"สรรเสริญ" เผย"บิ๊กตู่" ห่วงสังคมขาดสติ เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ "พล.ท.นันทเดช" ถามกลับกลุ่ม นศ. ช่วงที่รัฐบาลโกงกินเรืองอำนาจ มัวไปหดหัวอยู่ที่ไหน ผบช.น. แจงค้นรถทนายนักษาศึกษา "กลุ่มดาวดิน" สามารถทำได้ พบพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ คาดมีการจับเพิ่ม "วัชระ" แนะ "บิ๊กตู่" ใช้ ม. 44 นิรโทษกรรม เชื่อมีกลุ่มเสี้ยมให้ชนกับทหาร ด้าน "หลานสุริยะ" โพสต์เฟซบุ๊ก ปัดอยู่เบื้องหลัง "วัฒนา" ถาม คสช.นักศึกษาทำผิดอะไร ส่วน "จตุพร" โพสต์เฟซฯ เชิดชูนักศึกษากล้าหาญ
วานนี้ (28 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดาวดิน หรือกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากให้สังคมมีสติ วันนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ต้องรับฟังข้อเท็จจริง และเหตุผล ดังนั้นทุกฝ่ายต้องบริโภคข้อมูลข่าวสารและคิดทุกเรื่องอย่างมีสติ จึงจะสามารถผ่านวิกฤตเหล่านี้ไปได้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่อยากให้ทุกคนมองเพียงเรื่องเสรีภาพ หรือสิ่งที่เราจะได้รับจากสังคม โดยทุกคนควรมองสิ่งที่จะปฏิบัติ หรือให้กับสังคมด้วย ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข และร่มเย็น
"นายกฯ เน้นเสนอถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยต้องสร้างให้สังคมเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่หวาดระแวง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทุกคนต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่คิดแต่เรื่องเสรีภาพ กับสิ่งที่เราจะได้จากสังคม สังคมเราคิดแบบนี้อยู่แล้ว แต่อาจจะมีส่วนน้อยที่ยังไม่ได้ตระหนัก" พล.ต.สรรเสริญ
กล่าว
**ผบช.น.ยันมีหมายค้นรถทนาย นศ.
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณี สน.สำราญราษฎร์ นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นรถยนต์ของน.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ อายุ 29 ปี ทนายความจากศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน และเป็นหนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาทั้ง 14 คน ซึ่งถูกจับกุมไปเมื่อเย็นวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบว่า มีการค้นรถจริง แต่ไม่ทราบว่าเจ้าของรถเป็นทนายของกลุ่มนักศึกษาทั้ง 14 คน ส่วนสาเหตุที่ตรวจค้นรถนั้น เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีสิ่งของที่ใช้กระทำความผิด หรือหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะต้องยึดไว้ ซึ่งสิ่งของดังกล่าวมีไว้ ได้มาใช้ในการกระทำความผิดอยู่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน ซึ่งหลังจากที่ค้น ก็ไม่มีการดำเนินการขอยึดรถ เพราะยังไม่สิ้นสุดกระบวนการพิจารณา ก็ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม
ส่วนการออกหมายจับนั้น หากพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือสนับสนุน ก็จะต้องออกหมายจับเพิ่มเติม และทำการยึดรถเป็นของกลาง ส่วนกรณีที่มีการออกมาตอบโต้ว่า เจ้าหน้าที่ได้นำสิ่งของภายในรถไป แล้วนำกลับมาคืนนั้น ในส่วนนี้ตนยังไม่ทราบ จะออกมาตอบโต้ หรือโต้แย้งก็ได้ เพราะถือว่ามีสิทธิ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการขอหมายค้น แล้วเข้าไปตรวจค้นรถดังกล่าว ถือว่ากระทำไปโดยพลการนั้น โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่สามารถค้นรถได้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องขอหมายศาล แต่ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายค้นรถดังกล่าว เป็นกรณีพิเศษ
** คาดมีการออกหมายจับเพิ่ม
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า สิ่งของที่พบในรถนั้น เป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่จะสามารถดำเนินการออกหมายจับได้ ยืนยันว่า เรื่องนี้จะไม่จบ เพราะยังไม่สิ้นกระแสความ ซึ่งการออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอน หากมีหลักฐาน และรายละเอียดที่จะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใด ก็จะออกหมายทันที
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ออกมาเฝ้าระวังกลุ่มนักศึกษาที่จะออกมาชุมนุม เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ถ้าหากจะต้องเพิ่มกำลังนั้น จะต้องถามทางกองทัพ เพราะทางกองทัพดูแลเรื่องนี้อยู่ หากมีการชุมนุม จะต้องรอให้ทางกองทัพสั่งการ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ส่วนกรณีการค้นรถนั้น ทางกองทัพไม่เกี่ยว ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นเป็นคดีความเป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนการป้องกัน คือหน้าที่ของทหาร โดยปกติแล้วการป้องกันจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ในกรณีนี้ ซึ่งเกี่ยวกับความมั่นคง ทหารจะต้องเป็นหัวหน้า ตำรวจแค่ร่วมปฏิบัติเท่านั้น ยืนยันว่า จะจับตามหมายจับ และก่อนจะจับทุกครั้ง จะต้องไปขอความเห็นชอบการจับกุมตัวจากศาล ถ้าศาลอนุญาต ก็จะจับทันที เพราะทำไปตามหน้าที่
"ขณะนี้คดีดังกล่าวยังอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหาร ถ้าคุณไม่อยากให้อยู่ ก็ไปแก้กฎหมาย และไม่มีความจำเป็นที่ตำรวจจะต้องขอตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม เพราะศาลทหารตัดสินให้ไปควบคุมตัวที่ไหนก็ที่นั่น"
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวย้ำว่า ต่อไปนี้หากจะมีการออกมาชุมนุม หรืออะไรก็ตามแต่ ถ้ายังชุมนุมในขอบเขตของกฎหมาย ก็ถือว่ากระทำได้ แต่ถ้านอกขอบเขตของกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวกับฝ่ายทางการเมือง หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะอยู่ในสำนวน ตนมีหน้าที่ทำสำนวนคดีอาญา และปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คืนที่ผ่านมา มีการปล้นทรัพย์ ภายในบ้านพักส่วนตัวของแกนนำพันธมิตร ได้รับรายงานหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่ามีการก่อเหตุขึ้น แต่ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ
** ผบ.ทบ.รู้ตัวผู้ให้การสนันสนุน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 14 นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ที่ดูในเรื่องนี้ เห็นว่า มีความจำเป็น และเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา เข้าข่ายผิด ม.116 , ม. 83 ของประมวลกฎหมายอาญา เมื่อเข้าข่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการไป และคงให้ความเป็นธรรม ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ถ้าไม่ไปก่อเหตุการณ์ ก็จะไม่เกิดขึ้น
"ผมขอให้หยุดเถอะ อย่ามาทำอะไรเช่นนี้เลย ทำให้ภาพสงบเรียบร้อยดูไม่ดี และนักศึกษาที่ถูกดำเนินการตามกฎหมาย ก็คงไม่หนักหนาอะไร แต่ทางกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ส่วนกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง จะดำเนินการ หรือนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์อยู่ ดังนั้นอย่าทำอะไรที่มีผลกระทบ หรืออย่าทำให้ถึงระดับที่ละเมิดกฎหมายอีกเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นการทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นว่าการให้กำลังใจก็แสดงออกพอควรแล้ว ถ้าล่วงล้ำมากไปกว่านี้จะมีปัญหาอีก ขอเรียนว่า ผู้ที่ให้การสนับสนุน ขอให้หยุด เพราะรู้กลุ่ม รู้ชื่อเสียงกัน และจะต้องมีการพูดคุย ถ้าท่านยังไปให้แนวทางที่ไม่ถูกไม่ควร และทำให้เกิดความไม่สงบได้ ผมบอกไว้ซะก่อน เพราะฉะนั้นพอเถอะ รู้นามสกุลกันหมดแล้ว อย่าไปทำเช่นนั้นเลย" ผบ.ทบ. ระบุ
**"ธนาธร"ปัดอยู่เบื้องหลังกลุ่ม นศ.
เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความ ระบุ ว่าตนเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษา ที่ออกเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการกล่าวหาผมจากช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งมีเนื้อหาคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกันว่า ผมอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาต่อต้านเผด็จการ ในนามกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เพื่อวัตถุประสงค์ในการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
ถ้าเหตุเกิดลำพังเพียงโจมตีผมนั้น ผมคงไม่มีความประสงค์จะตอบโต้อันใด เนื่องด้วยการใส่ความอย่างมดเท็จนี้ ไม่ใช่เป็นครั้งแรกและหาได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริงไม่ หากแต่ครั้งนี้การใส่ความผม กระทบกระเทือนถึงกลุ่มนักศึกษาที่กำลังถามหาประชาธิปไตย ด้วยการเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญกับกลุ่มพลัง อประชาธิปไตย ดังนั้น จึงไม่เป็นธรรมกับพวกเขาเท่าไหร่ หากผมจะนิ่งเฉย
ผมขอชี้แจงสามข้อ ดังนี้ 1. ผมไม่เคยเข้าร่วม/มีส่วนรู้เห็น หรือก่อการใดๆในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เลย
2. ผมไม่เคยข้องเกี่ยวหรือรับเงินจากคุณทักษิณ เพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ
3. ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยว/ชักจูง หรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ใดๆ เลย การกระทำของพวกเขา ล้วนมาจากเจตจำนงค์อันแน่วแน่ และเป็นอิสระของพวกเขาทั้งสิ้น
หากท่านใดมีหลักฐานเป็นอื่น ผมพร้อมเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา
ใช่ ผมอยู่ที่หน้าสน. ปทุมวันในช่วงเย็นของวันที่ 24 มิถุนายนจริง แต่ผมไปในฐานะที่ผมเชื่อว่า เป็นฐานะที่สำคัญที่สุดของผม ซึ่งมิใช่ในฐานะนายทุน แต่คือ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีสิทธิ และอิสระ ในความคิดความเชื่อของตนเอง ผมเชื่อว่าพวกเขากำลังทำในสิ่งซึ่งเป็นคุณต่อสังคมในระยะยาว ดังนั้นผมจึงไปให้กำลังใจเขา เมื่อพวกเขาเสี่ยงต่อการถูกจับกุมด้วยกฏหมายอธรรมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่พึงมีให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมไม่มีส่วนในการกำหนดการเคลื่อนไหวของพวกเขาแม้เพียงน้อย และไม่มีความประสงค์จะทำเช่นนั้น และหากต่อให้ผมมีความประสงค์เช่นนั้นจริง ก็คงจะล้มเหลว เพราะกลุ่มบุคคลที่มีหัวใจแข็งแกร่งปานหินผาเยี่ยงนั้น ย่อมไม่ให้ใคจจูงจมูกได้ง่าย หากสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงออก ซึ่งความคิดความเชื่อและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกพรากจากพวกเขาไปเพียงเพราะพวกเขามีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจจากการทำรัฐประหาร นั่นย่อมเสมือนสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผมถูกพรากไปเช่นกัน
**แนะใช้ ม. 44 นิรโทษฯ"ดาวดิน"
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การจับกุมนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (ดาวดิน) และฝากขังที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ควรใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 นิรโทษกรรมให้นักศึกษากลุ่มนี้ทั้งหมด เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด กับเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ เพราะสิ่งที่นักศึกษาทำ เชื่อมั่นว่าถูกต้อง และบริสุทธิ์ใจ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้าย เราเป็นผู้ใหญ่ ต้องให้อภัยและเข้าใจคนหนุ่มสาว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า คสช. มีหน้าที่สร้างความเข้าใจให้คนทั้งสังคม อย่าให้เกิดช่องว่าง ทั้งในเมืองและชนบท ต้องชี้ให้เห็นการเข้ามาปฏิรูปในนี้ เพราะความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงปฏิรูป นักศึกษาสามารถเสนอแนะได้อย่างเต็มที่ แต่อาจมีคนบางกลุ่มกำลังวางแผนเสี้ยมให้นักศึกษาชนกับทหาร โดยอาศัยคำว่าประชาธิปไตยเป็นเหยื่อล่อ พวกฝูงไฮยีน่า หน้าตาคุ้นๆ พากันออกมาคำราม หวังจะได้คาวเลือดอีกครั้ง ดังนั้น คสช. จึงควรรีบตัดวงจรของระบอบทักษิณโดยเร็ว และคุ้มครองความปลอดภัยให้นักศึกษาและครอบครัว รวมถึงคนที่ไม่เห็นด้วยกับคสช. อย่าให้มือที่มองไม่เห็นสร้างสถานการณ์ แล้วโยนบาปให้ทหาร เหมือนกรณีชายชุดดำ ที่ยังเป็นแผลใจของสังคมมาถึงทุกวันนี้
** พท.ข้องใจ "ดาวดิน" ทำผิดอะไร
นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผมอ่านข่าวนักศึกษากลุ่มดาวดิน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพฯ ในข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองใดๆ ที่มีจำนวนตั้ งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช ที่3/2558 ข้อ 12 นั้น ตนเห็นว่าน้องนักศึกษาทั้งหมดไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ดังนี้
1. การกระทำของน้องนักศึกษากลุ่ มดาวดินในวันที่ 24 และ 25 มิถุนายน อันนำไปสู่การออกหมายจับคือ การประกาศถึงหลักการสำคั ญในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น มิได้มีการกระทำในลักษณะปลุกระดม หรือชักชวนให้ประชาชนออกมาต่อต้าน หรือก่อความไม่สงบ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่น้องนักศึกษาเรียกร้องคือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึงก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่ วคราว มาตรา 2 มิได้เรียกร้องให้มีการปกครองในระบอบอื่น ส่วนข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญทุกประการ มิได้มีความใดที่ไม่ ถูกต้องหรือบิดเบือน จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตตามความใน มาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาทุกประการ
2. ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ของพวกคุณในมาตรา 2 ก็เขียนไว้ว่า "ประเทศไทยมี การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ส่วนมาตรา 3 เขียนว่า " อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย" ดังนั้น สิ่งที่น้องนักศึกษากลุ่มดาวดิน เรียกร้องคือสิทธิ ของพวกเขาและกระบวนการอันเป็นประชาธิปไตยซึ่งก็เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรั ฐธรรมนูญชั่วคราวของพวกคุณเองนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่แล้วจะเขียนไว้ หลอกประชาชนทำไม ดังนั้นการกระทำของน้องนักศึกษากลุ่ม ดาวดิน จึงไม่เป็นความผิ ดตามมาตรา 116 ครับ
3. ส่วนข้อหาที่อ้างว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่ห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปนั้น คำสั่งนี้ใช้บังคับไม่ได้ เพราะขัดกับมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวของคุณเอง ก็ในเมื่อมาตรา 2 บอกเองว่ าประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิ ปไตย ประชาชนจึงย่อมมีสิทธิและเสรี ภาพที่จะแสดงออกตามวิถีแห่งประชาธิปไตยซึ่งรวมถึงการชุมนุ มทางการเมืองด้วย (ขอไม่ใช้คำว่ามั่วสุม เพราะคำนั้นเหมาะกับพวกคุณมากกว่า ) คำสั่ง ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองจึงขัดกับรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเขียนขึ้นมาเอง ดังนั้นคนที่ควรถูกจับคือ คนที่ฝ่าฝืนรั ฐธรรมนูญนะครับ แต่ไม่ใช่น้องนักศึกษา ส่วนถ้าจะทำให้คำสั่งของหัวหน้า คสช. ชอบตามรัฐธรรมนูญนั้น ผมขอแนะนำให้พวกคุณไปแก้ไขมาตรา 2 เสียใหม่เป็นว่า "ประเทศไทยปกครองระบอบเผด็จการ" หรือ "ประเทศนี้พักใช้ระบอบประชาธิ ปไตยชั่วคราว" คำสั่งที่ 3/2558 จึงจะชอบตามรัฐธรรมนูญ แล้วค่อยมาจับพวกผม
4. คณะรัฐประหารกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง มีความผิดฐานกบฏ แต่กลับใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ตนเองและพรรคพวก ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นอย่างรุนแรง ใครไม่เชื่อฟังก็ลงโทษ ในขณะที่น้องนักศึกษามาเรียกร้องสิทธิของพวกเขาที่ถูกยึดไปด้ วยความบริสุทธิ์ โดยสงบและปราศจากอาวุธกลับถูกจั บกุมดำเนินคดี หรือสังคมไทยได้กลายเป็นสังคม "กาขาว" ที่เป็นยุคของผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน ผมว่ารีบคืนอำนาจให้ประชาชนเถิดครับ ให้พวกเค้าได้กำหนดวิถี ทางทางการเมืองด้วยตัวเอง อย่าไปคิดแทนประชาชนเลยครับ
**ยันคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมมี กม.รองรับ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การที่ประกาศหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง ขัดกับรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 2 ที่ระบุว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”ว่า เนื้อหาใน มาตรา 2 ที่ระบุว่า ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย ถือว่าประชาชนมีเสรีภาพจริง แต่ในรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ด้วย ในมาตรา 5 ว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ซึ่งประเพณีการปกครองที่ว่านี้ หมายรวมถึงรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ก่อนหน้าด้วย ซึ่งสิทธิเสรีภาพที่เขียนไว้ มีข้อจำกัดได้ด้วยกฎอัยการศึก หรือ กฎหมาย ดังนั้นคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่กล่าวมา ออกตามกฎอัยการศึก จึงถือว่ามีฐานกฎหมายรองรับ
**เครือข่าย นศ.เขียน จม.ริมกำแพง
เมื่อวานนี้ (28มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณข้างกำแพงประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ กลุ่มนักศึกษา มธ. พร้อมเครือข่ายนักศึกษา และภาคประชาชน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม โพสต์อิท ฟอร์ เฟรนด์ "Postit for friends" โดยเปิดให้เขียนความในใจถึงเพื่อนนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่ถูกคุมขัง พร้อมชักชวนให้ถ่ายรูป และติดแฮชแท็ก คำว่า ประชาธิปไตยใหม่ , ปล่อยเพื่อนเรา หรือ free our friends
สำหรับบรรยากาศในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีนักศึกษา และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรม กว่า 100 คน ทั้งนี้ได้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงเดินทางมาเขียนข้อความให้กำลังใจกับนักศึกษาทั้ง 14 คนด้วย เช่น นายเอกชัย ไชยนุวัติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม นายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอช ประจำประเทศไทย และ นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ หนึ่งในนักศึกษาที่ถูกศาลออกหมายจับในข้อหาขัดขืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการชุมนุมรำลึก 1 ปี รัฐประหาร หน้าหอศิลป์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายเอกชัย ไชยนุวัติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากนักศึกษาทั้ง 14 คน มีเบื้องหลัง และสั่งได้ ตนเชื่อว่าพ่อแม่ของเขาคงสั่งไม่ให้ออกมาจากบ้าน ออกมาต่อสู้ ออกมาทำกิจกรรม แต่ความจริงคือ พวกเขาสั่งไม่ได้ แม้กระทั่งตนที่เป็นอาจารย์ ก็ยังสั่งไม่ได้
ขณะนี้สิ่งหนึ่งที่นักศึกษา อาจารย์ และประชาชนคนไทยทั้งหมดมีเหมือนกันคือ ความชอบธรรม และขอยืนยันว่า พวกเราไม่ได้เกลียดตำรวจ และทหาร แค่เพียงอยากบอกว่า "เราและท่านต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ขอให้พวกท่านเชื่อเถิดว่า เราปกครองตัวเองได้" นายเอกชัย กล่าว
**"จตุพร" เชิดชู นศ.นักสู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Jatuporn Prompan-จตุพร พรหมพันธุ์" ว่า ไม่ว่ายุคสมัยใด ก็มีการกล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษามีเบื้องหลังมาตลอด เพื่อลดทอนคุณค่าของพลังบริสุทธิ์ ซึ่งหากมีเบื้องหลังจริงๆ คงไม่ถูกจับกุมกันอย่างง่ายดาย
นักศึกษาในวันนี้ ไม่ได้อายนักศึกษาในอดีต ที่ยังเหลือและไม่ทรยศต่ออุดมการณ์การต่อสู้ เรามีสิทธิที่จะห่วงใย แต่อย่าวิตกกังวล การที่อำนาจรัฐจับตัวนั้น จะยิ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ อำนาจเป็นเหมือนนาฬิกาทรายที่หล่นลงทุกวัน เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดฝัน ประเทศไทยเราไม่สูญสิ้นประชาชนนักสู้ ซึ่งเราต้องเชื่อมั่นในความคิดของขบวนการนักศึกษา ตนเองก็มีความภาคภูมิใจ ยืนดู ยืนชม ชื่นชมไกลๆ กลัวว่าหากเข้าไปใกล้ เขาจะมีความเสียหาย
สำหรับรายละเอียดของข้อความที่นายจตุพร โพสต์ มีดังนี้
"ไม่ว่ายุคสมัยใด ก็มีการกล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวมีเบื้องหลังมาตลอด เมื่อรัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามข้อเรียกร้องของนักศึกษาได้ ง่ายดายที่สุดคือ ยัดข้อกล่าวหาว่ามีเบื้องหลังเอาไว้ก่อน เพราะการกล่าวหาว่ามีคนอยู่เบื้องหลังนั้น จะกลายเป็นอาวุธที่สำคัญเพื่อลดทอนคุณค่าขอพลังบริสุทธิ์เสมอ ฉะนั้นตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ผบ.ทบ. รมต.ประจำสำนักนายกฯ ต่างก็กล่าวหานักศึกษาไปทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น
ถ้านักศึกษามีเบื้องหลังจริงๆ อย่างที่พวกท่านว่า บรรดาน้องนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่ประกาศองค์กรใหม่ เป็น "ขบวนประชาธิปไตยใหม่" คงจะไม่ถูกจับกุมกันง่ายดายอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้
ในอดีตการต่อสู้ที่มีนักศึกษาเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 หรือ พฤษภา 35 ซึ่งผมเริ่มจากเป็นนักสู้นิรนามคนหนึ่ง จนได้ถือธงร่วมนำการต่อสู้นั้น ประชาชนในเวลานั้นไม่มีใครที่มีความคลางแคลงใจ ว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังผมหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ขณะนั้นไม่มีใครที่ไหนมากล้าอยู่ข้างหลังหรอก เพราะไม่รู้ว่าจะโดนลูกหลงยิงโดนเข้าไปด้วยหรือเปล่า
สิ่งหนึ่งนั้นคือ การยอมรับในบริบทแห่งความเป็นจริง ว่าใครก็ตามที่เข้ามาเดินบนหนทางแห่งการต่อสู้นี้ ไม่จบด้วยตาย ก็ต้องติดคุก คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็จะมีชะตากรรมกันแบบนี้ ภาพที่ปรากฏคนหนุ่มสาวเหล่านี้ จึงไม่มีสีหน้าที่วิตกกังวล กับการต้องเดินเข้าสู่เรือนจำ เพราะพวกเขาก็ไม่ยี่หระต่อชะตากรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามา และก็ยังทายท้า ประกาศว่าไม่ขอประกันตัว เพียงเพื่อต้องการใช้อิสรภาพของตนเองนั้น ปลุกกระแสความรู้สึกของประชาชน
นักศึกษาในวันนี้ ก็ไม่ได้อายนักศึกษาในอดีต ที่ยังเหลือ และไม่ทรยศต่ออุดมการณ์การต่อสู้ เพราะฉะนั้นเรามีสิทธิที่จะห่วงใย แต่อย่าวิตกกังวล สิ่งที่พวกเขาดำเนินการนั้น เป็นยุคแห่งสมัย หนทางข้างหน้า เมื่อเดินเข้าสู่ถนนสายนี้นั้น เขาพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งดูได้จากความรู้สึกขณะถูกจับกุม จากการต่อสู้และแสดงจุดยืนในระบอบประชาธิปไตย แม้จะถูกจับก็ยังมีความสง่างาม น่ายกย่องอยู่
** เปรียบอำนาจเหมือนนาฬิกาทราย
เวลานี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คน 14 คน แต่อยู่ที่ประชาชนคนไทย และสายตาชาวโลกที่ได้ติดตามข่าวสาร จริงอยู่ อำนาจรัฐจะจับตัวตั้งแต่วันไหนก็จับได้ แต่การปฏิบัติการณ์ การให้ข่าวระหว่างกันนั้น แล้วมาทำกันอีกอย่างหนึ่ง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งสร้างความไม่สบายใจ ให้กับบรรดาองค์กรต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประชาชนที่เขามีความรู้สึก เพราะในวันเวลาที่มีความยากลำบากนั้น ผมเข้าใจว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจก็เข้าใจในสัจธรรมทางการเมืองที่ผมพยายามอธิบาย ให้ฟังหลายครั้ง ว่าอำนาจก็เหมือนนาฬิกาทราย ตอนมาทรายก็เต็ม แต่มันจะหล่นลงทุกวันๆ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 57 จนถึงปัจจุบันนี้ ลองดูกันแฟร์ๆ ว่า อารมณ์คนไม่เท่าเดิม
บางครั้งสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องก็ทำให้พลิกผันได้ ตอนอดีตเมื่อมีการลบชื่อนักศึกษารามฯ 9 คน ก็คิดถึงขนาดว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ต่อมากลับเกิดกระบวนการนักศึกษา ร่วมกันขอคืนสถานภาพ จนมหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ต้องคืน กระทั่งมีการชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ก็เข้าใจว่าจับ 13 คนไปแล้ว ที่เหลือก็จะไม่กล้า ส่วนเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลา ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เรื่องราวจบไปแล้ว และนี่คือชะตากรรมของบ้านเมือง ที่ไม่มีใครคาดฝัน
ประเทศไทยเราไม่สูญสิ้นประชาชนนักสู้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเท่าใด สถานการณ์ของประเทศจะเป็นอย่างใด ปริมาณจะมากจะน้อย ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แผ่นดินนี้ไม่เคยสิ้นคนหนุ่มสาวที่มีอนาคตให้กับบ้านเมืองนี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม แม้เราจะไม่ใช้ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่วีรกรรมอันอาจหาญในความกล้าที่จะแสดงออกและไม่หวั่นเกรงต่อภัยใดๆนั้น คนที่ผ่านโลกกันมาก่อน ก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่ได้ผลประโยชน์อันใด หากเกิดการเปลี่ยนแปลงเขาจะมาเป็นอะไร นอกจากเขาจะได้ความสุขว่า การที่ได้เข้าไปเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยอันสร้างมาจากเงินภาษีของประชาชน บัดนี้เขาได้ตอบแทนประชาชนแล้ว
เราต้องเชื่อมั่นในความคิดของขบวนการนักศึกษา เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไรนั้น ยืนดู อย่าไปเรียกร้องอะไรกับบรรดาคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ให้เขาคิดเอง ทำเอง แก้ไขปัญหาเอง ต้องขอบอกว่า ผมเองก็มีความภาคภูมิใจ ยืนดู ยืนชม ชื่นชมไกลๆ กลัวว่าหากเข้าไปใกล้ เขาจะมีความเสียหาย"
** ถามนศ.ช่วงรัฐบาลโกง มัวไปอยู่ไหน
ด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว "พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์" ถึงกรณีที่กลุ่มนักศึกษาออกมาประท้วงทหาร เรียกร้องประชาธิปไตย โดยพล.ท.นันทเดช ถามกลับไปยังกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นว่า
1. ในประเทศกลุ่มอาเชียนที่เรารวมกันอยู่นี้ มีประเทศไหนบ้างที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่า ลาว พม่า เขมร มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ ฯลฯ ประเทศในกลุ่มอาเชียนมีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ของตัวเอง ผู้นำประเทศเหล่านี้ ก็เลือกที่จะใช้ประชาธิปไตยแบบของเขา ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้น รัฐบาลในกลุ่มอาเชียน จึงไม่เคยสนใจ "ประชาธิปไตยแบบตะวันตก" ถ้าพวกนักศึกษาอยากเลือกตั้ง ทำไมไม่รอสักหน่อย ได้เลือกแน่นอน เพราะเราก็จะมีการเลือกตั้งขึ้นในไม่ช้านี้ รอให้คดีทุจริตต่างๆ มันเป็นเรื่องเป็นราวชัดเจน เอาเงินของชาติคืนมาเป็นตัวอย่างเสียบ้าง หรือมีเจ้านายสั่งมาว่า "รอไม่ได้"
2. ตอนประชาชนประท้วงรัฐบาลเก่าว่า "ขี้โกง" ไปอยู่กันที่ไหน หรือเห็นด้วยกับการโกง "เงิน"
3. รู้ไหมว่าตอนนี้ประเทศไทยเดือดร้อนขนาดไหน ไม่ได้มาจากการรัฐประหาร แต่มาจากภาระเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ลองหันไปดูซิว่า แต่ละเรื่องที่ทำให้ประเทศเดือดร้อนอยู่ในปัจจุบันนี้ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาทำรัฐประหาร ก็มาจากเรื่องเดียวกัน แล้วทำไมไม่ไปประท้วงพวกที่เป็นต้นเหตุล่ะ ถ้ารักชาติจริงๆ
4. ตอนนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความอยู่รอดของชาติ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหาประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ อ่านแล้วยังไม่รู้เรื่อง ก็ไปเกิดใหม่ดีกว่าเชื่อเถอะ.
วานนี้ (28 มิ.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดาวดิน หรือกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยากให้สังคมมีสติ วันนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ต้องรับฟังข้อเท็จจริง และเหตุผล ดังนั้นทุกฝ่ายต้องบริโภคข้อมูลข่าวสารและคิดทุกเรื่องอย่างมีสติ จึงจะสามารถผ่านวิกฤตเหล่านี้ไปได้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่อยากให้ทุกคนมองเพียงเรื่องเสรีภาพ หรือสิ่งที่เราจะได้รับจากสังคม โดยทุกคนควรมองสิ่งที่จะปฏิบัติ หรือให้กับสังคมด้วย ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข และร่มเย็น
"นายกฯ เน้นเสนอถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยต้องสร้างให้สังคมเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่หวาดระแวง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทุกคนต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่คิดแต่เรื่องเสรีภาพ กับสิ่งที่เราจะได้จากสังคม สังคมเราคิดแบบนี้อยู่แล้ว แต่อาจจะมีส่วนน้อยที่ยังไม่ได้ตระหนัก" พล.ต.สรรเสริญ
กล่าว
**ผบช.น.ยันมีหมายค้นรถทนาย นศ.
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณี สน.สำราญราษฎร์ นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นรถยนต์ของน.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ อายุ 29 ปี ทนายความจากศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน และเป็นหนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาทั้ง 14 คน ซึ่งถูกจับกุมไปเมื่อเย็นวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบว่า มีการค้นรถจริง แต่ไม่ทราบว่าเจ้าของรถเป็นทนายของกลุ่มนักศึกษาทั้ง 14 คน ส่วนสาเหตุที่ตรวจค้นรถนั้น เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีสิ่งของที่ใช้กระทำความผิด หรือหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะต้องยึดไว้ ซึ่งสิ่งของดังกล่าวมีไว้ ได้มาใช้ในการกระทำความผิดอยู่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน ซึ่งหลังจากที่ค้น ก็ไม่มีการดำเนินการขอยึดรถ เพราะยังไม่สิ้นสุดกระบวนการพิจารณา ก็ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม
ส่วนการออกหมายจับนั้น หากพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือสนับสนุน ก็จะต้องออกหมายจับเพิ่มเติม และทำการยึดรถเป็นของกลาง ส่วนกรณีที่มีการออกมาตอบโต้ว่า เจ้าหน้าที่ได้นำสิ่งของภายในรถไป แล้วนำกลับมาคืนนั้น ในส่วนนี้ตนยังไม่ทราบ จะออกมาตอบโต้ หรือโต้แย้งก็ได้ เพราะถือว่ามีสิทธิ ส่วนกรณีที่มีการกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการขอหมายค้น แล้วเข้าไปตรวจค้นรถดังกล่าว ถือว่ากระทำไปโดยพลการนั้น โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่สามารถค้นรถได้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องขอหมายศาล แต่ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายค้นรถดังกล่าว เป็นกรณีพิเศษ
** คาดมีการออกหมายจับเพิ่ม
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า สิ่งของที่พบในรถนั้น เป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่จะสามารถดำเนินการออกหมายจับได้ ยืนยันว่า เรื่องนี้จะไม่จบ เพราะยังไม่สิ้นกระแสความ ซึ่งการออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอน หากมีหลักฐาน และรายละเอียดที่จะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใด ก็จะออกหมายทันที
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ออกมาเฝ้าระวังกลุ่มนักศึกษาที่จะออกมาชุมนุม เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ถ้าหากจะต้องเพิ่มกำลังนั้น จะต้องถามทางกองทัพ เพราะทางกองทัพดูแลเรื่องนี้อยู่ หากมีการชุมนุม จะต้องรอให้ทางกองทัพสั่งการ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ส่วนกรณีการค้นรถนั้น ทางกองทัพไม่เกี่ยว ไม่ว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นเป็นคดีความเป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนการป้องกัน คือหน้าที่ของทหาร โดยปกติแล้วการป้องกันจะเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่ในกรณีนี้ ซึ่งเกี่ยวกับความมั่นคง ทหารจะต้องเป็นหัวหน้า ตำรวจแค่ร่วมปฏิบัติเท่านั้น ยืนยันว่า จะจับตามหมายจับ และก่อนจะจับทุกครั้ง จะต้องไปขอความเห็นชอบการจับกุมตัวจากศาล ถ้าศาลอนุญาต ก็จะจับทันที เพราะทำไปตามหน้าที่
"ขณะนี้คดีดังกล่าวยังอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหาร ถ้าคุณไม่อยากให้อยู่ ก็ไปแก้กฎหมาย และไม่มีความจำเป็นที่ตำรวจจะต้องขอตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม เพราะศาลทหารตัดสินให้ไปควบคุมตัวที่ไหนก็ที่นั่น"
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวย้ำว่า ต่อไปนี้หากจะมีการออกมาชุมนุม หรืออะไรก็ตามแต่ ถ้ายังชุมนุมในขอบเขตของกฎหมาย ก็ถือว่ากระทำได้ แต่ถ้านอกขอบเขตของกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวกับฝ่ายทางการเมือง หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะอยู่ในสำนวน ตนมีหน้าที่ทำสำนวนคดีอาญา และปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คืนที่ผ่านมา มีการปล้นทรัพย์ ภายในบ้านพักส่วนตัวของแกนนำพันธมิตร ได้รับรายงานหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่ามีการก่อเหตุขึ้น แต่ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ
** ผบ.ทบ.รู้ตัวผู้ให้การสนันสนุน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 14 นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ที่ดูในเรื่องนี้ เห็นว่า มีความจำเป็น และเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา เข้าข่ายผิด ม.116 , ม. 83 ของประมวลกฎหมายอาญา เมื่อเข้าข่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการไป และคงให้ความเป็นธรรม ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ถ้าไม่ไปก่อเหตุการณ์ ก็จะไม่เกิดขึ้น
"ผมขอให้หยุดเถอะ อย่ามาทำอะไรเช่นนี้เลย ทำให้ภาพสงบเรียบร้อยดูไม่ดี และนักศึกษาที่ถูกดำเนินการตามกฎหมาย ก็คงไม่หนักหนาอะไร แต่ทางกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ส่วนกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง จะดำเนินการ หรือนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์อยู่ ดังนั้นอย่าทำอะไรที่มีผลกระทบ หรืออย่าทำให้ถึงระดับที่ละเมิดกฎหมายอีกเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นการทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นว่าการให้กำลังใจก็แสดงออกพอควรแล้ว ถ้าล่วงล้ำมากไปกว่านี้จะมีปัญหาอีก ขอเรียนว่า ผู้ที่ให้การสนับสนุน ขอให้หยุด เพราะรู้กลุ่ม รู้ชื่อเสียงกัน และจะต้องมีการพูดคุย ถ้าท่านยังไปให้แนวทางที่ไม่ถูกไม่ควร และทำให้เกิดความไม่สงบได้ ผมบอกไว้ซะก่อน เพราะฉะนั้นพอเถอะ รู้นามสกุลกันหมดแล้ว อย่าไปทำเช่นนั้นเลย" ผบ.ทบ. ระบุ
**"ธนาธร"ปัดอยู่เบื้องหลังกลุ่ม นศ.
เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความ ระบุ ว่าตนเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษา ที่ออกเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการกล่าวหาผมจากช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งมีเนื้อหาคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกันว่า ผมอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาต่อต้านเผด็จการ ในนามกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เพื่อวัตถุประสงค์ในการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
ถ้าเหตุเกิดลำพังเพียงโจมตีผมนั้น ผมคงไม่มีความประสงค์จะตอบโต้อันใด เนื่องด้วยการใส่ความอย่างมดเท็จนี้ ไม่ใช่เป็นครั้งแรกและหาได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริงไม่ หากแต่ครั้งนี้การใส่ความผม กระทบกระเทือนถึงกลุ่มนักศึกษาที่กำลังถามหาประชาธิปไตย ด้วยการเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญกับกลุ่มพลัง อประชาธิปไตย ดังนั้น จึงไม่เป็นธรรมกับพวกเขาเท่าไหร่ หากผมจะนิ่งเฉย
ผมขอชี้แจงสามข้อ ดังนี้ 1. ผมไม่เคยเข้าร่วม/มีส่วนรู้เห็น หรือก่อการใดๆในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เลย
2. ผมไม่เคยข้องเกี่ยวหรือรับเงินจากคุณทักษิณ เพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ
3. ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยว/ชักจูง หรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ใดๆ เลย การกระทำของพวกเขา ล้วนมาจากเจตจำนงค์อันแน่วแน่ และเป็นอิสระของพวกเขาทั้งสิ้น
หากท่านใดมีหลักฐานเป็นอื่น ผมพร้อมเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา
ใช่ ผมอยู่ที่หน้าสน. ปทุมวันในช่วงเย็นของวันที่ 24 มิถุนายนจริง แต่ผมไปในฐานะที่ผมเชื่อว่า เป็นฐานะที่สำคัญที่สุดของผม ซึ่งมิใช่ในฐานะนายทุน แต่คือ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีสิทธิ และอิสระ ในความคิดความเชื่อของตนเอง ผมเชื่อว่าพวกเขากำลังทำในสิ่งซึ่งเป็นคุณต่อสังคมในระยะยาว ดังนั้นผมจึงไปให้กำลังใจเขา เมื่อพวกเขาเสี่ยงต่อการถูกจับกุมด้วยกฏหมายอธรรมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่พึงมีให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมไม่มีส่วนในการกำหนดการเคลื่อนไหวของพวกเขาแม้เพียงน้อย และไม่มีความประสงค์จะทำเช่นนั้น และหากต่อให้ผมมีความประสงค์เช่นนั้นจริง ก็คงจะล้มเหลว เพราะกลุ่มบุคคลที่มีหัวใจแข็งแกร่งปานหินผาเยี่ยงนั้น ย่อมไม่ให้ใคจจูงจมูกได้ง่าย หากสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงออก ซึ่งความคิดความเชื่อและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกพรากจากพวกเขาไปเพียงเพราะพวกเขามีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจจากการทำรัฐประหาร นั่นย่อมเสมือนสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผมถูกพรากไปเช่นกัน
**แนะใช้ ม. 44 นิรโทษฯ"ดาวดิน"
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การจับกุมนักศึกษากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (ดาวดิน) และฝากขังที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ควรใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 นิรโทษกรรมให้นักศึกษากลุ่มนี้ทั้งหมด เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด กับเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ เพราะสิ่งที่นักศึกษาทำ เชื่อมั่นว่าถูกต้อง และบริสุทธิ์ใจ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้าย เราเป็นผู้ใหญ่ ต้องให้อภัยและเข้าใจคนหนุ่มสาว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า คสช. มีหน้าที่สร้างความเข้าใจให้คนทั้งสังคม อย่าให้เกิดช่องว่าง ทั้งในเมืองและชนบท ต้องชี้ให้เห็นการเข้ามาปฏิรูปในนี้ เพราะความจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงปฏิรูป นักศึกษาสามารถเสนอแนะได้อย่างเต็มที่ แต่อาจมีคนบางกลุ่มกำลังวางแผนเสี้ยมให้นักศึกษาชนกับทหาร โดยอาศัยคำว่าประชาธิปไตยเป็นเหยื่อล่อ พวกฝูงไฮยีน่า หน้าตาคุ้นๆ พากันออกมาคำราม หวังจะได้คาวเลือดอีกครั้ง ดังนั้น คสช. จึงควรรีบตัดวงจรของระบอบทักษิณโดยเร็ว และคุ้มครองความปลอดภัยให้นักศึกษาและครอบครัว รวมถึงคนที่ไม่เห็นด้วยกับคสช. อย่าให้มือที่มองไม่เห็นสร้างสถานการณ์ แล้วโยนบาปให้ทหาร เหมือนกรณีชายชุดดำ ที่ยังเป็นแผลใจของสังคมมาถึงทุกวันนี้
** พท.ข้องใจ "ดาวดิน" ทำผิดอะไร
นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผมอ่านข่าวนักศึกษากลุ่มดาวดิน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพฯ ในข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองใดๆ ที่มีจำนวนตั้ งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช ที่3/2558 ข้อ 12 นั้น ตนเห็นว่าน้องนักศึกษาทั้งหมดไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ดังนี้
1. การกระทำของน้องนักศึกษากลุ่ มดาวดินในวันที่ 24 และ 25 มิถุนายน อันนำไปสู่การออกหมายจับคือ การประกาศถึงหลักการสำคั ญในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น มิได้มีการกระทำในลักษณะปลุกระดม หรือชักชวนให้ประชาชนออกมาต่อต้าน หรือก่อความไม่สงบ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่น้องนักศึกษาเรียกร้องคือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึงก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่ วคราว มาตรา 2 มิได้เรียกร้องให้มีการปกครองในระบอบอื่น ส่วนข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญทุกประการ มิได้มีความใดที่ไม่ ถูกต้องหรือบิดเบือน จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตตามความใน มาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญาทุกประการ
2. ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ของพวกคุณในมาตรา 2 ก็เขียนไว้ว่า "ประเทศไทยมี การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ส่วนมาตรา 3 เขียนว่า " อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย" ดังนั้น สิ่งที่น้องนักศึกษากลุ่มดาวดิน เรียกร้องคือสิทธิ ของพวกเขาและกระบวนการอันเป็นประชาธิปไตยซึ่งก็เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรั ฐธรรมนูญชั่วคราวของพวกคุณเองนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่แล้วจะเขียนไว้ หลอกประชาชนทำไม ดังนั้นการกระทำของน้องนักศึกษากลุ่ม ดาวดิน จึงไม่เป็นความผิ ดตามมาตรา 116 ครับ
3. ส่วนข้อหาที่อ้างว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12 ที่ห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปนั้น คำสั่งนี้ใช้บังคับไม่ได้ เพราะขัดกับมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวของคุณเอง ก็ในเมื่อมาตรา 2 บอกเองว่ าประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิ ปไตย ประชาชนจึงย่อมมีสิทธิและเสรี ภาพที่จะแสดงออกตามวิถีแห่งประชาธิปไตยซึ่งรวมถึงการชุมนุ มทางการเมืองด้วย (ขอไม่ใช้คำว่ามั่วสุม เพราะคำนั้นเหมาะกับพวกคุณมากกว่า ) คำสั่ง ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองจึงขัดกับรัฐธรรมนูญที่พวกคุณเขียนขึ้นมาเอง ดังนั้นคนที่ควรถูกจับคือ คนที่ฝ่าฝืนรั ฐธรรมนูญนะครับ แต่ไม่ใช่น้องนักศึกษา ส่วนถ้าจะทำให้คำสั่งของหัวหน้า คสช. ชอบตามรัฐธรรมนูญนั้น ผมขอแนะนำให้พวกคุณไปแก้ไขมาตรา 2 เสียใหม่เป็นว่า "ประเทศไทยปกครองระบอบเผด็จการ" หรือ "ประเทศนี้พักใช้ระบอบประชาธิ ปไตยชั่วคราว" คำสั่งที่ 3/2558 จึงจะชอบตามรัฐธรรมนูญ แล้วค่อยมาจับพวกผม
4. คณะรัฐประหารกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง มีความผิดฐานกบฏ แต่กลับใช้อำนาจออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ตนเองและพรรคพวก ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นอย่างรุนแรง ใครไม่เชื่อฟังก็ลงโทษ ในขณะที่น้องนักศึกษามาเรียกร้องสิทธิของพวกเขาที่ถูกยึดไปด้ วยความบริสุทธิ์ โดยสงบและปราศจากอาวุธกลับถูกจั บกุมดำเนินคดี หรือสังคมไทยได้กลายเป็นสังคม "กาขาว" ที่เป็นยุคของผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน ผมว่ารีบคืนอำนาจให้ประชาชนเถิดครับ ให้พวกเค้าได้กำหนดวิถี ทางทางการเมืองด้วยตัวเอง อย่าไปคิดแทนประชาชนเลยครับ
**ยันคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมมี กม.รองรับ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การที่ประกาศหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง ขัดกับรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 2 ที่ระบุว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”ว่า เนื้อหาใน มาตรา 2 ที่ระบุว่า ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย ถือว่าประชาชนมีเสรีภาพจริง แต่ในรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ด้วย ในมาตรา 5 ว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ซึ่งประเพณีการปกครองที่ว่านี้ หมายรวมถึงรัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ ก่อนหน้าด้วย ซึ่งสิทธิเสรีภาพที่เขียนไว้ มีข้อจำกัดได้ด้วยกฎอัยการศึก หรือ กฎหมาย ดังนั้นคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่กล่าวมา ออกตามกฎอัยการศึก จึงถือว่ามีฐานกฎหมายรองรับ
**เครือข่าย นศ.เขียน จม.ริมกำแพง
เมื่อวานนี้ (28มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณข้างกำแพงประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ กลุ่มนักศึกษา มธ. พร้อมเครือข่ายนักศึกษา และภาคประชาชน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม โพสต์อิท ฟอร์ เฟรนด์ "Postit for friends" โดยเปิดให้เขียนความในใจถึงเพื่อนนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่ถูกคุมขัง พร้อมชักชวนให้ถ่ายรูป และติดแฮชแท็ก คำว่า ประชาธิปไตยใหม่ , ปล่อยเพื่อนเรา หรือ free our friends
สำหรับบรรยากาศในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีนักศึกษา และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรม กว่า 100 คน ทั้งนี้ได้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงเดินทางมาเขียนข้อความให้กำลังใจกับนักศึกษาทั้ง 14 คนด้วย เช่น นายเอกชัย ไชยนุวัติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม นายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอช ประจำประเทศไทย และ นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ หนึ่งในนักศึกษาที่ถูกศาลออกหมายจับในข้อหาขัดขืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการชุมนุมรำลึก 1 ปี รัฐประหาร หน้าหอศิลป์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายเอกชัย ไชยนุวัติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หากนักศึกษาทั้ง 14 คน มีเบื้องหลัง และสั่งได้ ตนเชื่อว่าพ่อแม่ของเขาคงสั่งไม่ให้ออกมาจากบ้าน ออกมาต่อสู้ ออกมาทำกิจกรรม แต่ความจริงคือ พวกเขาสั่งไม่ได้ แม้กระทั่งตนที่เป็นอาจารย์ ก็ยังสั่งไม่ได้
ขณะนี้สิ่งหนึ่งที่นักศึกษา อาจารย์ และประชาชนคนไทยทั้งหมดมีเหมือนกันคือ ความชอบธรรม และขอยืนยันว่า พวกเราไม่ได้เกลียดตำรวจ และทหาร แค่เพียงอยากบอกว่า "เราและท่านต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ขอให้พวกท่านเชื่อเถิดว่า เราปกครองตัวเองได้" นายเอกชัย กล่าว
**"จตุพร" เชิดชู นศ.นักสู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Jatuporn Prompan-จตุพร พรหมพันธุ์" ว่า ไม่ว่ายุคสมัยใด ก็มีการกล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษามีเบื้องหลังมาตลอด เพื่อลดทอนคุณค่าของพลังบริสุทธิ์ ซึ่งหากมีเบื้องหลังจริงๆ คงไม่ถูกจับกุมกันอย่างง่ายดาย
นักศึกษาในวันนี้ ไม่ได้อายนักศึกษาในอดีต ที่ยังเหลือและไม่ทรยศต่ออุดมการณ์การต่อสู้ เรามีสิทธิที่จะห่วงใย แต่อย่าวิตกกังวล การที่อำนาจรัฐจับตัวนั้น จะยิ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ อำนาจเป็นเหมือนนาฬิกาทรายที่หล่นลงทุกวัน เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดฝัน ประเทศไทยเราไม่สูญสิ้นประชาชนนักสู้ ซึ่งเราต้องเชื่อมั่นในความคิดของขบวนการนักศึกษา ตนเองก็มีความภาคภูมิใจ ยืนดู ยืนชม ชื่นชมไกลๆ กลัวว่าหากเข้าไปใกล้ เขาจะมีความเสียหาย
สำหรับรายละเอียดของข้อความที่นายจตุพร โพสต์ มีดังนี้
"ไม่ว่ายุคสมัยใด ก็มีการกล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวมีเบื้องหลังมาตลอด เมื่อรัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามข้อเรียกร้องของนักศึกษาได้ ง่ายดายที่สุดคือ ยัดข้อกล่าวหาว่ามีเบื้องหลังเอาไว้ก่อน เพราะการกล่าวหาว่ามีคนอยู่เบื้องหลังนั้น จะกลายเป็นอาวุธที่สำคัญเพื่อลดทอนคุณค่าขอพลังบริสุทธิ์เสมอ ฉะนั้นตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ผบ.ทบ. รมต.ประจำสำนักนายกฯ ต่างก็กล่าวหานักศึกษาไปทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น
ถ้านักศึกษามีเบื้องหลังจริงๆ อย่างที่พวกท่านว่า บรรดาน้องนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่ประกาศองค์กรใหม่ เป็น "ขบวนประชาธิปไตยใหม่" คงจะไม่ถูกจับกุมกันง่ายดายอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้
ในอดีตการต่อสู้ที่มีนักศึกษาเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 หรือ พฤษภา 35 ซึ่งผมเริ่มจากเป็นนักสู้นิรนามคนหนึ่ง จนได้ถือธงร่วมนำการต่อสู้นั้น ประชาชนในเวลานั้นไม่มีใครที่มีความคลางแคลงใจ ว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังผมหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ขณะนั้นไม่มีใครที่ไหนมากล้าอยู่ข้างหลังหรอก เพราะไม่รู้ว่าจะโดนลูกหลงยิงโดนเข้าไปด้วยหรือเปล่า
สิ่งหนึ่งนั้นคือ การยอมรับในบริบทแห่งความเป็นจริง ว่าใครก็ตามที่เข้ามาเดินบนหนทางแห่งการต่อสู้นี้ ไม่จบด้วยตาย ก็ต้องติดคุก คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็จะมีชะตากรรมกันแบบนี้ ภาพที่ปรากฏคนหนุ่มสาวเหล่านี้ จึงไม่มีสีหน้าที่วิตกกังวล กับการต้องเดินเข้าสู่เรือนจำ เพราะพวกเขาก็ไม่ยี่หระต่อชะตากรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามา และก็ยังทายท้า ประกาศว่าไม่ขอประกันตัว เพียงเพื่อต้องการใช้อิสรภาพของตนเองนั้น ปลุกกระแสความรู้สึกของประชาชน
นักศึกษาในวันนี้ ก็ไม่ได้อายนักศึกษาในอดีต ที่ยังเหลือ และไม่ทรยศต่ออุดมการณ์การต่อสู้ เพราะฉะนั้นเรามีสิทธิที่จะห่วงใย แต่อย่าวิตกกังวล สิ่งที่พวกเขาดำเนินการนั้น เป็นยุคแห่งสมัย หนทางข้างหน้า เมื่อเดินเข้าสู่ถนนสายนี้นั้น เขาพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งดูได้จากความรู้สึกขณะถูกจับกุม จากการต่อสู้และแสดงจุดยืนในระบอบประชาธิปไตย แม้จะถูกจับก็ยังมีความสง่างาม น่ายกย่องอยู่
** เปรียบอำนาจเหมือนนาฬิกาทราย
เวลานี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คน 14 คน แต่อยู่ที่ประชาชนคนไทย และสายตาชาวโลกที่ได้ติดตามข่าวสาร จริงอยู่ อำนาจรัฐจะจับตัวตั้งแต่วันไหนก็จับได้ แต่การปฏิบัติการณ์ การให้ข่าวระหว่างกันนั้น แล้วมาทำกันอีกอย่างหนึ่ง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งสร้างความไม่สบายใจ ให้กับบรรดาองค์กรต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประชาชนที่เขามีความรู้สึก เพราะในวันเวลาที่มีความยากลำบากนั้น ผมเข้าใจว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจก็เข้าใจในสัจธรรมทางการเมืองที่ผมพยายามอธิบาย ให้ฟังหลายครั้ง ว่าอำนาจก็เหมือนนาฬิกาทราย ตอนมาทรายก็เต็ม แต่มันจะหล่นลงทุกวันๆ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 57 จนถึงปัจจุบันนี้ ลองดูกันแฟร์ๆ ว่า อารมณ์คนไม่เท่าเดิม
บางครั้งสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องก็ทำให้พลิกผันได้ ตอนอดีตเมื่อมีการลบชื่อนักศึกษารามฯ 9 คน ก็คิดถึงขนาดว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ต่อมากลับเกิดกระบวนการนักศึกษา ร่วมกันขอคืนสถานภาพ จนมหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ต้องคืน กระทั่งมีการชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ ก็เข้าใจว่าจับ 13 คนไปแล้ว ที่เหลือก็จะไม่กล้า ส่วนเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลา ก็เกิดขึ้นหลังจากที่เรื่องราวจบไปแล้ว และนี่คือชะตากรรมของบ้านเมือง ที่ไม่มีใครคาดฝัน
ประเทศไทยเราไม่สูญสิ้นประชาชนนักสู้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเท่าใด สถานการณ์ของประเทศจะเป็นอย่างใด ปริมาณจะมากจะน้อย ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แผ่นดินนี้ไม่เคยสิ้นคนหนุ่มสาวที่มีอนาคตให้กับบ้านเมืองนี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม แม้เราจะไม่ใช้ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่วีรกรรมอันอาจหาญในความกล้าที่จะแสดงออกและไม่หวั่นเกรงต่อภัยใดๆนั้น คนที่ผ่านโลกกันมาก่อน ก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่ได้ผลประโยชน์อันใด หากเกิดการเปลี่ยนแปลงเขาจะมาเป็นอะไร นอกจากเขาจะได้ความสุขว่า การที่ได้เข้าไปเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยอันสร้างมาจากเงินภาษีของประชาชน บัดนี้เขาได้ตอบแทนประชาชนแล้ว
เราต้องเชื่อมั่นในความคิดของขบวนการนักศึกษา เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไรนั้น ยืนดู อย่าไปเรียกร้องอะไรกับบรรดาคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ให้เขาคิดเอง ทำเอง แก้ไขปัญหาเอง ต้องขอบอกว่า ผมเองก็มีความภาคภูมิใจ ยืนดู ยืนชม ชื่นชมไกลๆ กลัวว่าหากเข้าไปใกล้ เขาจะมีความเสียหาย"
** ถามนศ.ช่วงรัฐบาลโกง มัวไปอยู่ไหน
ด้าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว "พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์" ถึงกรณีที่กลุ่มนักศึกษาออกมาประท้วงทหาร เรียกร้องประชาธิปไตย โดยพล.ท.นันทเดช ถามกลับไปยังกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นว่า
1. ในประเทศกลุ่มอาเชียนที่เรารวมกันอยู่นี้ มีประเทศไหนบ้างที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่า ลาว พม่า เขมร มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ ฯลฯ ประเทศในกลุ่มอาเชียนมีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ของตัวเอง ผู้นำประเทศเหล่านี้ ก็เลือกที่จะใช้ประชาธิปไตยแบบของเขา ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้น รัฐบาลในกลุ่มอาเชียน จึงไม่เคยสนใจ "ประชาธิปไตยแบบตะวันตก" ถ้าพวกนักศึกษาอยากเลือกตั้ง ทำไมไม่รอสักหน่อย ได้เลือกแน่นอน เพราะเราก็จะมีการเลือกตั้งขึ้นในไม่ช้านี้ รอให้คดีทุจริตต่างๆ มันเป็นเรื่องเป็นราวชัดเจน เอาเงินของชาติคืนมาเป็นตัวอย่างเสียบ้าง หรือมีเจ้านายสั่งมาว่า "รอไม่ได้"
2. ตอนประชาชนประท้วงรัฐบาลเก่าว่า "ขี้โกง" ไปอยู่กันที่ไหน หรือเห็นด้วยกับการโกง "เงิน"
3. รู้ไหมว่าตอนนี้ประเทศไทยเดือดร้อนขนาดไหน ไม่ได้มาจากการรัฐประหาร แต่มาจากภาระเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ลองหันไปดูซิว่า แต่ละเรื่องที่ทำให้ประเทศเดือดร้อนอยู่ในปัจจุบันนี้ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาทำรัฐประหาร ก็มาจากเรื่องเดียวกัน แล้วทำไมไม่ไปประท้วงพวกที่เป็นต้นเหตุล่ะ ถ้ารักชาติจริงๆ
4. ตอนนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความอยู่รอดของชาติ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหาประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ อ่านแล้วยังไม่รู้เรื่อง ก็ไปเกิดใหม่ดีกว่าเชื่อเถอะ.