ศาลนัดฟังคำสั่งคดี “กองทัพบก” ฟ้องหมิ่น “ทักษิณ” พาดพิงทหารยึดอำนาจ 28 ส.ค.นี้ หลัง ผอ.พระธรรมนูญ ทหารบก เบิกความไต่สวนมูลฟ้องระบุ คำให้สัมภาษณ์กระทบกองทัพบก ยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพราะสังคมขัดแย้งรุนแรงมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมเร่งทำคดีสำนวนม.112
วานนี้ (20 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำ อ.1824/2558 ที่กองทัพบก มอบอำนาจให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19-22 พ.ค. 2558 จำเลยได้ใส่ความโจทก์ว่าเป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งไม่ใช่ความจริง โดยจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทยที่มีการเผยแพร่ผ่านยูทิวบ์ และสื่อออนไลน์ การกระทำนั้นส่งผลให้ให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง
โดย พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก ผู้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก โจทก์ เดินทางมาเบิกความด้วยตนเอง พร้อมยื่นแผ่นซีดีและคำถอดเทปการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 22 พ.ค. 2558 ส่งศาลด้วย ซึ่งพล.ต.ศรายุทธ เบิกความสรุปว่า ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ค. 2558 พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยได้ให้สัมภาษณ์จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการยึดอำนาจกระทบต่อองคมนตรี และทหารที่หมายถึงกองทัพบก รวมทั้งกล่าวหาว่าโจทก์ชื่นชอบประชาธิปไตยแบบประเทศพม่า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การให้สัมภาษณ์อยู่ในบรรยากาศที่เป็นห้องส่วนตัว แต่ไม่ทราบว่ามีบุคคลอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ โดยเนื้อหาการสัมภาษณ์ ส่วนหนึ่งในวันที่ 22 พ.ค. 2558 มีการพูดการยึดอำนาจ องคมนตรี และทหาร ซึ่งการยึดอำนาจที่ผ่านมา กองทัพบกเป็นผู้ริเริ่มจริง แต่ไม่ได้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง แต่เพราะก่อนหน้านั้นเกิดความขัดแย้งของหลายฝ่ายจนหาทางออกไม่ได้และมีการใช้อาวุธสงครามจนมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต ที่จะกระทบต่อความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ กองทัพบก จึงต้องสร้างความสงบสุข และป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ขณะที่การยึดอำนาจไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะเท่าที่ทราบประชาชน 80-90% และนักวิชาการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยแต่ก็มีจำนวนน้อย ขณะที่การยึดอำนาจนั้นไม่ได้มีผู้ใดสั่งการ ไม่ว่าจะเป็นองคมนตรีหรือกระบวนการในวัง และโจทก์ ไม่เคยมีแนวคิดเป็นเผด็จการเหมือนประเทศพม่า ตามที่จำเลยสัมภาษณ์
ทั้งนี้ พล.ต.ศรายุทธยังตอบการซักค้านของทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า การชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่ม กปปส.ไม่ได้เรียกร้องให้มีการยึดอำนาจ แต่เป็นการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนั้นลาออก โดยการยึดอำนาจไม่ได้ทำให้ฝ่ายบริหารและสภาเสียหาย แต่การยึดอำนาจสืบเนื่องจากที่ฝ่ายบริหารทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนที่ผ่านมาประชาชนไม่สามารถออกมาชุมนุมก็เนื่องมาจากมีกฎอัยการศึก แต่ก็เพราะก่อนหน้าที่จะมีการยึดอำนาจเคยเกิดการชุมนุมจนไม่สามารถจัดการได้ จึงต้องใช้กฎอัยการศึกควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ส่วนถ้อยคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ส่วนหนึ่งก็ทราบมาจาก เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อหยุดดัดจริตประเทศไทย แต่การโพสต์ลงสื่อโซเชียลฯ ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใคร
ภายหลัง พล.ต.ศรายุทธเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว อัยการแถลงหมดโจทก์ที่จะนำมาไต่สวนมูลฟ้องอีก ดังนั้นศาลจึงนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ต่อมา พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก เปิดเผยว่า เดินทางมาเป็นพยานไต่สวนมูลฟ้อง ได้กล่าวถึงถ้อยคำตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ หากภายหลังศาลมีคำสั่งรับฟ้องแล้ว เรื่องการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินคดีก็คงเป็นกระบวนการในชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) มีการดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯนั้นทางกองทัพบกจะพิจารณาฟ้องเองต่อศาลโดยตรงด้วยหรือไม่ พล.ต.ศรายุทธกล่าวว่า ทางกองทัพบกจะมีการฟ้องในส่วนที่มีการพาดพิงถึงหน่วยงานเท่านั้น ส่วนเรื่องคดี 112 ให้เป็นหน้าที่ของ ปอท.
วานนี้ (20 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำ อ.1824/2558 ที่กองทัพบก มอบอำนาจให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19-22 พ.ค. 2558 จำเลยได้ใส่ความโจทก์ว่าเป็นบุคคลน่ารังเกียจ เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และเป็นบุคคลที่ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งไม่ใช่ความจริง โดยจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทยที่มีการเผยแพร่ผ่านยูทิวบ์ และสื่อออนไลน์ การกระทำนั้นส่งผลให้ให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง
โดย พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก ผู้รับมอบอำนาจจากกองทัพบก โจทก์ เดินทางมาเบิกความด้วยตนเอง พร้อมยื่นแผ่นซีดีและคำถอดเทปการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ วันที่ 22 พ.ค. 2558 ส่งศาลด้วย ซึ่งพล.ต.ศรายุทธ เบิกความสรุปว่า ระหว่างวันที่ 19-22 พ.ค. 2558 พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยได้ให้สัมภาษณ์จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการยึดอำนาจกระทบต่อองคมนตรี และทหารที่หมายถึงกองทัพบก รวมทั้งกล่าวหาว่าโจทก์ชื่นชอบประชาธิปไตยแบบประเทศพม่า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย การให้สัมภาษณ์อยู่ในบรรยากาศที่เป็นห้องส่วนตัว แต่ไม่ทราบว่ามีบุคคลอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ โดยเนื้อหาการสัมภาษณ์ ส่วนหนึ่งในวันที่ 22 พ.ค. 2558 มีการพูดการยึดอำนาจ องคมนตรี และทหาร ซึ่งการยึดอำนาจที่ผ่านมา กองทัพบกเป็นผู้ริเริ่มจริง แต่ไม่ได้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง แต่เพราะก่อนหน้านั้นเกิดความขัดแย้งของหลายฝ่ายจนหาทางออกไม่ได้และมีการใช้อาวุธสงครามจนมีผู้บาดเจ็บเสียชีวิต ที่จะกระทบต่อความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ กองทัพบก จึงต้องสร้างความสงบสุข และป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ขณะที่การยึดอำนาจไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะเท่าที่ทราบประชาชน 80-90% และนักวิชาการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยแต่ก็มีจำนวนน้อย ขณะที่การยึดอำนาจนั้นไม่ได้มีผู้ใดสั่งการ ไม่ว่าจะเป็นองคมนตรีหรือกระบวนการในวัง และโจทก์ ไม่เคยมีแนวคิดเป็นเผด็จการเหมือนประเทศพม่า ตามที่จำเลยสัมภาษณ์
ทั้งนี้ พล.ต.ศรายุทธยังตอบการซักค้านของทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า การชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่ม กปปส.ไม่ได้เรียกร้องให้มีการยึดอำนาจ แต่เป็นการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนั้นลาออก โดยการยึดอำนาจไม่ได้ทำให้ฝ่ายบริหารและสภาเสียหาย แต่การยึดอำนาจสืบเนื่องจากที่ฝ่ายบริหารทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนที่ผ่านมาประชาชนไม่สามารถออกมาชุมนุมก็เนื่องมาจากมีกฎอัยการศึก แต่ก็เพราะก่อนหน้าที่จะมีการยึดอำนาจเคยเกิดการชุมนุมจนไม่สามารถจัดการได้ จึงต้องใช้กฎอัยการศึกควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ส่วนถ้อยคำสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ส่วนหนึ่งก็ทราบมาจาก เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อหยุดดัดจริตประเทศไทย แต่การโพสต์ลงสื่อโซเชียลฯ ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใคร
ภายหลัง พล.ต.ศรายุทธเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว อัยการแถลงหมดโจทก์ที่จะนำมาไต่สวนมูลฟ้องอีก ดังนั้นศาลจึงนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ต่อมา พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผอ.สำนักงานพระธรรมนูญ ทหารบก เปิดเผยว่า เดินทางมาเป็นพยานไต่สวนมูลฟ้อง ได้กล่าวถึงถ้อยคำตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ หากภายหลังศาลมีคำสั่งรับฟ้องแล้ว เรื่องการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินคดีก็คงเป็นกระบวนการในชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) มีการดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯนั้นทางกองทัพบกจะพิจารณาฟ้องเองต่อศาลโดยตรงด้วยหรือไม่ พล.ต.ศรายุทธกล่าวว่า ทางกองทัพบกจะมีการฟ้องในส่วนที่มีการพาดพิงถึงหน่วยงานเท่านั้น ส่วนเรื่องคดี 112 ให้เป็นหน้าที่ของ ปอท.