งวดเข้ามาทุกที สำหรับการวางแผงอำนาจใหม่ใน“เหล่าทัพ”ที่จะเป็นฐานกำลังสำคัญของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือพูดง่ายๆ คือค้ำยันอำนาจสองศรีพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ทั้ง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมทั้ง"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม
การวางแผงอำนาจสีเขียวใหม่ นอกจากจะเป็น“เดิมพัน”ของการอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาลคสช. ที่หาก“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”จัดทัพวางไลน์ จัดกำลังไม่ดี อาจจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นได้ เหมือนกับที่มีข่าวปฏิวัติซ้อนมาเป็นระยะๆ
ที่สำคัญการจัดทัพครั้งนี้ จะต้องวาง“เกมยาว”เอาไว้ด้วย เพราะที่สุดแล้ว“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ก็ต้องลงจากหลังเสือ การวาง เด็กในคาถาไว้ในไลน์อำนาจ ก็เป็นเครื่องการันตีว่า ในอนาคตอันใกล้จะไม่ถูก“เช็คบิล”เพราะมีกองทัพเป็นแบ็กอัพ อยู่
งานหินของการแต่งตั้งโยกย้ายทุกๆ ครั้ง คือการเกลี่ยเก้าอี้ระดับ“บิ๊ก”ที่มีอยู่จำกัดให้ลงตัวที่สุด นอกเหนือจากการชูบุคคลที่เหมาะสมขึ้น “หัวแถว”แล้ว ก็ต้องหาที่ลงให้กับ“คนอกหัก”ด้วย
ที่สำคัญต้องสกรีนบรรดานายทหารที่ยังออกอาการแทงกั๊ก ไม่เลือกขั้ว แต่พลิ้วไหวได้ตามสถานการณ์ทางการเมือง หรือที่เรียกว่า"นายทหารการเมือง"ให้ดี โดยต้องกดให้มิด ไม่ให้เข้าไลน์แล้วมาอ้าง“อาวุโส”ในภายหลังได้
ซึ่งลือกันแซดว่า มูลนิธิป่ารอยต่อ5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ที่ "บิ๊กป้อม"นั่งกุมบังเหียน มีบรรดา ผบ.เหล่าทัพ เดินเข้า-เดินออกกันเป็นว่าเล่น เพื่อส่งโผให้“บิ๊กป้อม”เคาะ เพราะทุกขั้นตอนต้องวางกล-ซ่อนเกม ให้แยบยลที่สุด
ที่สำคัญต้องเลือกนายทหารที่ไว้วางใจได้ มาทำงานให้มากที่สุด แน่นอนที่บรรดานายทหาร“บูรพาพยัคฆ์”ในฐานะ“เลือดแท้”จะถูกเลือกใช้บริการก่อน แต่การวางแผงอำนาจต้องทิ้งเชื้อนายทหารสาย“วงศ์เทวัญ”เอาไว้ เพื่ออย่างน้อยก็ยังพอต่อสายอำนาจกันได้
“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”จึงต้องลิสต์ชื่อ เช็กประวัติกันให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีมุกแซวกันขำๆ ว่า “บิ๊กป้อม” ตรวจโผของ ผบ.เหล่าทัพจนตาลาย ทำให้ไม่สบายต้องลาครม.- งดประชุมสภากลาโหม กันเลยทีเดียว
ส่วนโผเหล่าทัพเริ่มกันที่ กองบัญชาการกองทัพไทย เต๊งจ๋า ที่จะมานั่งตำแหน่ง ผบ.สส. แทน "พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร" หนีไม่พ้นลูกหม้อกองทัพไทยอย่าง "พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ" เสนาธิการทหาร แต่ก็ยังมีความพยายามดันให้ "พล.อ.วลิต โรจนภักดี"รองเสนาธิการทหาร น้องรักของ"บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ที่เกือบเสียอนาคต หลังตกเป็นศัตรูลำดับต้นๆ ของ “คนเสื้อแดง”หลังมีบทบาทสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 จนได้รับบาดเจ็บ
แม้ความชอบธรรมของ ช“บิ๊กอู๊ด”ที่จะขึ้นเป็น ผบ.สส. มีน้อยลง หลังจากการดีลให้“บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ รอง ผบ.สส. ลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงเดือนเมษายน เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊กอู๊ด”ได้เข้าไลน์ในอัตราจอมพล ต้องล้มไป
ตามธรรมเนียม จึงยากที่ “บิ๊กอู๊ด”จะแหกโผขึ้นเป็น ผบ.สส.ได้ แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวลือหนาหูว่า“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”อยากดันให้ “บิ๊กอู๊ด” นั่งตำแหน่งนี้ เพื่อตอบแทนในหลายภารกิจที่มอบหมายให้ทำ และวางกำลังบูรพาพยัคฆ์ไว้ในกองทัพไทย
งานนี้อาจจะเห็นการแหกธรรมเนียมทางทหาร เพราะ “บิ๊กตู่”ยังคงมีอำนาจเต็มรูปแบบในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การบริหารงาน จึงอาจจะชอบธรรมที่จะไม่ปกติตามไปด้วย แต่ต้องหาทางลง และตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ“พล.อ.สมหมาย”เช่นกัน
ส่วนกองทัพบก ซึ่งเป็นที่น่าจับตามากที่สุด เพราะถือกำลังปฏิวัติอยู่ในมือ ชื่อที่มาแรงหนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต ที่แข่งกันทุกวินาที คนหนึ่งคือเลือดแท้บูรพาพยัคฆ์ "บิ๊กหมู" พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. คนหนึ่งคือเลือดแท้จันทร์โอชา "บิ๊กติ๊ก" พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
ว่ากันว่าต่างคนต่างมี“จุดอ่อน”ที่ต้องประเมินกันว่าจุดอ่อนของใครจะส่งผลเสียกับ“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ได้ในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ “บิ๊กติ๊ก”ได้ดิบได้ดี ก็เพราะ“บิ๊กตู่” แถมไม่ใช่นายทหารที่โตมากับสายคุมกำลัง แบบว่ามาได้เพราะ"พี่ให้" ในช่วงปลายของชีวิตราชการนี่เอง
ส่วน“บิ๊กหมู”รู้กันดีว่าเป็นทหาร“สายแข็ง” บางช่วงจังหวะอาจจะคุมไม่อยู่เอาได้ง่ายๆ เพราะมีจุดยืนในการทำงานของตัวเอง ถือเป็นจุดอ่อนของ“บิ๊กหมู”ที่ถูกส่งขึ้นโต๊ะให้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ประเมินกันตลอดเวลา
เพราะหากมีสถานการณ์เปลี่ยน มี “ดีลลับ”จากใครก็ได้ที่อาจจะเป็น“บิ๊กดีล”ที่ “บิ๊กหมู”ไม่อาจจะปฏิเสธได้ วันนั้น“บิ๊กหมู”อาจจะสวนศรกลับมาทิ่มแทง“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”เอาได้ จึงต้องคิดข้อได้เสียไว้ทุกทาง
ที่สำคัญ มีเสียงซุบซิบออกมาตลอดว่า“บิ๊กหมู”ไม่ค่อยเป็นที่ปลาบปลื้มของ“บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. แม้จะเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 มาด้วยกัน แต่มีหลายเรื่องที่กินแหนงแคลงใจกันมานาน
จึงคาดกันว่า“บิ๊กโด่ง”อาจจะเอาตัวเองออกจากความขัดแย้ง ด้วยการชงชื่อ“บิ๊กติ๊ก”ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เอาไว้ก่อน ส่วน“บิ๊กป้อม”ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่จะตรวจโผคนสุดท้าย จะเปลี่ยนเป็นชื่อของ“บิ๊กหมู”ก่อนส่งถึงมือ“บิ๊กตู่”หรือไม่ ก็ต้องวัดใจกัน
หากคนใดคนหนึ่งได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. คนที่หลีกทางให้ จะได้รับรางวัลปลอบใจ ในตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม แทน
แต่อีกสูตรหนึ่งที่จะออกจากความขัดแย้งของ ศึก 2 น้องรักต่างสายเลือดได้ คือ การต่ออายุให้“บิ๊กโด่ง”อยู่ในตำแหน่งอีก 1 ปี เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งในกองทัพบก ซึ่งมีความเป็นได้น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
งานนี้อีกไม่นานคงรู้กันว่า“บิ๊กติ๊ก”หรือ “บิ๊กหมู”น้องคลานตามกันมาจากท้องแม่ หรือน้องคลานตามกันมาจาก ร.21 รอ. ของ "บิ๊กตู่" ใครจะเข้าวินนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. หรือจะมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาแทรกกลาง เพราะชั่วโมงนี้ คนที่จะคุมกองทัพบกในสภาวะที่บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องเป็น“คนพิเศษ”จริงๆ
นอกจากนี้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ต้องมองข้ามช็อต วางไลน์ ผบ.ทบ. ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2559 ด้วย โดยมีการคาดการณ์ว่าจะวางให้“บิ๊กเข้”พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพน้อยที่ 1 เข้าไลน์ 5 เสือทบ. โดยไม่ต้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ปล่อยให้“บิ๊กแดง”พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนเข้าไลน์ 5 เสือทบ. จ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หลัง“บิ๊กเข้”
ส่วนกองทัพเรือ คู่แข่งที่จะเบียดกันขึ้นเป็น ผบ.ทร. แทน“พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์”หนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต คือ “พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง”ผู้ช่วย ผบ.ทร. ที่มีเสียงลือว่าได้รับการสนับสนุนจาก พล.ร.อ.ไกรสร เพราะเป็นคนดึงให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล จากที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ กองทัพไทย ให้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทร. ในช่วงการโยกย้าย เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ซึ่งหาก พล.ร.อ.ณรงค์พล ได้ขึ้นเป็นผบ.ทร. จะทำให้ฝันของตระกูล“ณ บางช้าง”เป็นจริงเสียที หลังชื่อของ“พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง”พี่ชายของ พล.ร.อ.ณรงค์พล ซึ่งเคยเป็น “เต๋งหาม”แคนดิเดต ผบ.ทร. แต่ก็โดน "คลิปถั่งเฉ่า" เล่นงานจนตกเก้าอี้มาแล้ว
ทว่าคนที่เป็นกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่คือ “พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ”เสนาธิการทหารเรือ เพราะอย่าลืมว่า“พล.ร.อ.ณะ”สนิทสนมกับ“บิ๊กป้อม”เป็นอย่างดี จึงขอลงแข่งแย่งตำแหน่งด้วย แต่ด้วยเงื่อนไขที่ พล.ร.อ.ณะ เกษียณอายุราชการปี 60 แต่ พล.ร.อ.ณรงค์พล เกษียณอายุราชการปี 59 อาจจะเปิดทางให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ทร. ก่อน แล้วพล.ร.อ.ณะ ค่อยมารับช่วงต่อ
เรียกได้ว่าหมากเกมที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ได้วางเอาไว้ ถูกเซ็ตผ่าน“นายทหาร”ที่สนิทได้ควบคุมกำลังหลัก การแต่งตั้งโยกย้ายฤดูกาลที่จะถึง เป็นตัวบ่งบอกถึงฐานอำนาจทั้งหมด
ปัจจัยการเมืองไทย ที่จะอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงหลายด้าน อาจจะมีเปลี่ยนหลายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น การวางขุมกำลังทหาร จึงต้องรัดกุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”รู้อยู่แก่ใจดี
การวางแผงอำนาจสีเขียวใหม่ นอกจากจะเป็น“เดิมพัน”ของการอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาลคสช. ที่หาก“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”จัดทัพวางไลน์ จัดกำลังไม่ดี อาจจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นได้ เหมือนกับที่มีข่าวปฏิวัติซ้อนมาเป็นระยะๆ
ที่สำคัญการจัดทัพครั้งนี้ จะต้องวาง“เกมยาว”เอาไว้ด้วย เพราะที่สุดแล้ว“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ก็ต้องลงจากหลังเสือ การวาง เด็กในคาถาไว้ในไลน์อำนาจ ก็เป็นเครื่องการันตีว่า ในอนาคตอันใกล้จะไม่ถูก“เช็คบิล”เพราะมีกองทัพเป็นแบ็กอัพ อยู่
งานหินของการแต่งตั้งโยกย้ายทุกๆ ครั้ง คือการเกลี่ยเก้าอี้ระดับ“บิ๊ก”ที่มีอยู่จำกัดให้ลงตัวที่สุด นอกเหนือจากการชูบุคคลที่เหมาะสมขึ้น “หัวแถว”แล้ว ก็ต้องหาที่ลงให้กับ“คนอกหัก”ด้วย
ที่สำคัญต้องสกรีนบรรดานายทหารที่ยังออกอาการแทงกั๊ก ไม่เลือกขั้ว แต่พลิ้วไหวได้ตามสถานการณ์ทางการเมือง หรือที่เรียกว่า"นายทหารการเมือง"ให้ดี โดยต้องกดให้มิด ไม่ให้เข้าไลน์แล้วมาอ้าง“อาวุโส”ในภายหลังได้
ซึ่งลือกันแซดว่า มูลนิธิป่ารอยต่อ5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ที่ "บิ๊กป้อม"นั่งกุมบังเหียน มีบรรดา ผบ.เหล่าทัพ เดินเข้า-เดินออกกันเป็นว่าเล่น เพื่อส่งโผให้“บิ๊กป้อม”เคาะ เพราะทุกขั้นตอนต้องวางกล-ซ่อนเกม ให้แยบยลที่สุด
ที่สำคัญต้องเลือกนายทหารที่ไว้วางใจได้ มาทำงานให้มากที่สุด แน่นอนที่บรรดานายทหาร“บูรพาพยัคฆ์”ในฐานะ“เลือดแท้”จะถูกเลือกใช้บริการก่อน แต่การวางแผงอำนาจต้องทิ้งเชื้อนายทหารสาย“วงศ์เทวัญ”เอาไว้ เพื่ออย่างน้อยก็ยังพอต่อสายอำนาจกันได้
“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”จึงต้องลิสต์ชื่อ เช็กประวัติกันให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมา มีมุกแซวกันขำๆ ว่า “บิ๊กป้อม” ตรวจโผของ ผบ.เหล่าทัพจนตาลาย ทำให้ไม่สบายต้องลาครม.- งดประชุมสภากลาโหม กันเลยทีเดียว
ส่วนโผเหล่าทัพเริ่มกันที่ กองบัญชาการกองทัพไทย เต๊งจ๋า ที่จะมานั่งตำแหน่ง ผบ.สส. แทน "พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร" หนีไม่พ้นลูกหม้อกองทัพไทยอย่าง "พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ" เสนาธิการทหาร แต่ก็ยังมีความพยายามดันให้ "พล.อ.วลิต โรจนภักดี"รองเสนาธิการทหาร น้องรักของ"บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ที่เกือบเสียอนาคต หลังตกเป็นศัตรูลำดับต้นๆ ของ “คนเสื้อแดง”หลังมีบทบาทสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 จนได้รับบาดเจ็บ
แม้ความชอบธรรมของ ช“บิ๊กอู๊ด”ที่จะขึ้นเป็น ผบ.สส. มีน้อยลง หลังจากการดีลให้“บิ๊กต๊อก”พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ รอง ผบ.สส. ลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงเดือนเมษายน เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊กอู๊ด”ได้เข้าไลน์ในอัตราจอมพล ต้องล้มไป
ตามธรรมเนียม จึงยากที่ “บิ๊กอู๊ด”จะแหกโผขึ้นเป็น ผบ.สส.ได้ แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวลือหนาหูว่า“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”อยากดันให้ “บิ๊กอู๊ด” นั่งตำแหน่งนี้ เพื่อตอบแทนในหลายภารกิจที่มอบหมายให้ทำ และวางกำลังบูรพาพยัคฆ์ไว้ในกองทัพไทย
งานนี้อาจจะเห็นการแหกธรรมเนียมทางทหาร เพราะ “บิ๊กตู่”ยังคงมีอำนาจเต็มรูปแบบในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การบริหารงาน จึงอาจจะชอบธรรมที่จะไม่ปกติตามไปด้วย แต่ต้องหาทางลง และตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ“พล.อ.สมหมาย”เช่นกัน
ส่วนกองทัพบก ซึ่งเป็นที่น่าจับตามากที่สุด เพราะถือกำลังปฏิวัติอยู่ในมือ ชื่อที่มาแรงหนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต ที่แข่งกันทุกวินาที คนหนึ่งคือเลือดแท้บูรพาพยัคฆ์ "บิ๊กหมู" พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. คนหนึ่งคือเลือดแท้จันทร์โอชา "บิ๊กติ๊ก" พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.
ว่ากันว่าต่างคนต่างมี“จุดอ่อน”ที่ต้องประเมินกันว่าจุดอ่อนของใครจะส่งผลเสียกับ“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ได้ในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ “บิ๊กติ๊ก”ได้ดิบได้ดี ก็เพราะ“บิ๊กตู่” แถมไม่ใช่นายทหารที่โตมากับสายคุมกำลัง แบบว่ามาได้เพราะ"พี่ให้" ในช่วงปลายของชีวิตราชการนี่เอง
ส่วน“บิ๊กหมู”รู้กันดีว่าเป็นทหาร“สายแข็ง” บางช่วงจังหวะอาจจะคุมไม่อยู่เอาได้ง่ายๆ เพราะมีจุดยืนในการทำงานของตัวเอง ถือเป็นจุดอ่อนของ“บิ๊กหมู”ที่ถูกส่งขึ้นโต๊ะให้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ประเมินกันตลอดเวลา
เพราะหากมีสถานการณ์เปลี่ยน มี “ดีลลับ”จากใครก็ได้ที่อาจจะเป็น“บิ๊กดีล”ที่ “บิ๊กหมู”ไม่อาจจะปฏิเสธได้ วันนั้น“บิ๊กหมู”อาจจะสวนศรกลับมาทิ่มแทง“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”เอาได้ จึงต้องคิดข้อได้เสียไว้ทุกทาง
ที่สำคัญ มีเสียงซุบซิบออกมาตลอดว่า“บิ๊กหมู”ไม่ค่อยเป็นที่ปลาบปลื้มของ“บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. แม้จะเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 มาด้วยกัน แต่มีหลายเรื่องที่กินแหนงแคลงใจกันมานาน
จึงคาดกันว่า“บิ๊กโด่ง”อาจจะเอาตัวเองออกจากความขัดแย้ง ด้วยการชงชื่อ“บิ๊กติ๊ก”ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เอาไว้ก่อน ส่วน“บิ๊กป้อม”ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่จะตรวจโผคนสุดท้าย จะเปลี่ยนเป็นชื่อของ“บิ๊กหมู”ก่อนส่งถึงมือ“บิ๊กตู่”หรือไม่ ก็ต้องวัดใจกัน
หากคนใดคนหนึ่งได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. คนที่หลีกทางให้ จะได้รับรางวัลปลอบใจ ในตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม แทน
แต่อีกสูตรหนึ่งที่จะออกจากความขัดแย้งของ ศึก 2 น้องรักต่างสายเลือดได้ คือ การต่ออายุให้“บิ๊กโด่ง”อยู่ในตำแหน่งอีก 1 ปี เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งในกองทัพบก ซึ่งมีความเป็นได้น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
งานนี้อีกไม่นานคงรู้กันว่า“บิ๊กติ๊ก”หรือ “บิ๊กหมู”น้องคลานตามกันมาจากท้องแม่ หรือน้องคลานตามกันมาจาก ร.21 รอ. ของ "บิ๊กตู่" ใครจะเข้าวินนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. หรือจะมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาแทรกกลาง เพราะชั่วโมงนี้ คนที่จะคุมกองทัพบกในสภาวะที่บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องเป็น“คนพิเศษ”จริงๆ
นอกจากนี้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ต้องมองข้ามช็อต วางไลน์ ผบ.ทบ. ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2559 ด้วย โดยมีการคาดการณ์ว่าจะวางให้“บิ๊กเข้”พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพน้อยที่ 1 เข้าไลน์ 5 เสือทบ. โดยไม่ต้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ปล่อยให้“บิ๊กแดง”พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนเข้าไลน์ 5 เสือทบ. จ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หลัง“บิ๊กเข้”
ส่วนกองทัพเรือ คู่แข่งที่จะเบียดกันขึ้นเป็น ผบ.ทร. แทน“พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์”หนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต คือ “พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง”ผู้ช่วย ผบ.ทร. ที่มีเสียงลือว่าได้รับการสนับสนุนจาก พล.ร.อ.ไกรสร เพราะเป็นคนดึงให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล จากที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ กองทัพไทย ให้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทร. ในช่วงการโยกย้าย เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ซึ่งหาก พล.ร.อ.ณรงค์พล ได้ขึ้นเป็นผบ.ทร. จะทำให้ฝันของตระกูล“ณ บางช้าง”เป็นจริงเสียที หลังชื่อของ“พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง”พี่ชายของ พล.ร.อ.ณรงค์พล ซึ่งเคยเป็น “เต๋งหาม”แคนดิเดต ผบ.ทร. แต่ก็โดน "คลิปถั่งเฉ่า" เล่นงานจนตกเก้าอี้มาแล้ว
ทว่าคนที่เป็นกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่คือ “พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ”เสนาธิการทหารเรือ เพราะอย่าลืมว่า“พล.ร.อ.ณะ”สนิทสนมกับ“บิ๊กป้อม”เป็นอย่างดี จึงขอลงแข่งแย่งตำแหน่งด้วย แต่ด้วยเงื่อนไขที่ พล.ร.อ.ณะ เกษียณอายุราชการปี 60 แต่ พล.ร.อ.ณรงค์พล เกษียณอายุราชการปี 59 อาจจะเปิดทางให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ทร. ก่อน แล้วพล.ร.อ.ณะ ค่อยมารับช่วงต่อ
เรียกได้ว่าหมากเกมที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ได้วางเอาไว้ ถูกเซ็ตผ่าน“นายทหาร”ที่สนิทได้ควบคุมกำลังหลัก การแต่งตั้งโยกย้ายฤดูกาลที่จะถึง เป็นตัวบ่งบอกถึงฐานอำนาจทั้งหมด
ปัจจัยการเมืองไทย ที่จะอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงหลายด้าน อาจจะมีเปลี่ยนหลายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น การวางขุมกำลังทหาร จึงต้องรัดกุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”รู้อยู่แก่ใจดี