xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯเอาแน่สั่งก.พลังงานคุยม็อบ "กลุ่มปกป้องอันดามัน"ลั่นสู้ไม่ถอย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (21ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ ว่าได้ให้กระทรวงพลังงาน หาทางชี้แจงทำความเข้าใจ และต้องขอความร่วมมือจาก สนช. - สปช. และ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ให้คุยกันให้รู้เรื่อง ประเด็นไหนที่ร่วมมือกันได้ ก็ร่วมมือกัน สิ่งใดที่ยังร่วมมือไม่ได้เดี๋ยวค่อยว่ากัน ในตอนปฏิรูป วันนี้ต้องวางแผนงานระยะที่หนึ่ง สอง สาม ให้ได้ ตอนนี้อยู่ที่ระยะหนึ่ง และสอง แต่ทุกเรื่องมีปัญหาหมด เพราะถูกสร้างให้เกิดความขัดแย้งมาเป็นเวลานาน ไม่ค่อยยอมรับกติกากัน รวมทั้งไม่ยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เอาปัญหาทั้งหมดมาเป็นข้อขัดแย้ง ทำให้ประเทศชาติเดินไม่ได้ วันนี้เรามาเพื่อที่จะปลดล็อกสิ่งเหล่านี้ อะไรที่ทำได้ ก็น่าจะต้องทำ
" ผมเป็นห่วงเรื่องพลังงาน โดยเฉพาะภาคใต้ ถ้าไม่ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ปริมาณไฟฟ้ามีความต้องการ 3 พันกว่ากิโลวัตต์ แต่มีแค่ 8 ร้อยกว่ากิโลวัตต์ และขณะนี้ พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ปิดซ่อมบำรุงท่อส่งก๊าซ และปีหน้าก็จะลดปริมาณการส่งก๊าซลง เพราะเป็นโควตาของประเทศเขา หากเราไม่มีแหล่งพลังงาน จะทำอย่างไร ถ้าจะดึงจากภาคกลางไปมากๆ ก็จะทำให้ภาคกลางมีปัญหาอีก ก็ต้องหันไปดูเรื่องพลังงานทดแทนที่ทุกคนอยากทำ แต่ต้องคิดด้วยว่า ทำแล้วจะสามารถเติมพลังงานแทน 8 ร้อย จาก 3 พันได้หรือไม่ ซึ่งผมก็ยังไม่รู้"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้ชัดเจนขึ้น ทั้งรถไฟรถยนต์ ถนนหนทางมอเตอร์เวย์ แต่ทุกอย่างขอให้เข้าใจว่าไม่ได้อยากช้า อยากทำให้เร็วทุกวัน ปัญหาที่ช้านั้นอยู่ที่การสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ และ เอชไอเอ) โดยประชาชนต้องเห็นชอบ ตรงนี้ถือเป็นปัญหาหลักของเรา ถ้าเราชี้แจงไม่ได้ ประชาชนไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งยังต่อต้าน จะทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น นี่คือปัญหาของงบประมาณ โครงการหลักๆ เกิดขึ้นไม่ได้เลยในช่วงหลายปี และหลายรัฐบาลที่ผ่านมา
" วันนี้ต้องขอร้อง อะไรที่ทำได้ก็ทำเถอะ และโครงการขนาดใหญ่จะได้เกิดขึ้น ส่งผลให้มีการจ้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยขอรับรองว่า ทำอะไรทุกอย่างรัฐบาลคิดเสมอว่า คนที่อยู่ในพื้นที่จะต้องได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม และเมื่อเกิดประโยชน์ตรงนั้น คนในพื้นที่จะต้องได้รับสิทธิประโยชน์ก่อน ตรงนี้คือสิ่งที่เรานึกถึงประชาชน ไม่ใช่จ่ายเงินเยียวยาแล้วจะไปไหนก็ไม่รู้ มันไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า วันนี้มีหลายโครงการที่ขออนุมัติขึ้นมา บางพื้นที่เขาไม่ต้องการให้หาที่อยู่ให้ แต่ขอเงินชดเชยอย่างเพียงพอแล้วจะไปหาที่อยู่เอง ซึ่งตรงนี้ต้องคุยกัน แต่ถ้าต่างคนยื่นข้อเสนอยันกัน โดยไม่ลดปัญหา ก็จะไปไม่ได้สักโครงการ แม้แต่การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีการประกาศผังเมืองไป ภาครัฐก็จะดูแลทั้งหมดเพื่อให้คนในพื้นที่ไม่เกิดความเดือดร้อน หรือเดือดร้อนน้อยที่สุด ซึ่งวันนี้เศรษฐกิจโลกไม่ได้เป็นแบบเดิม ที่เน้นแต่การส่งออก ต้องมองไปที่ต่างประเทศที่เขามีเรื่องการลงทุน ในประเทศต่างๆ ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มองปัญหาในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องพลังงานไฟฟ้า จะมีการพูดให้ประชาชนที่คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้า ยุติการชุมนุม และกลับบ้านอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า ตนเป็นห่วงเรื่องพลังงาน แต่การจะบังคับให้ผู้คัดค้านกลับบ้าน คงลำบาก แต่ขอเตือนไว้ก่อนตอนนี้มีกฎหมายหลายตัว โดยเฉพาะในเดือนส.ค.นี้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ก็จะมีผลบังคับใช้ ตนไม่อยากให้มีปัญหา จึงอยากให้คุยกัน วันนี้ได้ให้กระทรวงพลังงานไปชี้แจงแล้วว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง หากไม่สร้างในวันนี้ และถ้าสร้างในวันนี้ จะทำอะไร หรือไม่ทำวันนี้ จะไปทำพลังงานทดแทนตรงนี้จะทำได้หรือไม่ พลังงานไฟฟ้าที่ได้ จะพอเพียงหรือไม่ จะต้องเพิ่มอะไรอีกเยอะแยะหรือเปล่า และถ้าทำแบบนี้ จะเกิดมลภาวะอะไรหรือไม่ ก็ให้ไปดูที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง จะไปรถยนต์ หรือเครื่องบินก็ได้ ถ้าบอกกัน ไปบอกกันมาไม่เห็นของจริง ก็มีปัญหาหมด
เมื่อถามว่า จะมีการนำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ที่เขื่อนป่าซาง จ.เชียงใหม่ กลับมาพิจารณา หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องมาดูว่าทำได้หรือไม่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำในวันนี้ น้ำในเขื่อนสามารถทำได้หรือไม่ หากจะพูดก็พูดได้หมด ต้องดูว่าน้ำมีเพียงพอหรือไม่ จะใช้น้ำของเรา หรือน้ำระหว่างประเทศ ส่วนแม่น้ำสาละวิน จะไปดูดขึ้นมาเองไม่ได้ เพราะเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ มีกฎหมายอยู่ หากจะทำต้องใช้น้ำที่ระบายจากฝั่งเราสู่แม่น้ำสาละวิน แต่ต้องปั้มขึ้นเขา และเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาอีก 4-5 ลูก นั่นคือปัญหาของเรา
เมื่อถามว่า ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เตรียมที่จะเปิดซองประมูลการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่ จ.กระบี่ ในขณะที่ยังไม่ผ่านอีไอเอ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เห็นว่าเป็นการเตรียมการไว้ก่อน จริงๆ ในเดือน ส.ค. ถึงจะเป็นเรื่องเป็นราว ตอนนี้ยังไม่ผ่าน อีไอเอ ยังไงก็ยังสร้างไม่ได้ อย่าไปกังวล เขาจะเตรียมการ หรืออะไรก็ถือเป็นการเตรียมการระยะที่หนึ่ง ถ้ามันไม่ได้ ก็คือไม่ได้ เช่นเดียวกับการลงทุนอื่นๆ ที่ต้องมีขั้นตอนการดำเนินการ กฎหมายบางเรื่องผ่านกระทรวงเข้ากฤษฎีกา มาที่ ครม. ซึ่ง ครม.รู้อยู่แล้วว่า จะต้องผ่านกรรมาธิการอีก 3 คณะ และไม่ได้ผ่านกันง่ายๆ หากเรากังวลทุกเรื่อง จะทำอะไรไม่ได้ ติดไปหมด ต้องเข้าใจตรงนี้
"กฎหมายบางกฎหมาย ถ้าเข้าสู่ชั้นการพิจารณาจะเห็นได้ว่า ไม่สามารถผ่านง่ายๆ ไม่ใช่ว่าผมอ้างว่าพวกทหารมาแล้วผ่านง่ายๆ เขาก็รักชาติเหมือนกัน อยากให้รู้ตรงนี้ ไม่ใช่มองว่าพวกผมหมดทุกเรื่อง ถ้าเป็นพวกผม มันอยู่ไม่ได้ถึงวันนี้หรอก กฎหมายคงออกได้พันกว่าฉบับแล้ว แต่วันนี้กฎหมายยังติดอยู่ถึงสองร้อยฉบับ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

**ถามคนใต้ยอมจ่ายค่าไฟแพงหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนต้องการความสะดวก ต้องการสิ่งใหม่ๆ ต้องการไฟฟ้าราคาถูก ตนไม่อยากให้ใช้คำว่า ต้องการสิ่งที่ถูกแล้วก็บิดเบือนอีกต่อไป ต้องเข้าใจว่าเป็นอย่างไรในข้อเท็จจริง ไฟฟ้าที่มาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะน้ำมันที่ราคาถูกลง ต้นทุนการผลิตลดลงพอสมควร ทั้งนี้ต้องเผื่อด้วยว่าถ้าราคามันขึ้น จะทำอย่างไร หากวันหน้าเรายังไม่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่ผลิตมาจากแก๊ส และน้ำมัน กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และพลังงานทดแทน 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องหาวิธีการหาพลังงานอื่นมาทดแทน ไปคิดเอาแล้วกันว่า จะหาอะไรมา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กระทรวงพลังงานกำลังดูอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายโครงการมีการประมูลไปแล้ว แต่ยังสร้างไม่ได้นับร้อยโครงการ เพราะไม่ผ่านอีไอเอ แต่ข้อระวังคือ ไฟฟ้าจะไม่พอใช้ แล้วใครจะรับผิดชอบให้ตน ถ้าวันหน้าราคาไฟฟ้าสูงขึ้น จะทำอย่างไร หากในวันหน้าทางภาคใต้ ต้องไปใช้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอย่างอื่น ที่เป็นต้นทุนสูง ถามว่าภาคใต้ใช้ไฟฟ้าแพงกว่าพื้นที่อื่นได้หรือไม่ ตรงนี้ต้องคิดให้ตนด้วย ทั้งนี้ตนไม่ได้ห้าม หากจะผลิตพลังงานไฟฟ้าจากน้ำมันปาล์มใช้ในพื้นที่ ทำได้ก็ทำ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในแผนพัฒนาพลังงานอยู่แล้ว หากคิดจะสร้างโรงงานไฟฟ้าจากน้ำมันปาล์ม ต้องดูว่าใครจะมาลงทุน สร้างที่ใด ใช้เงินเท่าไหร่ สายส่งจะไปอย่างไร น้ำมันปาล์มจะเพียงพอกับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ากว่า 3 พันวัตต์ หรือไม่ ไม่ใช่ใครจะทำตรงไหนก็ได้เพราะพลังงานเหล่านี้ ต้องมีแรงดันสูง ถ้าทำโรงงานขนาดเล็ก ก็คงไม่เพียงพอที่จะขับเคลื่อน
เมื่อถามว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สั่งให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณาดูแล้ว อะไรๆ ก็จะมาให้ตนตั้งอย่างนั้นหรือ ตนได้ให้นโยบายกระทรวงในฐานะผู้รับผิดชอบแล้ว โดยได้ให้นโยบายไปหารือในสิ่งที่เข้าใจไม่ตรงกัน วันนี้เอาทุกอย่างมาปนกันหมด ทั้งน้ำมัน สัมปทาน ตีรวนไปหมด ตนบอกไปว่า ให้เอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนมา หากมีตัวเลขมีหลักฐานทางดาวเทียวมพิสูจณ์ ขณะที่อีกฝ่ายมีหลักฐานอย่างไร หรือใช้วิธีการนั่งทางในมา ตนไม่รู้ มันต้องทำงานด้วยหลักฐาน ถ้าเขาถูก ตนก็ตามเขา แต่หากไม่ถูก ก็ต้องตามนี้ ข้าราชการต้องทำงานด้วยหลักการ เพราะเป็นผู้รับผิดชอบ คนอื่นไม่ได้รับผิดชอบ ถ้าสร้างไม่ได้ ไฟฟ้าไม่พอใช้ในพื้นที่ภาคใต้ ใครจะรับผิดชอบ คนที่ต่อต้านจะรับผิดชอบหรือไม่ ก็ไม่รับผิดชอบทั้งสิ้น
" ผมไม่ได้อยากขัดแย้งท่าน ผมฟังทุกคน แต่ผมต้องทำตามหลักเกณฑ์ กฎหมายบอกว่า รัฐบาลโดยกระทรงวงพลังงาน มีหน้าที่จัดหาพลังงานให้ประเทศ โดยไม่ขาดแคลน พ.ร.บ.เขามีอยู่ ดังนั้นเขาก็ต้องหาวิธีการแต่ปัญหาของเราคือ มันต้องผ่าน อีไอเอ ถ้าคิดว่าผมอยากจะทำอะไรก็สั่ง ทีอย่างนี้ทำไมไม่ขอให้ผมใช้ มาตรา 44 สั่ง เอาไหมล่ะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

** ถามอดข้าว แต่แอบกินหรือเปล่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วจะใช้ มาตรา 44 จัดการปัญหานี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คุณสั่งผมมาสิ ไม่ต้องสั่งหรอก ก็อยู่กันแบบผูกคอกันอย่างนี้ตลอดไป วันนี้ต้องลดการใช้กฎหมายลงให้ได้มากที่สุด เพราะเราเข้ามาเพื่อแก้ปัญหา ไม่ได้มาสร้างปัญหา หรือใช้อำนาจอย่างเต็มรูปแบบ เหมือนกับรัฐประหารที่อื่นเขาทำ ไม่มีที่ไหนเขาทำแบบนี้หรอก ให้นักข่าวมายืนแบบนี้ ไม่มีในโลก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอดข้าวมาหลายวันแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ไปดู เขากินตอนกลางคืนที่ไหนรึเปล่า ตนไม่รู้ เดี๋ยวจะให้คนไปดูแล ที่ผ่านมาในอดีต ตนเห็นมีการเจาะรูพื้นข้างล่าง ทั้งนี้ ตนไม่ได้ดูถูก เขาอาจจะอดจริงก็ได้ แต่คนเราอดน้ำ อดข้าว สามวันก็ตายแล้ว อันนี้เขาอดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังรอความชัดเจนจากรัฐบาล นายกฯกล่าวว่า จะให้ชัดอย่างไร บอกแล้วไง ถ้าชัด คือไม่สร้าง และถ้าไม่สร้างก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ และค่าไฟฟ้าก็จะสูงกว่าภาคอื่น เอาสิ เลือกเอา ตนพร้อมทำทุกอย่าง แต่อย่ามาร้องว่า ไม่มีไฟฟ้าใช้ก็แล้วกัน อย่ามาบอกว่า เศรษฐกิจไม่ดี หมู่บ้านนี้ไม่เจริญ ถ้าจะเอาทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ไม่มีใครให้ได้ มันต้องหาตรงกลางให้เจอ แล้วเสริมกัน

** ฝ่ายต้านโรงไฟฟ้าเรียกร้อง 3 ข้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 9.00 น. วานนี้ ที่ศูนย์บริการประชาชน (ฝั่งก.พ.) กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน นำโดย นายอัครเดช ฉากจินดา และชาวบ้านจาก จ.กระบี่ ประมาณ 80 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เรื่องข้อเสนอต่อการยกเลิกโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ โดยมีพล.อ.สกล ชื่นตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่อง
นายอัครเดช กล่าวว่า ทางเครือข่ายอดอาหารมาเป็นเวลา 12 วันแล้ว โดยได้ยื่นข้อเสนอเรียกร้องต่อรัฐบาล 3 ข้อ 1. ขอให้รัฐบาลยกเลิกการพิจารณา EIA และ EHIA ทั้งสองฉบับ ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว
2. ขอให้หยุดการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วโดยไม่มีกำหนด
3. ขอให้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาข้อเสนอของทางกลุ่ม โดยขอเวลา 3 ปี เพื่อทำโครงการพลังงานหมุนเวียน ซึ่งถ้าหากรัฐบาลทำสองข้อแรกได้ก่อน ตนและพวกก็จะกลับมากินอาหารทันที
ขณะเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน นำโดย นายเดช พุ่มคชา ประธานที่ปรึกษาสภาประชาชนเพื่อการปฏิรูป ตัวแทนของ ศ.ระพี สาคริก ราษฎรอาวุโส และ ดร.สมิทธ์ ตุงคะสมิต อาจารย์ ม.รังสิต ได้เคลื่อนย้ายกลุ่มจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.) มายังประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือและรายชื่อประชาชนร่วมคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน พร้อมแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ ถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีนายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษา มล. ปนัดดา ดิศกุล ปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี รับมอบหนังสือจากตัวแทนกลุ่ม โดยนายกมล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมยืนยันว่าจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา
นายประสิทธิชัย หนูนวล ตัวแทนเครือข่าย กล่าวว่า ถ้าเราไปดูการใช้ไฟฟ้าของทั้งโลก เราจะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน เราสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้มากกว่าพลังงานฟอสซิลแล้ว ซึ่งเมื่อมามองที่ จ.กระบี่ กรมพลังงานทดแทนกระทรวงพลังงานได้ทำการศึกษามาว่า จ.กระบี่ สามารถผลิตพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนได้มากถึง 1,000 เมกกะวัตต์ ตอนนี้จ.กระบี่ สามารถนำน้ำเสียจากโรงงานปาล์ม มาพัฒนาเป็นพลังงานได้แล้ว โดยมีโรงงานไฟฟ้าจากน้ำเสีย ที่ผลิตไฟฟ้าได้แล้วถึง 11 โรง ซึ่งถ้าหากรัฐบาลมีการขยายสายส่ง แต่ละโรงงาน จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 10 เมกกะวัตต์ และถ้าหากมีการเพิ่มเทคโนโลยีเข้าไป ก็จะสามารถผลิตได้ 40 เมกะวัตต์ ต่อหนึ่งโรงงาน นั่นหมายความว่า โรงไฟฟ้าถ่านหิน 800 เมกกะวัตต์ ที่รัฐกำลังจะสร้างด้วยงบประมาณ 50,000 ล้านบาทนั้น ไม่มีความจำเป็นเลย เพราะว่าถ้าหากเรามาพัฒนาโรงไฟฟ้าจากปาล์มเพิ่มขึ้นไปสี่เท่าตัว ก็สามารถผลิตไฟฟ้าในปริมาณเท่ากันแล้ว แต่สิ่งที่ชาวบ้านจะได้รับก็คือ ราคาปาล์ม จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าเป็นถ่านหิน เราต้องไปซื้อถ่านหินมาจากประเทศอินโดนีเซีย และมีเพียงแค่สองบริษัท ที่ทำสัมปทาน แต่หากเราใช้พลังงานจากปาล์ม เกษตรกรชาวไทยนับแสนราย จะได้ประโยชน์ และรัฐบาลก็ไม่ต้องแก้ปัญหาเรื่องราคาปาล์มอีกต่อไป
"ทางเครือข่ายได้เรียกร้องเรื่องนี้มาสามปีแล้ว แต่ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และรัฐบาลก็ไม่เคยรับฟัง จนตอนนี้พวกผมต้องเอาชีวิตมาแลก ด้วยการอดอาหารมาแล้วกว่า 12 วัน ซึ่งก็อยากถามทางรัฐบาลว่า จะเลือกให้พ่อค้าถ่านหินได้ประโยชน์ และปล่อยให้พวกผมตาย หรือจะเลือกอยู่เคียงข้างประชาชนชาวอันดามัน" นายประสิทธิชัย กล่าว

** ผลการหารือไม่มีความคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน ได้ขอให้เครือข่ายฯส่งตัวแทนเข้าหารือร่วมกันภายในห้องประชุมสำนักงาน ก.พ. โดยใช้เวลาหารือประมาณ 5 ชั่วโมง โดยเมื่อเวลา 16.00 น. นายประสิทธิ์ชัย แถลงผลการหารือว่า เครือข่ายฯจะปักหลักจนกว่าจะได้คำตอบจากนายกรัฐมนตรี ที่เห็นด้วยให้ยกเลิกการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ซึ่งหากยังไม่ได้คำตอบอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าชาวอันดามัน จะเดินทางเข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านจากทุกฝ่าย เพราะสิ่งที่ชี้แจงนั้น ถือเป็นข้อมูลเก่า และอาจมีการเอื้อประโยชน์ให้กับหน่วยงานอื่นที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์ได้ ทั้งนี้ ยังยืนยันข้อเรียกทั้ง 3 ข้อ คือให้ยกเลิกรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโรงงานผลิตไฟฟ้า และท่าเรือขนส่งถ่านหิน พร้อมขอให้ชะลอการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินออกไปอีก 3 ปี เพื่อขอเวลาพิสูจน์ว่าแนวคิดในการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานจากน้ำมันปาล์มเพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้ง มองว่า กระบวนการของรัฐบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจมีการทุจริตเข้าแทรกแซง
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งข้อสังเกตว่า การอดอาหารเกิน 3 วัน ไม่สามารถทำได้นั้น นายประสิทธิชัย ยืนยันว่า ตนเพียงอดอาหาร แต่ไม่ได้อดน้ำ ซึ่งสามารถอยู่ได้ถึงเดือน และไม่เคยละเมิดสัจจะแอบรับประทานอาหารช่วงกลางคืน ซึ่งหากผิดสัจจะ ก็ขอให้ไม่ได้รับชัยชนะครั้งนี้ ซึ่งตน ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้สติก่อนให้ข่าว เพราะมันเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ และชีวิตประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น