**ตลอดระยะเวลาปีกว่า ที่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำหัวขบวน "ขุนทหาร" ยึดอำนาจและปกครองมา แทบไม่มี "กลุ่มต้าน" ที่ทนแรงเสียดทานของทั้ง "กฎอัยการศึก" หรือ "มาตรา 44 " ได้เลย
อย่างบรรดา"หัวโจกแดง" หรือแกนนำมวลชนสายแดง กาชื่อทิ้งไปได้เลย เพราะทั้ง "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ "ไอ้เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" และชาวคณะ ไม่มีท่าทีฮึดฮัดแต่อย่างใดกับการเข้ามาของคสช. ทำตัวเป็น "เด็กดี" อยู่ในโอวาทมาตลอด อาจจะมีช่วงที่ส่งเสียงอ๋อแอ๋ ออกมาให้ได้ยินบ้าง ก็เป็นไปในลักษณะส่งสัญญาณเพื่อบอกว่ายังมีตัวตนอยู่
**เหตุที่ "โจกแดง" ไม่กล้าที่ออกมาท้าชนกับ "รัฐบาล-คสช." ก็เพราะลำพังคดีความที่ค้างอยู่ชั้นศาลของแต่ละคนในอดีตก็ทำเอากลัวจนขี้หดตดหาย กันไปหมดแล้ว หากมาโดนคดีใน"ศาลทหาร" อีก มีหวังปิดตำนาน "สู้แล้วรวย" ไปเร็วกว่ากำหนด
ขณะที่คนในพรรคเพื่อไทย ก็ออกลายเก๋าของนักการเมือง รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นนก พากันกบดาน จำศีล รอเวลา"นาย" เคาะกะลาที ก็ออกมาเจื้อยแจ้ว ซักที
ส่วนกลุ่มนักเคลื่อนไหวสีแดงอื่นๆ ทั้งอาจารย์ นักกิจกรรม ศิลปิน กระทั่งนักการเมืองเพื่อไทย สายพันธุ์ฮาร์ดคอร์ ก็แตกกระสานซ่านเซ็นเอาตัวรอด ไปซุกหัวอยู่เมืองนอก ก็หลายร้อยคน บ้างก็แปลงกายเป็นได้แค่ "นักเลงคีย์บอร์ด"ไปวันๆ
เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้ "รัฐบาลบิ๊กตู่-ขุนทหาร" ก็ดูจะนำ "เรือแป๊ะ" ล่องแม่น้ำ 5 สาย ได้อย่างสบายอกสบายใจ
แต่ทว่าเมื่อ "ผู้ใหญ่" ใจไม่ถึง ก็กลายเป็น "เด็กน้อย" ที่ออกมาโลดแล่นแอกชั่น ท้าทาย คสช.เสียเอง จึงได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นโดย "นักศึกษา" ในการต่อต้านการรัฐประหาร บ่อยครั้ง
ทั้งนัดหมายรวมตัว "ชูสามนิ้ว-จุดเทียน" แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มีให้เห็นแบบถี่ยิบ
**ที่ดูจะมีผลงานเตะตาที่สุดเห็นจะเป็น "กลุ่มดาวดิน" ที่เคยก่อวีรกรรม "ชูสามนิ้ว" ต้านรัฐประหาร ตามกระแสหนังดังในช่วงนั้น ต่อหน้าต่อตา "บิ๊กตู่" มาแล้วเมื่อครั้งลงพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น
ต่อด้วย กลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) ที่บุกถึงหน้าศาลทหาร เพื่อกดดันให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมหลายคนที่ถูกคดีขัดคำสั่ง คสช. สุดท้ายรัฐบาล-คสช. ยอมตามที่ร้องขอ
ซึ่งมีความพยายามเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้กับ "ฝ่ายการเมือง-คนเสื้อแดง" มาโดยตลอด เพราะมองกันว่า เป็นความพยายามของผู้อยู่เบื้องหน้า-เบื้องหลังของ "นักศึกษา" ที่จะยั่วยุ "บิ๊กตู่" ให้ตบะแตก
ถ้าจับอาการ "บิ๊กตู่" ก็จะเห็นได้ว่า ออกไปในแนวรำคาญใจ ที่ยังมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการต่อต้านคสช. แต่ก็ยังถือว่าคุมจังหวะประคองเกมได้อยู่ ยอมถอยครึ่งก้าวบ้าง-เต็มก้าวบ้าง เพื่อกดทับกระแส "นักศึกษา" ไม่ให้ลุกลาม
ทว่าล่าสุด "ขุนทหาร" กลับปรี๊ดแตกจนได้ เมื่อมีคำสั่งไฟเขียวให้ปฏิบัติการจับกุม 14 นักศึกษา "กลุ่มดาวดิน" ที่ออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ทั้งวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร ต่อด้วยครบรอบ 83 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
โดยให้มาขึ้น "ศาลทหาร" เพื่อฝากขังต่อ จุดชนวนความไม่พอใจของเหล่านักศึกษา-อาจารย์ ออกมาให้เห็น จากจุดเล็กๆ กลายเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้างทันที
แม้รัฐบาล-คสช. จะระดมมันสมองมือทองด้านความมั่นคง อย่างหน่วยข่าวกรองทหาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ข่าวมหาดไทย มาช่วยกันประเมินความเคลื่อนไหว ซึ่งค่อนข้างเชื่อว่า แรงต้านยังมีน้อย
แต่ "บิ๊กตู่" ต้องไม่ลืมว่า"ไฟ" ที่ถูกจุดขึ้นแล้วมันดับยาก อยู่ที่ว่าจะคุมไม่ให้ลุกลามได้ดีแค่ไหน หากคุมไม่อยู่ มีหวังไฟลามแผ่วงกว้างแล้วจะเดือดร้อนกันหนัก
**ชั่วโมงนี้ "ไฟ" ที่ถูก "นักศึกษา" จุดขึ้นนั้น ถือว่า"จุดติด" แม้จะยังไม่ลุกโชน เพราะอย่างน้อยก็ลามไปยังสถาบันการศึกษาอื่น ที่ไม่ใช่แค่ ดาวดิน-ไม่ใช่แค่ธรรมศาสตร์ ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย กับการจับกุม 14 นักศึกษา
แถมยังลามไปยัง "อาจารย์-ชนชั้นนำ" ที่หลายคนเป็นขั้วสีอื่น ที่ไม่ใช่ขั้วสีแดง ให้ออกมาแสดงจุดยืน ซึ่งอาจจะถูกผลักให้เลือกข้างแดงก็เป็นได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยกับหลักการภาพใหญ่แดง แต่ไม่เห็นด้วยกับ "รัฐบาล-คสช." ที่ออกมากระทำกับนักศึกษามากกว่า
อย่าลืมว่า การต่อสู้ทางการเมือง "นักศึกษา" มีเครดิตทางสังคมสูงมาก โมเดลเหตุการณ์ 14 ตุลา โมเดลพฤษภาทมิฬ จึงถูกเซ็ตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สร้างความหวังให้ "ขั้วแดง" ทั้ง แดงแท้-แดงเทียม มีชีวิตชีวาขึ้นมา
"บิ๊กตู่" ควรรู้ไว้ว่า สัจธรรมของ "ผู้มีอำนาจ" คือ ยิ่งอยู่นาน "ศัตรู" ยิ่งเยอะ และหากผลักมิตรให้เป็น "ศัตรู" ยิ่งเสี่ยงต่อการแพ้เกมยาว ดังนั้น "บิ๊กตู่" ไม่ควรผลักบรรดาคนกลุ่มนี้ ให้ไปเป็น "ศัตรู" เพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ
แม้ "รัฐบาล-คสช." จะออกมาหยอดว่า จะไม่ลงโทษหนักกับ "นักศึกษา" แต่ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่า โทษจะเบา หรือจะหนัก เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโทษ
ซึ่งการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ "รัฐบาล-คสช." ที่ใช้ "ศาลทหาร" ไว้คอยจัดการกับ "นักการเมือง" ได้อยู่หมัด แต่การนำมาบังคับใช้กับ "นักศึกษา" กลับเข้าทาง "องค์กรแดง" อย่าง "ฮิวแมนไรต์วอช " ทันที
**ไม่ทันข้ามคืน "ฮิวแมนไรต์ วอช" ก็ตะครุบ "ประเทศไทย" ราวกับเหยื่ออันโอชะ นำกรณีดังกล่าวออกแถลงการณ์ฟ้องโลกทันที ประเด็นสำคัญคือ ไม่เห็นด้วยที่ "พลเรือน" จะขึ้น "ศาลทหาร"
แน่นอนว่า แถลงการณ์ของ "ฮิวแมนไรต์วอช " จะถูกบรรดา "ล็อบบี้ยิสต์" ที่รับงานจาก "นช.แม้ว" ไปขยี้บี้ "รัฐบาลบิ๊กตู่" ในเวทีโลกต่อ เหมือนที่เคยใช้ข้ออ้าง "กฏอัยการศึก" บี้จน "รัฐบาลบิ๊กตู่" ต้องแก้เกม ยกเลิกมาใช้ ม.44 แทน
แต่สิ่งที่ "รัฐบาลบิ๊กตู่" พอมีข้อโต้แย้งอยู่บ้างคือ การเปิดเกม "นักการเมือง" อยู่เบื้องหลัง "นักศึกษา" หากมีจริง ต้องไล่บี้ให้จนมุม และต้องฉีกหน้ากากคนบงการออกมาให้ได้ เพื่อเพิ่มแต้มต่อ ทั้งในและนอกประเทศ
**โดยแบล็กลิสต์ของ "รัฐบาล-คสช." มีข่าวลือว่า พุ่งเป้าไปที่ "ทายาทตระกูล จ." ที่ถือหุ้นบริษัทสื่อหลายบริษัท และเป็นหัวจ่ายให้ขบวนการแดงมาตลอด
จึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ "ทายาทตระกูล จ." ให้ดี ที่อาจจะเป็นตัวแปรทางการเมืองได้
นาทีนี้ ความดำรงอยู่ของ "รัฐบาลบิ๊กตู่" เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง หากคุมแนวคิดการต่อต้าน ที่เริ่มจาก "นักศึกษา" ไม่ได้ อาจจะถึงขั้นลำบาก
เพราะต้องไม่ลืมว่า หลายครั้งที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลง มักเริ่มจากคนเพียงไม่กี่คน จึงไม่ควรประมาทพลังที่เริ่มจาก "14 นักศึกษา" ที่วันนี้ถูกนำไปเปรียบกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในอดีต
**ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ ก็เป็น "ฝ่ายผู้มีอำนาจ" เพลี่ยงพล้ำ ก่อนจะพ่ายแพ้ ในที่สุด
อย่างบรรดา"หัวโจกแดง" หรือแกนนำมวลชนสายแดง กาชื่อทิ้งไปได้เลย เพราะทั้ง "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ "ไอ้เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" และชาวคณะ ไม่มีท่าทีฮึดฮัดแต่อย่างใดกับการเข้ามาของคสช. ทำตัวเป็น "เด็กดี" อยู่ในโอวาทมาตลอด อาจจะมีช่วงที่ส่งเสียงอ๋อแอ๋ ออกมาให้ได้ยินบ้าง ก็เป็นไปในลักษณะส่งสัญญาณเพื่อบอกว่ายังมีตัวตนอยู่
**เหตุที่ "โจกแดง" ไม่กล้าที่ออกมาท้าชนกับ "รัฐบาล-คสช." ก็เพราะลำพังคดีความที่ค้างอยู่ชั้นศาลของแต่ละคนในอดีตก็ทำเอากลัวจนขี้หดตดหาย กันไปหมดแล้ว หากมาโดนคดีใน"ศาลทหาร" อีก มีหวังปิดตำนาน "สู้แล้วรวย" ไปเร็วกว่ากำหนด
ขณะที่คนในพรรคเพื่อไทย ก็ออกลายเก๋าของนักการเมือง รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นนก พากันกบดาน จำศีล รอเวลา"นาย" เคาะกะลาที ก็ออกมาเจื้อยแจ้ว ซักที
ส่วนกลุ่มนักเคลื่อนไหวสีแดงอื่นๆ ทั้งอาจารย์ นักกิจกรรม ศิลปิน กระทั่งนักการเมืองเพื่อไทย สายพันธุ์ฮาร์ดคอร์ ก็แตกกระสานซ่านเซ็นเอาตัวรอด ไปซุกหัวอยู่เมืองนอก ก็หลายร้อยคน บ้างก็แปลงกายเป็นได้แค่ "นักเลงคีย์บอร์ด"ไปวันๆ
เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้ "รัฐบาลบิ๊กตู่-ขุนทหาร" ก็ดูจะนำ "เรือแป๊ะ" ล่องแม่น้ำ 5 สาย ได้อย่างสบายอกสบายใจ
แต่ทว่าเมื่อ "ผู้ใหญ่" ใจไม่ถึง ก็กลายเป็น "เด็กน้อย" ที่ออกมาโลดแล่นแอกชั่น ท้าทาย คสช.เสียเอง จึงได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นโดย "นักศึกษา" ในการต่อต้านการรัฐประหาร บ่อยครั้ง
ทั้งนัดหมายรวมตัว "ชูสามนิ้ว-จุดเทียน" แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มีให้เห็นแบบถี่ยิบ
**ที่ดูจะมีผลงานเตะตาที่สุดเห็นจะเป็น "กลุ่มดาวดิน" ที่เคยก่อวีรกรรม "ชูสามนิ้ว" ต้านรัฐประหาร ตามกระแสหนังดังในช่วงนั้น ต่อหน้าต่อตา "บิ๊กตู่" มาแล้วเมื่อครั้งลงพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น
ต่อด้วย กลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) ที่บุกถึงหน้าศาลทหาร เพื่อกดดันให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมหลายคนที่ถูกคดีขัดคำสั่ง คสช. สุดท้ายรัฐบาล-คสช. ยอมตามที่ร้องขอ
ซึ่งมีความพยายามเชื่อมโยงความเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้กับ "ฝ่ายการเมือง-คนเสื้อแดง" มาโดยตลอด เพราะมองกันว่า เป็นความพยายามของผู้อยู่เบื้องหน้า-เบื้องหลังของ "นักศึกษา" ที่จะยั่วยุ "บิ๊กตู่" ให้ตบะแตก
ถ้าจับอาการ "บิ๊กตู่" ก็จะเห็นได้ว่า ออกไปในแนวรำคาญใจ ที่ยังมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการต่อต้านคสช. แต่ก็ยังถือว่าคุมจังหวะประคองเกมได้อยู่ ยอมถอยครึ่งก้าวบ้าง-เต็มก้าวบ้าง เพื่อกดทับกระแส "นักศึกษา" ไม่ให้ลุกลาม
ทว่าล่าสุด "ขุนทหาร" กลับปรี๊ดแตกจนได้ เมื่อมีคำสั่งไฟเขียวให้ปฏิบัติการจับกุม 14 นักศึกษา "กลุ่มดาวดิน" ที่ออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ทั้งวันครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร ต่อด้วยครบรอบ 83 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
โดยให้มาขึ้น "ศาลทหาร" เพื่อฝากขังต่อ จุดชนวนความไม่พอใจของเหล่านักศึกษา-อาจารย์ ออกมาให้เห็น จากจุดเล็กๆ กลายเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้างทันที
แม้รัฐบาล-คสช. จะระดมมันสมองมือทองด้านความมั่นคง อย่างหน่วยข่าวกรองทหาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ข่าวมหาดไทย มาช่วยกันประเมินความเคลื่อนไหว ซึ่งค่อนข้างเชื่อว่า แรงต้านยังมีน้อย
แต่ "บิ๊กตู่" ต้องไม่ลืมว่า"ไฟ" ที่ถูกจุดขึ้นแล้วมันดับยาก อยู่ที่ว่าจะคุมไม่ให้ลุกลามได้ดีแค่ไหน หากคุมไม่อยู่ มีหวังไฟลามแผ่วงกว้างแล้วจะเดือดร้อนกันหนัก
**ชั่วโมงนี้ "ไฟ" ที่ถูก "นักศึกษา" จุดขึ้นนั้น ถือว่า"จุดติด" แม้จะยังไม่ลุกโชน เพราะอย่างน้อยก็ลามไปยังสถาบันการศึกษาอื่น ที่ไม่ใช่แค่ ดาวดิน-ไม่ใช่แค่ธรรมศาสตร์ ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย กับการจับกุม 14 นักศึกษา
แถมยังลามไปยัง "อาจารย์-ชนชั้นนำ" ที่หลายคนเป็นขั้วสีอื่น ที่ไม่ใช่ขั้วสีแดง ให้ออกมาแสดงจุดยืน ซึ่งอาจจะถูกผลักให้เลือกข้างแดงก็เป็นได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นด้วยกับหลักการภาพใหญ่แดง แต่ไม่เห็นด้วยกับ "รัฐบาล-คสช." ที่ออกมากระทำกับนักศึกษามากกว่า
อย่าลืมว่า การต่อสู้ทางการเมือง "นักศึกษา" มีเครดิตทางสังคมสูงมาก โมเดลเหตุการณ์ 14 ตุลา โมเดลพฤษภาทมิฬ จึงถูกเซ็ตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง สร้างความหวังให้ "ขั้วแดง" ทั้ง แดงแท้-แดงเทียม มีชีวิตชีวาขึ้นมา
"บิ๊กตู่" ควรรู้ไว้ว่า สัจธรรมของ "ผู้มีอำนาจ" คือ ยิ่งอยู่นาน "ศัตรู" ยิ่งเยอะ และหากผลักมิตรให้เป็น "ศัตรู" ยิ่งเสี่ยงต่อการแพ้เกมยาว ดังนั้น "บิ๊กตู่" ไม่ควรผลักบรรดาคนกลุ่มนี้ ให้ไปเป็น "ศัตรู" เพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ
แม้ "รัฐบาล-คสช." จะออกมาหยอดว่า จะไม่ลงโทษหนักกับ "นักศึกษา" แต่ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่า โทษจะเบา หรือจะหนัก เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโทษ
ซึ่งการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ "รัฐบาล-คสช." ที่ใช้ "ศาลทหาร" ไว้คอยจัดการกับ "นักการเมือง" ได้อยู่หมัด แต่การนำมาบังคับใช้กับ "นักศึกษา" กลับเข้าทาง "องค์กรแดง" อย่าง "ฮิวแมนไรต์วอช " ทันที
**ไม่ทันข้ามคืน "ฮิวแมนไรต์ วอช" ก็ตะครุบ "ประเทศไทย" ราวกับเหยื่ออันโอชะ นำกรณีดังกล่าวออกแถลงการณ์ฟ้องโลกทันที ประเด็นสำคัญคือ ไม่เห็นด้วยที่ "พลเรือน" จะขึ้น "ศาลทหาร"
แน่นอนว่า แถลงการณ์ของ "ฮิวแมนไรต์วอช " จะถูกบรรดา "ล็อบบี้ยิสต์" ที่รับงานจาก "นช.แม้ว" ไปขยี้บี้ "รัฐบาลบิ๊กตู่" ในเวทีโลกต่อ เหมือนที่เคยใช้ข้ออ้าง "กฏอัยการศึก" บี้จน "รัฐบาลบิ๊กตู่" ต้องแก้เกม ยกเลิกมาใช้ ม.44 แทน
แต่สิ่งที่ "รัฐบาลบิ๊กตู่" พอมีข้อโต้แย้งอยู่บ้างคือ การเปิดเกม "นักการเมือง" อยู่เบื้องหลัง "นักศึกษา" หากมีจริง ต้องไล่บี้ให้จนมุม และต้องฉีกหน้ากากคนบงการออกมาให้ได้ เพื่อเพิ่มแต้มต่อ ทั้งในและนอกประเทศ
**โดยแบล็กลิสต์ของ "รัฐบาล-คสช." มีข่าวลือว่า พุ่งเป้าไปที่ "ทายาทตระกูล จ." ที่ถือหุ้นบริษัทสื่อหลายบริษัท และเป็นหัวจ่ายให้ขบวนการแดงมาตลอด
จึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ "ทายาทตระกูล จ." ให้ดี ที่อาจจะเป็นตัวแปรทางการเมืองได้
นาทีนี้ ความดำรงอยู่ของ "รัฐบาลบิ๊กตู่" เข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง หากคุมแนวคิดการต่อต้าน ที่เริ่มจาก "นักศึกษา" ไม่ได้ อาจจะถึงขั้นลำบาก
เพราะต้องไม่ลืมว่า หลายครั้งที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลง มักเริ่มจากคนเพียงไม่กี่คน จึงไม่ควรประมาทพลังที่เริ่มจาก "14 นักศึกษา" ที่วันนี้ถูกนำไปเปรียบกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในอดีต
**ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ ก็เป็น "ฝ่ายผู้มีอำนาจ" เพลี่ยงพล้ำ ก่อนจะพ่ายแพ้ ในที่สุด