“อุดมเดช” เชื่อจับกุม 14 นักศึกษาป่วนเมืองไม่บานปลาย ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ชื่นชมนักศึกษาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ต่างจากพวกสร้างความวุ่นวาย ลั่นพวกอยู่เบื้องหลัง ไม่รอดต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดี ยันรู้ตัวหมดแล้วเป็นใครบ้าง เผยลงพื้นที่ภาคใต้เยี่ยมชาวมุสลิมช่วงรอมฎอน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 14 นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ว่า ในส่วนนี้ตนถือว่ายังไม่ได้บายปลายไปมาก เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูในเรื่องระดับของการก่อเรื่องราวเห็นว่ามีความจำเป็นและเห็นว่าเข้าข่ายผิด ม.116 ม.83 ของประมวลกฎหมายอาญา เมื่อเข้าข่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการไป และคงให้ความเป็นธรรม ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ถ้าไม่ไปก่อเหตุการณ์ก็จะไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อย ตนยังคิดชื่นชมนักศึกษาอีกมากที่ทำในสิ่งที่ดีงาม สร้างชื่อเสียง ทั้งกลุ่มนักศึกษาที่ได้รวมตัวทางวิชาการได้รางวัลจากต่างประเทศ หรือกลุ่มที่แสดงออกทางกีฬา เช่นนักกีฬาปัญจสีลัตที่ได้เหรียญจากซีเกมส์ คิดว่าส่วนใหญ่เดินไปได้ด้วยดี อยากให้น้องๆ ลูกหลาน นักศึกษาอยู่ในส่วนของการพัฒนาประเทศ และสร้างชื่อเสียง
“ส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาต่อความสงบเรียบร้อย ก็อย่าไปทำ ซึ่งจะมีกลุ่มที่ให้กำลังใจส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก ผมขอให้ยุดเถอะ อย่ามาทำอะไรเช่นนี้เลย ทำให้ภาพสงบเรียบร้อยดูไม่ดี และ นักศึกษาที่ถูกดำเนินการตามกฎหมายก็คงไม่หนักหนาอะไร แต่ทางกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ส่วนกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง จะดำเนินการ หรือ นำตัวมาดำเนินคดีต่อไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์อยู่ ดังนั้นอย่าทำอะไรที่มีผลกระทบ หรืออย่าทำให้ถึงระดับที่ละเมิดกฎหมายอีกเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นการทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นว่าการให้กำลังใจก็แสดงออกพอควรแล้ว ถ้าล่วงล้ำมากไปกว่านี้จะมีปัญหาอีก”
พล.อ.อุดมเดช กล่าวเตือนว่า ผู้ที่ให้การสนับสนุนขอให้หยุด เพราะรู้กลุ่ม รู้ชื่อเสียงกัน และจะต้องมีการพูดคุย ถ้าท่านยังไปให้แนวทางที่ไม่ถูกไม่ควร และทำให้เกิดความไม่สงบได้ ตนบอกไว้ซะก่อน เพราะฉะนั้นพอเถอะ รู้นามสกุลกันหมดแล้ว อย่าไปทำเช่นนั้นเลย เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นดีและต้องการเห็นความสงบ ทุกคนพอใจที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ปัญหาที่รัฐบาล นายกฯแก้ไขมีหลายอย่าง ไม่ใช่แก้ไขได้ง่าย แต่พื้นฐานสถานการณ์ต้องมีความสงบเรียบร้อยก่อน รัฐบาลจะมีสมาธิแก้ไขปัญหาด้วยดี
พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียนพี่น้องมุสลิม เพื่อมอบสิ่งของที่มีความจำเป็น และมีประโยชน์ เช่นอาหารเสริม เราก็อยากให้ปฏิบัติศาสนกิจด้วยความเรียบร้อยราบรื่น ให้พี่น้องได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น ยังลงไปดูการจัดเตรียมพื้นที่ดูแลด่านตรวจต่างๆ ส่วนกำลังที่ปฏิบัติอยู่นั้นก็ปรับให้เป็นเรื่องการดูแลความสะดวกเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย
สำหรับการปฏิบัติในเรื่องของกฎหมายก็ให้เข้มงวดในการสอดส่องดูแลและงานด้านการข่าว เพราะเราไม่อยากให้มีภัยเข้ามาสอดแทรกในช่วงที่ประกอบศาสนกิจ ในส่วนนี้ยังมีเรื่องของการให้โอกาสผู้ที่หลงผิดได้กลับเข้ามาเยี่ยมครอบครัว และ ประกอบศาสนกิจด้วย ตามโครงการพาคนกลับบ้าน มีการรายงานตัว แสดงตน ตามขั้นตอน ในขณะที่ชาวไทยพุทธจะได้มีโอกาสไปดูแลวัดบางแห่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจกับประชาชนชาวพุทธด้วย การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีความเสมอภาคกันในการดูแล
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบงานด้านการข่าวยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นห่วง เราก็ติดตามสถานการณ์อยู่ อาจควบคู่ไปกับการพูดคุยสันติสุข ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้า ช่วงนี้เป็นช่วงสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งกลุ่มที่มีความเห็นต่าง 6 กลุ่มก็ต้องแสดงออกด้วย โดยฝ่ายรัฐบาลที่มีคณะทำงานพูดคุย ซึ่งได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความจริงใจ ทั้งนี้เหตุการณ์ห้วงเดือนที่ผ่านมาลดลง การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีส่วนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และประชาชนก็ให้ความร่วมมือดีขึ้น