ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ดื่มแล้วขับ นับเป็นฆาตกร”แคมเปญใหม่ของ สสส. ถือว่าโดนใจ และแรงกว่าทุกโหมดรณรงค์ที่ผ่านๆมา เพราะหากยังปล่อยปละละเลย ให้สังคมไทยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับโชเฟอร์ขี้เมาบนถนนก็ไม่ทราบว่าสักวันหนึ่งอาจถึงคิวเราท่าน หรือใครก็ได้ ที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อะไรด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ เกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับหลายกรณีด้วยกัน ที่สำคัญตัวก่อเรื่องเป็นสุภาพสตรีเสียด้วย ความเชื่อว่าพวกเมาแล้วขับเป็นแต่ชายขี้เมา ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนไปเพราะ “หญิงขี้เมา”ก่ออุบัติเหตุร้ายแรงจนเป็นข่าวสลดใจระดับประเทศ ก็มีให้เห็นอย่างถี่ยิบ
ตัวอย่างที่ยังติดตากันอยู่ เช่นวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถเก๋งพุ่งชนขบวนจักรยาน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เหตุเกิดตอนเช้าตรู่บริเวณถนนหลวงสาย 118 เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ส่วนคนเจ็บคือผู้ขับขี่รถยนต์ชื่อ น.ส.ภัทร์ชุดา จายเรือน นักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาล และรับสารภาพว่า ไปดื่มกับเพื่อนๆ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนเกือบสว่าง จึงขับรถกลับที่พัก ด้วยความง่วงและเมา จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
พนักงานสอบสวนแจ้ง 3 ข้อหาคือ ขับขี่รถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต กระทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับขี่รถในขณะเมาสุรา
เหตุการณ์ครั้งนั้น นอกจากสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศแล้วยังมีผลต่อวงการนักปั่นจักรยานทุกคน เพราะเป็นอุบัติเหตุที่ตอกย้ำอันตรายถึงชีวิตโดยมีฆาตกรเป็นขี้เมาขับรถ
อีกคดีหนึ่ง เหตุเกิด จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. หรือถัดมาอีกเพียง 1 เดือน มีคลิปอุบัติเหตุรถฟอร์จูนเนอร์ชน จยย. ลากกันไฟแล่บไปไกลถึง 6 กิโลเมตร หลังกู้ภัยไล่ตามสกัดพบว่า คนขับคือครูสาว ในสภาพเมาแอ๋ ตำรวจตั้งข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ขับรถโดยประมาททำให้มีผู้บาดเจ็บ - ทรัพย์สินเสียหาย และหลบหนีไม่ช่วยเหลือ
รายสุดท้ายที่อยากพูดถึงมากที่สุดคือกรณี น.ส.แอนนา แฮมบาวรีส ดารานางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง ขับรถเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำทะเบียน 1 กต. 3344 กรุงเทพ มหานคร พุ่งชนท้ายรถเก๋งโตโยต้าอัลตีส สีขาวคาดเลือดหมู ทะเบียน กก 9379 สุพรรณบุรี สภาพพังเสียหายทั้งคู่ ภายในรถโตโยต้า พบศพ ร.ต.ท.นภาดล วงษ์บัณฑิต อายุ 44 ปี ตำแหน่ง รอง สว.จร.สภ.สุพรรณบุรี อยู่ในชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน
เหตุเกิดเวลา 03 น. ของวันที่ 26 มิ.ย.58 บริเวณหน้าบริษัท บีเอ็มซี โฮมมาร์ท จำหน่ายหินอ่อน ถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ (กาญจนาภิเษก ขาเข้า กม.1) เขตประเวศ กทม. ต่อมา พ.ต.ต.สมชาย สาระเกษ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ประเวศ ไปตรวจที่เกิดเหตุ นอกจากสภาพพังยับของรถทั้งสองคันแล้วยังปรากฏภาพคลิป น.ส.แอนนา กำลังร้องให้ฟูมฟาย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จนตำรวจในเครื่องแบบนายหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีพูดปลอบใจให้ตั้งสติว่า เป็นเรื่องอุบัติเหตุ
เรื่องราวน่าจะจบด้วยความเรียบร้อย เพราะหลังจากนั้นปรากฏภาพข่าว น.ส.แอนนา ไปร่วมงานศพ ร.ต.ท.นภาดล ที่สุพรรณบุรี มีการกราบขมาศพ และร่วมพิธีฌาปนกิจ จนไปถึงบวชชีพราหมณ์ เพื่อไถ่บาปสะเดาะเคราะห์
ล้างบาปที่เธอได้ก่อขึ้น !!!
แต่ปัญหาอยู่ที่ระหว่างเกิดเหตุนั้น พนักงานสอบสวนกลับปล่อยให้ น.ส.แอนนา กลับบ้านไปอย่างหน้าตาเฉย แม้ต่อมาภายหลังญาติของคนขับจะอ้างว่ารีบพาไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากน.ส.แอนนา อยู่ในอาการสติแตก รวมทั้งบาดเจ็บมีบาดแผลหลายแห่ง แต่ตามระเบียบปฏิบัติจะต้องนำผู้ต้องหาไปตรวจวัดแอลกอฮอล์เป็นอันดับแรก ทั้งนี้เพื่อผลทางคดี
ช่องว่างตรงนี้จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่า พ.ต.ต.สมชาย สาระเกษ พนักงานสอบสวนฯเจ้าของคดี ไปเจอนะจังงังอะไรเข้า เหตุใดจึงยอมให้ญาติ น.ส.แอนนา ชิงตัวไปต่อหน้าต่อตา
หลังเกิดเป็นกระแส พ.ต.อ.เมธา เจียมไกรศรี ผกก.สน.ประเวศน์ ออกมายืนยันว่า คดีนี้ได้แจ้งข้อหา น.ส.แอนนา ไป 2 กระทง คือ 1.ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต 2. หลบหนีการจับกุม ส่วนการตรวจสอบว่าเมาระหว่างขับขี่หรือไม่ ต้องรอผลจากแพทย์ต่อไป
อ่านจากข่าว ถ้าไม่พิจารณากันจริงๆ ก็อาจจะมองเห็นว่าตำรวจทำถูกต้องแล้ว เพราะดำเนินคดีถึง 2 ข้อหา แต่ในทางกฎหมาย การปล่อยตัว น.ส.แอนนา ไปค่อนวัน คือหลังเกิดเหตุไม่นานนัก กว่าจะเดินทางไปพบกับพนักงานสอบสวนก็คือ เที่ยงวันรุ่งขึ้น ถามว่าหาก น.ส.แอนนา เมาแล้วขับจริง ผลการตรวจปัสสาวะ หรืออะไรก็ตามที จะมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ครบถ้วนกระนั้นหรือ
และผลแพทย์ก็ออกมาตามนั้นจริงๆ คือ ไม่พบแอลกอฮอล์
ตอนนี้ทราบมาว่า พนักงานสอบสวนเรียกคู่กรณีมาตกลงค่าเสียหายกันอยู่ ก่อนปิดสำนวนเข้าสู่กระบวนการต่อไป... ผลการเจรจาบริษัทประกันภัยฯ ยอมจ่ายค่าสินไหม 1 ล้านบาท พร้อม พ.ร.บ.อีก 2 แสนบาท รวมเป็น 1.2 ล้านบาท ส่วนรถเก๋งโตโยต้าของผู้ตาย บริษัทประกันภัยฯ รับซื้อซากไปเป็นเงิน 345,000 บาท แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยนางฉันทนา วงษ์บัณฑิต ภรรยาผู้ตาย เรียกร้องค่าเสียหายอีกจำนวน 6 ล้านบาท
ข้อมูลในเชิงลึกนี้ มีความจำเป็นนำออกมาตีแผ่ เพื่อทำให้เห็นว่าสังคมไทยจะเอาอย่างไรกับอุบัติเหตุเมาแล้วขับ
กรณีของ น.ส.แอนนา แฮมบาวรีส ดารานางแบบสาว แม้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เธอเมาหรือไม่แต่ “ช่องว่าง” ที่ตำรวจปล่อยให้ญาติมาสอยตัวไปนั้น ย่อมเป็นแผล เป็นประเด็นติดใจสังคมตลอดไป
หรืออาจเลวร้ายไปถึงกลายเป็น“แอนนาโมเดล” คือต่อแต่นี้ ถ้าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่ว่าใครคือคนขับ จะเมาหรือไม่ ก็อ้างในเรื่องคล้ายๆ กันแล้วหายตัวไปสักครึ่งวันค่อนวัน ค่อยยอมมาพบตำรวจ เพื่อพาไปตรวจหาแอลกอลฮอล์
บรรทัดฐานตรงนี้คืออะไรกันแน่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีความจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจน
ไม่ใช่ปล่อยให้คดีเมาแล้วขับ ต้องกลายเป็นเรื่องเล่นๆ หรือใครก็ได้ ที่มีเงิน มีพรรคมีพวก สามารถทำอะไรก็ได้
สุดท้ายแม้ไม่สามารถเอาผิดกับดารานางแบบสาวในข้อหาที่หลายๆ คนข้องใจกันอยู่ แต่สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น พ.ต.ต.สมชาย สาระเกษ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะต้องรับผิดชอบ ท่านต้องตอบให้ชัดๆว่า มีเหตุผลอะไรที่ปล่อยตัว น.ส.แอนนา ไป และมีเหตุผลอะไรที่ไม่พาผู้ต้องหาไปตรวจแอลกอฮอลล์ในคืนนั้น
ผลการสอบสวนของคณะกรรมการ ควรจะมีการแถลงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว พ.ต.ต.สมชาย สาระเกษ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี มีความผิดอย่างไร หรือไม่ ต้องแจกแจงให้สังคมรับรู้
อย่าปล่อยให้เป็นกรณี “แอนนาโมเดล”หรือตัวอย่างคาใจสังคม เพราะหลายชีวิตที่ดับดิ้นไป เพราะไอ้-อี เมาแล้วขับ เขาต้องทนทุกข์ทมานกันมามากมาย พ่อแม่ตายก็ขาดเสาหลัก ลูกตายใจสลาย หมดโอกาสในอนาคต
สิ่งเหล่านี้หลอกหลอนกันมาช้านาน จนเข้าสู่ยุคปฏิรูป ทุกภาคส่วนตื่นตัว แต่ต้องมาตกม้าตายง่ายๆ เพียงละครฉากสติแตก หรือผลประโยชน์ใดๆ ก็ตามมันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมต่อสังคมโดยรวม
หากคดีนี้จะจบกันแบบง่ายๆ จบกันที่ฝ่ายหนึ่งจ่ายเงินตามคำเรียกร้องอีกฝ่าย เพื่อให้มีผลบรรเทาเบาบางในคดี เมื่อขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ขอเสนอแนะให้ สสส. เลิกแคมเปญ “ดื่มแล้วขับ นับเป็นฆาตกร” เสียเลย
โฆษณาไปก็เปลืองงบ !!