตรกร เพื่อรอความชัดเจนจากภาครัฐ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการนำมวลชนไปยื่นข้อเรียกร้องหรือกดดัน ครม. อย่างแน่นอน

นายสุริยะ ยังได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดการประชุมครม. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ จ.เชียงใหม่ ในวันนี้ ( 30 มิ.ย.)ว่า ขณะนี้มีความพร้อม 100% ในทุกด้าน ทั้งในเรื่องการคมนาคม การรักษาความปลอดภัย รวมถึงที่พักและอาหารการกินต่างๆ ขณะที่ในส่วนของกลุ่มเคลื่อนไหวที่ต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ได้มีการติดตามเฝ้าระวังอยู่ตลอด เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่อาจมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บ้าง เป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีหน่วยงานที่ดูแลอยู่แล้ว

นายสุริยะกล่าวว่า ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ จ.เชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ไม่ได้มีการเสนอวาระเข้าสู่การประชุมเป็นพิเศษเนื่องจากโครงการ หรือแนวนโยบายต่างๆได้บรรจุไว้ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปีเรียบร้อยแล้ว สำหรับการแก้ปัญหาภัยแล้ง ก็ถือว่าคลี่คลายไปแล้วระดับหนึ่ง อาจจะมีการติดตามทวงถามบางโครงการตามนโยบายของรัฐบาล ที่ยังไม่มีความคืบหน้า อาทิ โครงการทางจักรยาน ซึ่งยังไม่ได้รับงบประมาณจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือการขยายช่องทางคมนาคมขนส่งของ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลในกรณีที่ประชาชนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายกฯ โดยตรงหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า สำหรับข้อร้องเรียนต่างๆ ทางจังหวัดได้ดำเนินการโดยศูนย์ดำรงธรรมได้ดูแลในส่วนนี้อยู่แล้ว ซึ่งตนก็ได้รวบรวมข้อร้องเรียนต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อทั้งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนที่มีความเดือร้อน แจ้งเรื่องผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพราะไม่สามารถให้ยื่นเรื่องต่อนายกฯโดยตรงได้

เมื่อถามถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านคสช.ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องปกติที่มีความเคลื่อนไหวของผู้ที่เห็นต่าง แต่ก็เป็นไปในเชิงวิชาการ อาจจะมีการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของนักศึกษา ที่มีอยู่นับ 10 สถาบันในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งก็ได้มีการติดตาม และขอความร่วมมือในการไม่ขยายผลให้เกิดความขัดแย้ง และความรุนแรงแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น