“อภิสิทธิ์” ร่วมเปิดตัวหนังสือ “มหากาพย์โกงข้าว” ยกเป็นคู่มือแฉขบวนการทุจริต สร้างภาระงบฯ 7.2 หมื่นล้าน เรื้อรัง 5-7 ปี จับตา อสส.สั่งคดีรัฐบาลยิ่งลักษณ์โกงข้าว 4 กันยาฯ “หมอวรงค์” เรียกร้อง “ครม.ประยุทธ์” อ่านเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืน เชื่อหาก “รัฐบาลปู” ได้อ่านจะเข้าใจทำไมต้องติดคุก ขณะที่ “ศ.ระพี” วอนรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญต่อการวิจัยพันธุ์ข้าว ให้มากกว่าต่างประเทศ พร้อมจี้ รมต.ลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงจะได้ไม่ถูกข้าราชการแหกตาเหมือนที่ผ่านมา
ที่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ (3 ก.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการเปิดตัวหนังสือ “มหากาพย์โกงข้าว” ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกเสนีย์ ปราโมช โดยมีแขกรับเชิญมาร่วมงานอย่างคึกคัก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรครปะชาธิปัตย์ ได้เป็นประธานเปิดตัวหนังสือ โดยกล่าวว่า นพ.วรงค์รับภาระในเรื่องตรวจสอบโครงการจำนำข้าวที่สร้างปัญหาตั้งแต่กระบวนการผลิต ตลาดข้าว การค้า และภาระด้านการเงินการคลัง ในวันที่ 4 กันยายนที่จะถึงนี้จะเป็นวันสำคัญที่อัยการจะตัดสินเกี่ยวกับคดีทุจริตจำนำข้าว หนังสือเล่มนี้จะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริตทั้งหมด ความเสียหายที่เกิดขึ้นเฉพาะเรื่องเดียว คือ ภาระด้านงบประมาณในปี 2558 ต้องใช้เงินประมาณ 7.2 หมื่นล้านไปกับการใช้หนี้ ธ.ก.ส. เป็นความสูญเสียโอกาสที่เกิดขึ้นเพราะเงินดังกล่าวไม่ได้ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยยังต้องจัดเงินให้ ธ.ก.ส.ในจำนวนเท่านี้อีก 5-7 ปี ตนจึงหวังว่าจะไม่ต้องมีหนังสือแบบนี้ออกมาอีกในประเทศไทย แต่ขอให้ใช้หนังสือนี้เป็นคู่มือเพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีก
ด้าน นพ.วรงค์กล่าวถึงเหตุผลในการเขียนหนังสือว่า เกิดจากปัญหาโครงการจำนำข้าวที่มีการโกงในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำคือการลงทะเบียนเกษตรกร กลางน้ำ คือ โรงสี การเก็บรักษาข้าว และปลายน้ำคือการระบายข้าว และยังมีการบิดเบือนกลไกตลาดจนทำลายอุตสาหกรรมข้าวไทยทั้งระบบ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงได้แม้แต่เรื่องเดียว แต่เมื่อจะนำต้นฉบับไปจัดพิมพ์กลับไม่มีสำนักพิมพ์ใดกล้าทำ จึงขอขอบคุณนายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการนิตยสารลิป ที่รับจัดพิมพ์จนกระทั่งออกมาเป็นรูปเล่ม อยากให้ประชาชนได้ซื้อมาอ่านเพราะเชื่อว่าจะมีการบิดเบือนเรื่องนี้ในอนาคต แต่หนังสือเล่มนี้จะเป็นหลักฐานและเป็นคำตอบเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยจะวางแผงในวันที่ 5 กันยายน ในราคาเล่มละ 310 บาท นำรายได้ไปใช้ในการศึกษาวิจัยเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษได้ โดยต้องเรียนตั้งแต่อนุบาล ซึ่งมีการทำโครงการนำร่องในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งเพื่อเด็กด้อยโอกาสได้เรียนภาษาอังกฤษวันละ 2 ชั่วโมง จึงถือว่าการซื้อหนังสือยังเป็นการทำบุญเพื่ออนาคตประเทศด้วย
“ผมคิดว่า ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะบอกว่าจะปราบปรามการทุจริต หากได้อ่านจะเข้าใจเรื่องข้าวทั้งระบบ โดยขอบังคับให้ ครม.อ่านในบทที่ 11 ซึ่งจะเป็นมาตรการช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่หวงหาก ครม.ชุดนี้จะนำไปดำเนินการก็จะเห็นแนวทางแก้ไข เช่น ให้ชาวนาทำข้าวโอทอป รัฐบาลทำตลาด และฝากถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นคนคิดนโยบายนี้โดยหวังที่จะชี้นำราคาตลาดโลกขอให้อ่านความผิดพลาดของตัวเองที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ รวมถึงทีมข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งหมดหากได้อ่านแล้วจะเข้าใจว่าทำไมต้องติดคุก” นพ.วรงค์กล่าว
ด้าน ศ.ระพี สาคริก ผู้เชียวชาญเรื่องข้าวและกล้วยไม้ กล่าวว่า ปัญหาข้าวไทยมีตั้งแต่เรื่องของพันธุ์ข้าวที่ถูกต่างชาตินำไปพัฒนา การนำเครื่องจักรเข้ามาใช้แทนแรงงาน การให้ความรู้ที่ผิดพลาดจนทำให้สังคมเสียวัฒนธรรมท้องถิ่น ตนอยากเห็นรัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับการทำวิจัยในประเทศมากกว่าต่างประเทศ และผู้ที่จะมาดูแลแก้ปัญหาข้าวไทยต้องเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณอย่างแท้จริงและมีความเข้าใจกับปัญหาอย่างลึกซึ้ง และมีความจริงใจเช่นการพยายามทำให้ไทยกลับมาครองแชมป์ส่งออกได้อีกครั้ง โดยจะต้องมองย้อนหลังกลับไปให้ถึงรากเหง้า แต่เวลานี้คนไทยส่วนใหญ่ลืมง่าย ทุกวันนี้รากมันหายไป โดยเฉพาะปัญหาการทุจริต ทำอย่างไรที่จะให้คนพวกนี้ทำจากจิตใต้สำนึกของตนเอง รู้ประวัติของเราเป็นมาอย่างไร เวลานี้บ้านเมืองเราล้มเหลวหลายอย่างจึงต้องเร่งพัฒนาคน
“ทุกวันนี้คนที่เป็นรัฐบาลไม่เหยียบแผ่นดิน รัฐมนตรีไม่ลงพื้นที่หาข้อมูลถ้าตราบใดที่เหยียบพื้นดินไม่เป็น จะทำให้ข้างล่างคือพวกข้าราชการ และคนใกล้ตัวแหกตาหลอก และหาประโยชน์ใส่ตัว คอยป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้ จึงต้องระวังอย่างยิ่ง”