xs
xsm
sm
md
lg

จัดแผงบิ๊กกองทัพ ค้ำยันรัฐบาล คสช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

งวดเข้ามาทุกทีสำหรับการวางแผงอำนาจใหม่ใน “เหล่าทัพ” ที่จะเป็นฐานกำลังสำคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือพูดง่ายๆ คือค้ำยันอำนาจสองศรีพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. รวมทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม

การวางแผงอำนาจสีเขียวใหม่ นอกจากจะเป็น “เดิมพัน” ของการอยู่รอดปลอดภัยของรัฐบาล คสช. ที่หาก “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จัดทัพวางไลน์ จัดกำลังไม่ดี อาจจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นได้ เหมือนกับที่มีข่าวปฏิวัติซ้อนมาเป็นระยะๆ

ที่สำคัญการจัดทัพครั้งนี้จะต้องวาง “เกมยาว” เอาไว้ด้วย เพราะที่สุดแล้ว “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ก็ต้องลงจากหลังเสือ การวางเด็กในคาถาไว้ในไลน์อำนาจก็เป็นเครื่องการันตีว่าในอนาคตอันใกล้จะไม่ถูก “เช็กบิล” เพราะมีกองทัพเป็นแบ็กอัพอยู่

งานหินของการแต่งตั้งโยกย้ายทุกๆ ครั้ง คือการเกลี่ยเก้าอี้ระดับ “บิ๊ก” ที่มีอยู่จำกัดให้ลงตัวที่สุด นอกเหนือจากการชูบุคคลที่เหมาะสมขึ้น “หัวแถว” แล้ว ก็ต้องหาที่ลงให้กับ “คนอกหัก”ด้วย

ที่สำคัญต้องสกรีนบรรดานายทหารที่ยังออกอาการแทงกั๊ก ไม่เลือกขั้ว แต่พลิ้วไหวได้ตามสถานการณ์ทางการเมือง หรือที่เรียกว่า “นายทหารการเมือง” ให้ดี โดยต้องกดให้มิด ไม่ให้เข้าไลน์แล้วมาอ้าง “อาวุโส” ในภายหลังได้

ลือกันแซดว่า มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ที่ “บิ๊กป้อม” นั่งกุมบังเหียน มีบรรดา ผบ.เหล่าทัพเดินเข้า-เดินออกกันเป็นว่าเล่น เพื่อส่งโผให้ “บิ๊กป้อม” เคาะ เพราะทุกขั้นตอนต้องวางกล-ซ่อนเกมให้แยบยลที่สุด ที่สำคัญต้องเลือกนายทหารที่ไว้วางใจได้ มาทำงานให้มากที่สุด แน่นอนที่บรรดานายทหาร “บูรพาพยัคฆ์” ในฐานะ “เลือดแท้” จะถูกเลือกใช้บริการก่อน แต่การวางแผงอำนาจต้องทิ้งเชื้อนายทหารสาย “วงศ์เทวัญ” เอาไว้ เพื่ออย่างน้อยก็ยังพอต่อสายอำนาจกันได้

“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จึงต้องลิสต์ชื่อ-เช็กประวัติกันให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมามีมุกแซวกันขำๆ ว่า “บิ๊กป้อม” ตรวจโผของ ผบ.เหล่าทัพจนตาลาย ทำให้ไม่สบายต้องลา ครม.-งดประชุมสภากลาโหมกันเลยทีเดียว

ส่วนโผเหล่าทัพเริ่มกันที่กองบัญชาการกองทัพไทย เต็งจ๋าที่จะมานั่งตำแหน่ง ผบ.สส.แทน “พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร” หนีไม่พ้นลูกหม้อกองทัพไทย อย่าง “พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ” เสนาธิการทหาร แต่ก็ยังมีความพยายามดันให้ “พล.อ.วลิต โรจนภักดี” รองเสนาธิการทหาร น้องรักของ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ที่เกือบเสียอนาคตหลังตกเป็นศัตรูลำดับต้นๆ ของ “คนเสื้อแดง” หลังมีบทบาทสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 จนได้รับบาดเจ็บ

แม้ความชอบธรรมของ “บิ๊กอู๊ด” ที่จะขึ้นเป็น ผบ.สส.มีน้อยลง หลังจากการดีลให้ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ รอง ผบ.สส.ลาออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนเมษายน เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊กอู๊ด” ได้เข้าไลน์ในอัตราจอมพล ต้องล้มไป ตามธรรมเนียม จึงยากที่ “บิ๊กอู๊ด” จะแหกโผขึ้นเป็น ผบ.สส.ได้ แต่ระยะหลังเริ่มมีข่าวลือหนาหูว่า “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” อยากดันให้ “บิ๊กอู๊ด” นั่งตำแหน่งนี้ เพื่อตอบแทนในหลายภารกิจที่มอบหมายให้ทำ และวางกำลังบูรพาพยัคฆ์ไว้ในกองทัพไทย

งานนี้อาจจะเห็นการแหกธรรมเนียมทางทหาร เพราะ “บิ๊กตู่” ยังคงมีอำนาจเต็มรูปแบบในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การบริหารงาน จึงอาจจะชอบธรรมที่จะไม่ปกติตามไปด้วย แต่ต้องหาทางลง และตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ “พล.อ.สมหมาย” เช่นกัน

ส่วนกองทัพบกซึ่งเป็นที่น่าจับตามากที่สุด เพราะถือกำลังปฏิวัติอยู่ในมือ ชื่อที่มาแรงหนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต ที่แข่งกันทุกวินาที คนหนึ่งคือเลือดแท้บูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ. คนหนึ่งคือเลือดแท้จันทร์โอชา “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.

ว่ากันว่าต่างคนต่างมี “จุดอ่อน” ที่ต้องประเมินกันว่าจุดอ่อนของใครจะส่งผลเสียกับ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ได้ในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่ “บิ๊กติ๊ก” ได้ดิบได้ดีก็เพราะ “บิ๊กตู่” แถมไม่ใช่นายทหารที่โตมากับสายคุมกำลัง แบบว่ามาได้เพราะ “พี่ให้” ในช่วงปลายของชีวิตราชการนี่เอง

ส่วน “บิ๊กหมู” รู้กันดีว่าเป็นทหาร “สายแข็ง” บางช่วงจังหวะอาจจะคุมไม่อยู่เอาได้ง่ายๆ เพราะมีจุดยืนในการทำงานของตัวเอง ถือเป็นจุดอ่อนของ “บิ๊กหมู” ที่ถูกส่งขึ้นโต๊ะให้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ประเมินกันตลอดเวลา เพราะหากมีสถานการณ์เปลี่ยน มี “ดีลลับ” จากใครก็ได้ที่อาจจะเป็น “บิ๊กดีล” ที่ “บิ๊กหมู” ไม่อาจจะปฏิเสธได้ วันนั้น “บิ๊กหมู” อาจจะสวนศรกลับมาทิ่มแทง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” เอาได้ จึงต้องคิดข้อได้เสียไว้ทุกทาง

ที่สำคัญ มีเสียงซุบซิบออกมาตลอดว่า “บิ๊กหมู”ไม่ค่อยเป็นที่ปลาบปลื้มของ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. แม้จะเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 มาด้วยกัน แต่มีหลายเรื่องที่กินแหนงแคลงใจกันมานาน

จึงคาดกันว่า “บิ๊กโด่ง” อาจจะเอาตัวเองออกจากความขัดแย้ง ด้วยการชงชื่อ “บิ๊กติ๊ก” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เอาไว้ก่อน ส่วน “บิ๊กป้อม” ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่จะตรวจโผคนสุดท้าย จะเปลี่ยนเป็นชื่อของ “บิ๊กหมู” ก่อนส่งถึงมือ “บิ๊กตู่” หรือไม่ ก็ต้องวัดใจกัน ... หากคนใดคนหนึ่งได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. คนที่หลีกทางให้จะได้รับรางวัลปลอบใจในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแทน

แต่อีกสูตรหนึ่งที่จะออกจากความขัดแย้งของศึกสองน้องรักต่างสายเลือดได้ คือ การต่ออายุให้ “บิ๊กโด่ง” อยู่ในตำแหน่งอีก 1 ปี เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งในกองทัพบกซึ่งมีความเป็นได้น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย

งานนี้อีกไม่นานคงรู้กันว่า “บิ๊กติ๊ก” หรือ “บิ๊กหมู” น้องคลานตามกันมาจากท้องแม่ หรือน้องคลานตามกันมาจาก ร.21 รอ. ของ “บิ๊กตู่” ใครจะเข้าวินนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. หรือจะมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาแทรกกลาง เพราะชั่วโมงนี้ คนที่จะคุมกองทัพบกในสภาวะที่บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องเป็น “คนพิเศษ” จริงๆ

นอกจากนี้ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ต้องมองข้ามช็อต วางไลน์ ผบ.ทบ.ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2559 ด้วย โดยมีการคาดการณ์ว่าจะวางให้ “บิ๊กเข้” พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพน้อยที่ 1 เข้าไลน์ 5 เสือทบ. โดยไม่ต้องขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ปล่อยให้ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. จ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หลัง “บิ๊กเข้”

ส่วนกองทัพเรือ คู่แข่งที่จะเบียดกันขึ้นเป็น ผบ.ทร. แทน “พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์” หนีไม่พ้น 2 แคนดิเดต คือ “พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง” ผู้ช่วย ผบ.ทร. ที่มีเสียงลือว่าได้รับการสนับสนุนจาก พล.ร.อ.ไกรสร เพราะเป็นคนดึงให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล จากที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ กองทัพไทย ให้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทร. ในช่วงการโยกย้ายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งหาก พล.ร.อ.ณรงค์พลได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร. จะทำให้ฝันของตระกูล “ณ บางช้าง” เป็นจริงเสียที หลังชื่อของ “พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง” พี่ชายของ พล.ร.อ.ณรงค์พล ซึ่งเคยเป็น “เต็งหาม” แคนดิเดต ผบ.ทร. แต่ก็โดน “คลิปถั่งเช่า” เล่นงานจนตกเก้าอี้มาแล้ว

ทว่า คนที่เป็นกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่คือ “พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ” เสนาธิการทหารเรือ เพราะอย่าลืมว่า “พล.ร.อ.ณะ” สนิทสนมกับ “บิ๊กป้อม” เป็นอย่างดี จึงขอลงแข่งแย่งตำแหน่งด้วย แต่ด้วยเงื่อนไขที่ พล.ร.อ.ณะ เกษียณอายุราชการปี 60 แต่ พล.ร.อ.ณรงค์พล เกษียณอายุราชการปี 59 อาจจะเปิดทางให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร. ก่อน แล้ว พล.ร.อ.ณะค่อยมารับช่วงต่อ

เรียกได้ว่าหมากเกมที่ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ได้วางเอาไว้ ถูกเซตผ่าน “นายทหาร” ที่สนิทได้ควบคุมกำลังหลัก การแต่งตั้งโยกย้ายฤดูกาลที่จะถึง เป็นตัวบ่งบอกถึงฐานอำนาจทั้งหมด

ปัจจัยการเมืองไทย ที่จะอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงหลายด้าน อาจจะมีเปลี่ยนหลายสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น การวางขุมกำลังทหาร จึงต้องรัดกุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” รู้อยู่แก่ใจดี
กำลังโหลดความคิดเห็น