xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"เชิญธงชาติใหม่เอาฤกษ์ ขอทุกฝ่ายอย่างเพิ่งมาประท้วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.00 น. และได้เคารพธงชาติ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทำเนียบฯ ที่ทำหน้าที่เชิญธงขึ้นสู่ยอดเสา ซึ่งเป็นวันแรกของการเชิญธงชาติขึ้นเสาธงชาติที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ ที่บริเวณด้านข้างตึกสันติไมตรี
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้ยืนเคารพธงชาติ ที่บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ไม่ได้เดินมาที่บริเวณเสาธง ซึ่งการเชิญธงขึ้นเสาครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในทำเนียบฯ ทั้งหมด มาร่วมทำพิธีเชิญธง ซึ่งเรียกว่า หมู่เชิญธง มีทั้งหมด 13 นาย โดยมีตำรวจถึง 5 นาย ทำหน้าที่เชิญธงขึ้นเสา เนื่องจากขนาดของธงชาติใหญ่มาก คือ มีขนาดกว้าง 5 เมตร และ ยาว 7 เมตรครึ่ง จึงต้องมีตำรวจมาช่วยเสริมด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการซ้อมกันตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย. หลังจากมีคำสั่งว่า ในวันที่ 24 มิ.ย. ต้องเชิญธงชาติขึ้นเสาให้ได้ และจะมีการจัดเวร คอยเชิญธงชาติลงในตอนเย็นทุกวัน ซึ่งถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของทำเนียบฯ เพราะในอดีตไม่เคยมีการทำอย่างนี้มาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมการก่อสร้างเสาธงชาติ มีกำหนดก่อสร้างเสร็จ และจะส่งมอบในวันที่ 2 สิงหาคม แต่ปรากฏว่า การก่อสร้างเสร็จก่อนกำหนด เพียงแต่ยังไม่เรียบร้อยที่บริเวณฐานเสา ที่ยังจะต้องมีการปูหินอ่อนให้เรียบร้อย สวยงาม แต่นายกรัฐมนตรี เห็นว่าเมื่อการก่อสร้างเสร็จแล้ว ก็ควรจะมีการเชิญธงขึ้นเสาเลยในวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งจะเป็นวันที่ทำเนียบฯได้จัดพิธีต้อนรับนักกีฬาซีเกมส์ อย่างยิ่งใหญ่ จึงต้องการทำให้ทำเนียบฯ มีความพร้อมมากที่สุด
นอกจากนั้น วันที่ 24 มิ.ย.ปีนี้ ยังเป็นวันครบรอบ 83 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่เริ่มเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ด้วย นายกฯ จึงถือเอาวันนี้ เป็นวันดีของการเชิญธงชาติขึ้นเสา เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยด้วย
ทั้งนี้ นายกฯได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า เพื่อต้องการให้คนที่ทำเนียบรัฐบาลได้รู้ว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นอย่างไร ซึ่งการเชิญธงชาติวันนี้ ที่เป็นวันแรกไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถือฤกษ์ยาม หรือว่าเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่อย่างใด เพราะดวงของตนนั้น ขึ้นอยู่กับสื่อมวลชน ที่ ทั้งว่าฉัน ทั้งชมฉัน ตอนนี้ก็ยังพอทน
เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวตอนหนึ่งในการมอบนโยบาย ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2558 ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร 31 หน่วยงาน จัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ว่า รัฐบาลต้องลดความเหลื่อมล้ำ แต่จะเรียกร้องให้ทำหมด เราไม่มีให้ อย่างชาวนา จะมาเรียกร้องเพียงอย่างเดียวไม่ได้ และไม่ต้องออกมาประท้วงด้วย เพราะไม่เกิดประโยชน์ ทุกวันนี้คนมักประท้วง ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ การปกครอง เรื่องประชาธิปไตย อยากให้ช่วยกันบอกด้วยว่า ประเทศจะตายอยู่แล้ว
"จะประท้วงอะไรหนักหนา ทั้งดาวฟ้า ดาวน้ำเงิน อะไรนั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ผมว่าประเทศชาติไปไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจว่า วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์อะไร ทั้งข้าราชการ รัฐ เอกชน ต้องรู้ว่า เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ไปสู่ประเทศที่มีความเข้มแข็งในอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า การทำงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะต้องส่งงานต่อให้กับรัฐบาลหน้า ซึ่งตนได้กำหนดในมียุทธศาสตร์ชาติ โดยจะบรรจุในรัฐธรรมนูญว่า เราจะเดินหน้าประเทศอย่างไร และต้องมีความก้าวหน้า วันนี้เรื่องรัฐธรรมนูญ มีการทะเลาะกันเพราะมีเรื่องต่างๆ เข้ามามาก ดังนั้นต้องมีการจัดระเบียบให้ความชัดเจนว่า ระยะที่ 1-2-3 จะเดินหน้าอย่างไร ส่วน สสว.ต้องส่งเสริม และให้ความสำคัญกับ เอสเอ็มอี ที่มีความสามารถ และศักยภาพที่จะดำเนินการ แต่ไม่ใช่อย่างเช่น สินค้าโอทอป ที่ทำไม่ได้แล้ว ก็ให้เลิกไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้โครงการต่างล่าช้า เพราะไม่กล้าทำกัน โครงการไหนที่ไม่กล้าทำ ถ้าถูกต้อง ก็ขอให้ทำไป ไม่ต้องกลัว เพราะจะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ ถ้าไม่กล้าทำเพราะกลัวถูกจับผิด รอให้ตนไปก่อนแล้วประเทศอยู่ตรงไหน ถามว่าคิดแบบนี้ได้อย่างไร ที่มีเสียงถึงหูตนว่า ทางการเมือง เดี๋ยวรัฐบาลนี้ก็ไป เราจะได้เลิกกินเจกันเสียที การกินเจ อาจทำให้ไม่ค่อยแข็งแรง แต่ประเทศแข็งแรง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันครบรอบ 83 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยว่า ขณะนี้รัฐบาลดำเนินการทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น จากความขัดแย้ง ถ้าไม่มีความขัดแย้ง บ้านเมืองสงบเรียบร้อย รัฐบาลก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีความขัดแย้งเกิดขึ้น และเราต้องรักษาชีวิตคนส่วนใหญ่ รักษาภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ให้ประเทศเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ ตนถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมทั้ง คณะรัฐมนตรีปัจจุบัน มีความ คิดในเรื่องของประชาธิปไตยอยู่แล้ว ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่าง ไม่ได้ใช้เรื่องเผด็จการ และรักษาสิทธิมนุษยชน
วันนี้ทุกอย่างดำเนินการตามโรดแมป ที่นายกฯ ประกาศไว้ และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับคนที่ปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อน เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า กองทัพถูกโจมตีเพราะถูกมองว่าเป็นผู้ทำให้ประชาธิปไตยสะดุดตลอด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่จริง ใครเป็นคนทำ ที่ผ่านมาทหารไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นคนรักษาชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดความเป็นสุข และความเรียบร้อยภายในประเทศ ถ้าไม่ทำวันนี้จะมีความสงบแบบนี้หรือไม่ ทั้งนี้ เราพยายามรักษาเจตนารมณ์ของประชาชน
" ตอนนี้รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง แต่สื่อไม่เคยเขียนว่ารัฐบาลทำอะไรบ้าง มีแต่โจมตี เขียนด่ารัฐบาล หาว่าทำอะไรเสียหาย ทั้งที่ผมไม่เคยทำอะไรให้เสียหาย เดี๋ยวก็มาบอกว่าตำรวจคนนั้น เป็นคนของบิ๊กป้อม ผมจะไปรู้เรื่องอะไร ทั้งหมดเป็นเรื่องการแต่งตั้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คนรู้จักกันหมด " พล.อ.ประวิตร กล่าว
** 83 ปียังไม่เป็นปชต.ที่สมบูรณ์

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสครบรอบ 83 ปี การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของไทย ว่า 83 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยมาก มีรัฐบาลประมาณ 60 คณะ มีการยึดอำนาจ 12 ครั้ง มีนายกรัฐมนตรี 29 คน มีรัฐธรรมนูญ 19 ฉบับ และกำลังจะมีฉบับที่ 20 ถือว่าเยอะ ซึ่งการที่มีรัฐธรรมนูญเยอะ เกิดจากเหตุ 3 อย่าง คือ 1. การยึดอำนาจ 2. มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แล้วเปลี่ยนไปเป็นฉบับถาวร และ 3. ยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่
อย่างไรก็ตาม การเมืองวันนี้พัฒนาไปจากเมื่อ 83 ปี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรายังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราอาจจะพึงพอใจกับการเลือกตั้ง และพึงพอใจกับการที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ แต่หากนึกถึงพระราชปณิธานของ รัชกาลที่ 7 ที่มีจำนวนมาก เรายังไม่ได้สัมฤทธิ์ตามนั้น อีกทั้งปัจจุบัน มีการพูดกันมากเรื่องสิทธิ แต่หน้าที่และความรับผิดชอบ ยังมีการพูดกันน้อย จึงทำให้เกิดปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า คำว่า สมบูรณ์ไม่ได้หมายถึงประชาธิปไตยตามแบบมาตรฐานสากล ของนานาชาติ แต่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ คือ ประชาชนตระหนักในหน้าที่ ตื่นตัว มีความรับผิดชอบ ที่สำคัญ คือ วัฒนธรรมทางการเมือง ตนถือว่าเรื่องนี้สำคัญ ทำไมเราเอาต้นไม้ที่มาจากญี่ปุ่น หรือยุโรป มาปลูกที่เมืองไทยแล้วไม่ค่อยจะงาม เป็นเพราะดิน น้ำ อากาศ และปุ๋ย มันผิดกัน ตนเชื่อว่า การเมืองในระบอบใดก็ตาม เอาไปใช้ในที่ใดที่หนึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลเหมือนกับที่ต้นตอ เพราะมันขึ้นอยู่ที่สิ่งแวดล้อม
ดังนั้น เมื่อพูดถึงการเมืองต้องพูดถึงวัฒนธรรมการเมือง ตรงนี้สำคัญที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยมั่นคง แต่ตราบใดที่เรายังขึ้นรถเมล์ไม่เข้าแถว ยังไม่รักษาเวลา ยังทุบตู้โทรศัพท์ เพราะคิดว่าของหลวงไม่ใช่ของเรา ยากที่จะเป็นประชาธิปไตย จึงต้องปลูกสิ่งเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น