“ประวิตร” ยัน “ประยุทธ์” มีความคิดเรื่องประชาธิปไตย ไม่ได้ใช้เผด็จการ ทำตามโรดแมป ปัดกองทัพทำการปกครองสะดุด อ้างแค่รักษาชีวิตและทรัพย์สินประชาชน จวกสื่อเอาแต่โจมตีให้เสียหาย อ้างรู้จักบิ๊กตำรวจแต่ไม่รู้เรื่องโยกย้าย - ไม่รู้ “คำรณวิทย์” พกปืนจากที่ไหน แต่ถ้าออกจากไทยก็โทษเครื่องมือ-เจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิห่วย
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 24 มิถุนายน ครบรอบ 83 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยว่า ขณะนี้รัฐบาลดำเนินการทำรัฐธรรมนูญซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความขัดแย้ง ถ้าไม่มีความขัดแย้ง บ้านเมืองสงบเรียบร้อยรัฐบาลก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีความขัดแย้งเกิดขึ้น และเราต้องรักษาชีวิตคนส่วนใหญ่ รักษาภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ให้ประเทศเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ ตนถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรีปัจจุบันมีความคิดในเรื่องของประชาธิปไตยอยู่แล้ว ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่าง ไม่ได้ใช้เรื่องเผด็จการและรักษาสิทธิมนุษยชน วันนี้ทุกอย่างดำเนินการตามโรดแม็ปที่นายกฯประกาศไว้และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับคนที่ปล่อยข่าวปฏิวัติซ้อนเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า กองทัพถูกโจมตีเพราะถูกมองว่าเป็นผู้ทำให้ประชาธิปไตยสะดุดตลอด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่จริง ใครเป็นคนทำ ที่ผ่านมาทหารไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นคนรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดความเป็นสุขและความเรียบร้อยภายในประเทศ ถ้าไม่ทำวันนี้จะมีความสงบแบบนี้หรือไม่ ทั้งนี้เราพยายามรักษาเจตนารมณ์ของประชาชน
“ตอนนี้รัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง แต่สื่อไม่เคยเขียนว่ารัฐบาลทำอะไรบ้าง มีแต่โจมตี เขียนด่ารัฐบาลหาว่าทำอะไรเสียหาย ทั้งที่ผมไม่เคยทำอะไรให้เสียหาย เดี๋ยวก็มาบอกว่าตำรวจคนนั้นเป็นคนของบิ๊กป้อม ผมจะไปรู้เรื่องอะไร ทั้งหมดเป็นเรื่องการแต่งตั้งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คนรู้จักกันหมด” พล.อ.ประวิตรกล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจญี่ปุ่นจับกุม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. ที่สนามบินนาริตะ ข้อหาพกพาอาวุธปืนว่า ทางสนามบินสุวรรณภูมิโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจะต้องมีการตรวจสอบในเรื่องอาวุธและสิ่งของที่ผิดกฎหมายที่จะออกไปต่างประเทศให้ดี ถ้าไปเจอที่ต่างประเทศแล้วบอกว่าผ่านมาจากประเทศไทยแสดงว่าเครื่องมือเราใช้ไม่ได้และเจ้าหน้าที่ของเราห่วย ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องช่วยกันดูแล รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ตนไม่รู้ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ปืนมาจากที่ญี่ปุ่นหรือนำออกไปจากประเทศไทย ถ้านำออกไปจากประเทศไทยถือว่าเจ้าหน้าที่ใช้ไม่ได้ เพราะต้องตรวจสอบทุกคนไม่มีเว้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลพิเศษระดับไหน ต้องตรวจสอบให้หมด ไม่มีการยกเว้นแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตาม ต่อไปจะต้องเพิ่มความเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่และเครื่องมือในการตรวจสอบว่าใช้ได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องดำเนินการ